จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 340

หลังจากที่หยุนถิงกลับไปก็พูดกับจวินหย่วนโยวโดยตรง ทั้งสองคนเก็บข้าวของเสร็จ ก็กลับไปคืนนั้นเลย

เดิมทีหยุนถิงอยากจะชนะให้ได้ครอบครองคันธนูและลูกธนูทองคำบริสุทธิ์อันนั้น แต่จู่ๆนางก็พบวิธีหาเงินกะทันหัน หากสามารถทำได้ดีอยากจะได้คันธนูและลูกธนูมากมายเท่าไหร่ก็สามารถหาได้ทั้งนั้น ดังนั้นนางจึงไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ต่ออีก

หลังจากที่กลับเมืองหลวง หยุนถิงก็ให้จวินหย่วนโยวกลับจวนซื่อจื่อ ตัวเองพาหลงเอ้อไปที่บ้านผีสิงทันที

ทันทีที่จ้าวเม่ยเอ๋อร์เห็นหยุนถิงเข้ามา ก็สะดุ้งตกใจเช่นกัน“หรือว่าจวินหย่วนโยวไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจได้ ถึงกับมาหาข้ากลางดึกเช่นนี้?”

หยุนถิงกลอกตามองนางครู่หนึ่ง“สมองคิดอะไรอยู่น่ะ อย่าพูดจาเหลวไหล ที่ข้ามาครั้งนี้เพราะมีเรื่องจริงจัง เจ้าไปแจ้งคนตอนนี้เลย ให้พวกเขาขนของออกไปคืนนี้เลย มุ่งเน้นไปที่ตอนเหนือก่อน แคว้นอื่นๆยังไม่ต้องรีบ”

“ตกลง” จ้าวเม่ยเอ๋อร์ไม่ได้ถามอะไรมาก รีบไปแจ้งทันที

หลงเอ้อเฝ้าอยู่ที่สันกำแพงของลาน เพราะที่นี่คือบ้านผีสิง แล้วก็เป็นกลางดึก ดังนั้นจึงไม่มีใครอยู่เลย แต่ว่าหยุนถิงก็ไม่กล้าประมาทเช่นกัน

หยุนถิงเพียงแต่เข้าไปในห้อง ใช้มิติสร้างสิ่งต่างๆทันที สร้างถุงนอน เต็นท์ ขนมปังกรอบมากมาย แล้วก็อุปกรณ์ที่นางวาดให้ฮ่องเต้ในวันนี้ สรุปคือล้วนเป็นสิ่งที่สามารถใช้กลางแจ้งทั้งนั้น

นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหยุนถิงถึงเร่งกลับมากลางดึก ภูเขาถูกปกคลุมด้วยหิมะ ถึงแม้จะมีอุปกรณ์ก็เป็นไปไม่ได้ที่ถึงในหนึ่งวัน หากค้างคืนบนภูเขาหิมะ เช่นนั้นต้องทำให้คนแข็งตายแน่นอน ดังนั้นถุงนอนกับเต็นท์และอื่นๆจึงกลายเป็นของใช้จำเป็น

ทางด้านตอนเหนือมีชาวบ้านมากมาย หากใช้หนึ่งคนต่อหนึ่งอัน ต้องทำเงินได้มากมายแน่ ดังนั้นหยุนถิงจึงเร่งกลับมา ก็เพื่อที่จะทำกำไรมหาศาลโดยเฉพาะ

มีองค์ชายสี่อยู่ด้วย หยุนถิงไม่กังวลว่าฮ่องเต้จะปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย อย่างไรเสียเขาก็เป็นราชาแห่งแคว้น ไม่สามารถทนมองดูชาวบ้านตายไปอยู่แล้ว

หยุนถิงยัดเอาไว้เต็มทั้งห้อง จากนั้นก็อธิบายกับจ้าวเม่ยเอ๋อร์ใช้ชัดเจน แล้วก็พาหลงเอ้อไปหากัวอวิ๋นโหรว และคัดลอกเหมือนกันอีกหลายห้องใหญ่ๆ

ในคืนนี้ คนและรถม้านับไม่ถ้วนเข้าๆออกๆ ล้วนเป็นการขนส่งสินค้าทั้งนั้น และเมื่อทหารรักษาการณ์ที่อยู่หน้าประตูเมืองเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ของจวนซื่อจื่อ ย่อมไม่กล้าขัดขวางอยู่แล้ว ปล่อยผ่านไปทั้งหมด

หยุนถิงกลับไปถึงจวนซื่อจื่อ ก็เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว

จวินหย่วนโยวได้ยินเสียงเปิดประตู นอนอยู่บนเตียงไม่ได้ขยับเขยื้อน และไม่ได้พูดอะไร

หยุนถิงเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบา ถอดเสื้อผ้าแล้วก็นอนลงไปด้านข้างจวินหย่วนโยว เพิ่งจะหลับตาลง มือใหญ่ของจวินหย่วนโยวก็ยื่นออกมา กอดนางเอาไว้

“รีบเข้านอนเถอะ ยุ่งมานานขนาดนี้คงเหนื่อยแล้วใช่ไหม” เสียงที่เป็นห่วงของจวินหย่วนโยวดังมา

“ตกลง ซื่อจื่อ” หยุนถิงนอนลง แล้วก็ร้องโอ๊ยออกมา

“เป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” จวินหย่วนโยวกล่าวถามด้วยความเป็นห่วง

“ก็แค่กลางคืนออกไปยืนนานไปหน่อย รู้สึกปวดเอวเล็กน้อย”

“ข้านวดให้เจ้า” มือใหญ่ของจวินหย่วนโยวยื่นเข้ามา ช่วยหยุนถิงนวดเอวของนาง

การกระทำอ่อนโยนระมัดระวัง ราวกับกลัวว่าจะทำให้นางเจ็บ เป็นห่วงอย่างยิ่ง

หยุนถิงรู้สึกถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของซื่อจื่อ ความร้อนจากฝ่ามือของเขาส่งมาถึงเอวของตัวเอง แล้วแผ่ซ่านไปยังหัวใจ รู้สึกประทับใจมาก

“ซื่อจื่อ ขอบคุณท่านมาก”

“เด็กโง่ บอกเจ้าไปตั้งหลายครั้งแล้ว กับข้าไม่ต้องขอบคุณ” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก

“อืม ชาตินี้ได้แต่งงานกับท่านช่างดีจริงๆ” ในใจของหยุนถิงเต็มไปด้วยความอบอุ่น

เขาไม่ได้ถามตัวเองว่าไปทำอะไร ยิ่งไม่ได้สงสัย และไม่ได้ส่งคนไปจับตามองตัวเอง แต่ปล่อยให้ตัวเองลงมือทำ ฟ้าถล่มลงมามีเขาคอยค้ำยันอยู่

จวินหย่วนโยวที่เป็นเช่นนี้คือสามีตัวอย่างแน่นอน หยุนถิงซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

บางทีอาจเพราะคืนนี้วิ่งไปหลายที่ ใช้ความคิดมากเกินไป หรืออาจเป็นเพราะแรงกำลังที่อ่อนโยนของจวินหย่วนโยวทำให้หยุนถิงปล่อยวางลงมา ไม่นานเท่าไหร่หยุนถิงก็นอนหลับไป

ฟังเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาของนาง นัยน์ตาของจวินหย่วนโยวเต็มไปความเอ็นดูสงสาร

เหตุใดนังหนูคนนี้ถึงได้สู้สุดชีวิตเช่นนี้ เงินที่ตัวเองหามาได้อย่าว่าแต่ชาติเดียวเลย ถึงแม้นางจะใช้สิบชาติก็ยังใช้ไม่หมด

จวินหย่วนโยวอยากจะมัดหยุนถิงเอาไว้ข้างกายอย่างมาก หรือไม่ก็ใส่เข้าไปในกระเป๋า พกติดตัวไปทุกที่ แทบไม่อยากจะแยกจากนางแม้แต่นาทีเดียว

แต่เขารู้ว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่หยุนถิงต้องการ มองดูท่าทางที่มีความสุขตอนที่นางนับเงิน ตื่นเต้นอย่างกับอะไรดี จวินหย่วนโยวไม่อยากให้หยุนถิงเปลี่ยนแปลงเพื่อตัวเอง

คนที่เขาชอบ ก็คือนางที่เปิดเผยทำอะไรตามอำเภอใจ มีอุดมคติ มีการตอบแทนบุญคุณและแก้แค้น และมีความคิดไม่ใช่หรือ

มือใหญ่ของจวินหย่วนโยวนวดต่อไปอย่างอ่อนโยน หน้าตาเต็มไปด้วยการตามใจ จากนั้นก็หลับตาตามไปด้วย

..............

จวนผิงหยวน

เที่ยงวันของถัดมา หนานเทียนหลินถึงได้ตื่นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาก็มองเห็นสิ่งที่ไม่รู้จักตรงหน้า คนทั้งคนของเขาแข็งทื่อไป ดูเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบ้าง ทันทีที่เขาหันหน้าไปก็เห็นใบหน้าของผู้หญิงที่อ้วนเล็กน้อยและถึงขั้นอัปลักษณ์เล็กน้อยใบนั้น หนานเทียนหลินตกใจจนครางออกมา เตะผู้หญิงอ้วนที่อยู่ด้านข้างลงจากเตียงโดยสัญชาตญาณ

“อ๊าก!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นมา ฮูหยินผิงหยวนก็ตื่นขึ้นมา

มองดูท่าทางที่ตื่นตระหนกของหนานเทียนหลิน ความโกรธของฮูหยินผิงหยวนถึงได้มลายหายไป“ที่รักเจ้าอย่ากลัวไปเลย ที่นี่คือบ้านของข้า ต่อไปเจ้าก็คือคนของข้า ข้ารับรองว่าชาตินี้เจ้าจะได้อยู่ดีกินดี เสพสุขความเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่งไม่มีที่สิ้นสุด”

สีหน้าของหนานเทียนหลินดำมืด นัยน์ตาสีดำที่เย็นชาแฝงไปด้วยความกระหายเลือดที่โหดเหี้ยมและเย็นยะเยือก จ้องมองไปทางฮูหยินผิงหยวนด้วยความโกรธ เปิดผ้าห่มออกโดยสัญชาตญาณ

เขา ถึงกับไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าใดๆ และหว่างขาก็ปวดเมื่อยอย่างยิ่ง ทั่วทั้งร่างกายยิ่งเหมือนกับถูกคนทุบตีอย่างรุนแรง อ่อนแอจนไม่มีเรี่ยวแรง

“บัดซบ นี่เจ้าทำอะไรข้า?” หนานเทียนหลินกล่าวด้วยความโกรธแค้น

ทันใดนั้นในใจของเขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างมาก อย่าให้เป็นอย่างที่ตัวเองคิดเด็ดขาดเชียวนะ

“ที่รัก เจ้าจะโกรธเช่นนี้ไปทำไม เมื่อคืนเราย่อมทำในสิ่งที่ผู้ชายกับผู้หญิงควรทำอยู่แล้ว จะว่าไปแล้ว ข้าเคยพบเจอผู้ชายมาแล้วมากมาย ไม่เคยมีใครตั้งตระหง่านเหมือนเจ้าเมื่อคืนนี้มาก่อนเลย ทำให้ข้าพึงพอใจจริงๆ” ฮูหยินผิงหยวนเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาหยาดเยิ้มดึงดูดใจ

ถึงแม้เขาจะหมดสติ และนางก็ทำสิ่งเลวร้ายไปก็เถอะ

จู่ๆหนานเทียนหลินก็มีความรู้สึกเหมือนถูกฝ่าผ่า คนทั้งคนคลุ้มคลั่งราวกับสัตว์ป่า เต็มไปด้วยความโกรธ

บัดซบ เขายังเป็นหนุ่มบริสุทธิ์อยู่ กลับถูกผู้หญิงอ้วนเช่นนี้ข่มขืน และยังฉวยโอกาสตอนที่เขาหมดสติอีก เสียชีพอย่าเสียศักดิ์ น่าชิงชังยิ่งนัก

“เจ้าสมควรตาย!” หนานเทียนหลินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ฟาดฝ่ามือไปทางฮูหยินผิงหยวนอย่างรวดเร็ว

แต่แล้วเขาก็น่าสังเวชแล้ว ถึงกับไม่สามารถใช้กำลังภายในได้เลยแม้แต่น้อย และไม่มีวรยุทธแล้ว เวลานี้ร่างกายของเขาอ่อนปวกเปียกไม่มีเรี่ยวแรง ราวกับคนพิการ นี่ทำให้หนานเทียนหลินเต็มไปด้วยความเกลียดชัง รู้สึกโกรธอย่างมาก

“หยุนถิง ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

เสียงที่เย็นชาเคร่งขรึม พูดออกมากกลับแผ่วเบา ไม่มีภัยคุกคามใดๆเลย

ฮูหยินผิงหยวนได้ยินเขาพูดชื่อหยุนถิง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“หรือว่าหยุนถิงเป็นคนมอบเจ้าให้ข้า?”

มิน่าล่ะนางถึงว่า อยู่ดีๆชายหนุ่มที่รูปงามเช่นนี้จะมาหมดสติระหว่างทางที่นางกลับมาได้อย่างไร เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาตัวเองกับหยุนถิงไม่เคยมีมิตรภาพต่อกันมาก่อน ทำไมนางต้องมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้แก่ตัวเอง

“อย่ามาทำเป็นตีหน้าเซ่อ หากไม่ใช่หยุนถิงสกัดจุดข้าเอาไว้ ข้าจะถูกเจ้ารังแกได้อย่างไร รอให้ข้าฟื้นฟูแล้วจะต้องแล่เนื้อนังผู้หญิงอ้วนอย่างเจ้าเป็นชิ้นๆ และสับเป็นหมื่นๆชิ้นแน่นอน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ