“ไม่ต้อง แค่เป็นกังวลจนกระวนกระวายเท่านั้นเอง” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย
ถึงแม้นางจ้าวเคยวางแผนทำร้ายคนเอง แต่ครั้งนี้นางไม่มีส่วนร่วม หยุนถิงปล่อยนางไปก่อน
“เพคะ”
“คุณหนู ซื่อจื่อเขียนจดหมายมา” เยว่เอ๋อร์อุ้มนกพิราบส่งสาส์นตัวหนึ่งวิ่งมาจากด้านนอกอย่างมีความสุข
หยุนถิงเปิดอ่านจดหมาย มองดูเนื้อหาในจดหมาย แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ซ่างกวนหรูยังมีชีวิตอยู่ ยังไปที่หอเทพเซียน”
“ช่างเป็นความหายนะแห่งสหัสวรรษจริงๆ” เยว่เอ๋อร์พูดขึ้นมาอย่างอดทนไม่ไหว
“ซื่อจื่อเฟย องค์หญิงใหญ่ส่งบัตรเชิญมาให้” ด้านนอก มีองครักษ์คนหนึ่งถือบัตรเชิญเข้ามา
“องค์หญิงใหญ่หาข้าด้วยเรื่องอะไร?” หยุนถิงถามขึ้นมา
“คนที่เอาบัตรมาให้พูดว่า อีกครึ่งเดือนเป็นวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่เรียนเชิญซื่อจื่อเฟยไปร่วมงานด้วย”
“ได้ ข้ารู้แล้ว”
ซูหลินรับบัตรเชิญมา พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านเป็นแบบนี้ จะไปร่วมงานวันเกิดองค์หญิงใหญ่ได้อย่างไร ในเมื่อเป็นงานเลี้ยงวันเกิด ยังไงก็ต้องมีเหล้า หรือเราบอกปัดไหม?”
“เอาไว้ก่อน ตอนนี้ข้าหมดสติ หากบอกปัดไปคนอื่นจะสงสัย ผ่านไปหลายวันค่อยว่ากัน” หยุนถิงพูดขึ้นมา
“เพคะ”
รั่วจิ่งอุ้มนกพิราบส่งสาส์นตัวหนึ่งเข้ามา พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนูใหญ่ องค์หญิงสามของแคว้นเทียนจิ่วส่งจดหมายมาให้ท่าน”
หยุนถิงเลิกคิ้ว เริ่นเซวียนเอ๋อร์เขียนจดหมายมาให้นางทำไม นางรีบรับมา บนจดหมายมีเพียงประโยคเดียวว่า “หากเจ้าจะกำจัดหอเทพเซียน ข้ายินช่วยเจ้า”
มุมปากหยุนถิงอมยิ้มอย่างพอใจ คิดถึงที่ผ่านมา เริ่นเซวียนเอ๋อร์ไม่ยอมพูดถึงเรื่องหอเทพเซียน ก็พอเดารู้แล้วว่า ในนี้ต้องมีอะไรปิดบังแน่
“มีเริ่นเซวียนเอ๋อร์คอยช่วย ซื่อจื่อจะต้องประสบความสำเร็จแน่” หยุนถิงพูดขึ้นอย่างพอใจ
“ซื่อจื่อเฟย ก่อนหน้านี้ท่านให้ข้าตรวจคนในจวน ข้าได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ช่วงหนึ่งเดือนมานี้ มีเพียงคนในครัวของเราที่พาผู้ชายมาคนหนึ่ง ได้ยินว่าถูกรถซื้อผักของเราชน
ต่อมาคนคนนั้นฟื้นขึ้นมา ดูเหมือนจะจำไม่ได้ว่าตนเองเป็นใคร ไม่รู้จะทำยังไงจึงให้คนอยู่ต่อ เขาขยันทำงานมาก จึงให้ไปทำงานในโรงม้าอยู่เรือนด้านหลัง” รั่วจิ่งพูดตอบ
ครั้งที่แล้วหยุนถิงออกไปข้างนอก ใต้อานม้ามีรอยเลือด ฟู่อี้เฉินรับเคราะห์แทนตน ดังนั้นหยุนถิงจึงสั่งคนกลับมาสืบดู
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ล่องูออกจากรู” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“เจ้าค่ะ”
หยุนถิงพาเยว่เอ๋อร์ไปเดินเล่นด้านหลังเรือน แล้วก็ได้ยินเสียงเด็กสองคนดังขึ้น
“ม่อเซิง นี่เป็นชื่อของเจ้า เขียนแบบนี้” เสียงจิ่งไป๋ดังขึ้นมาอย่างน่ารัก
ม่อเซิงมองดูชื่อนั้น ยิ้มหัวเราะพร้อมพูดขึ้นมาว่า “ดีจริงๆ ซื่อจื่อเฟยตั้งชื่อให้ข้า ไพเราะ”
“ทำไมเวลาเจ้ายิ้มดูเหมือนคนโง่เลย” จิ่งไป๋เม้นริมฝีปาก
“เจ้าสิโง่ ข้าฉลาดอยู่ แค่ได้เรียนช้า เจ้าดูนะข้าจะชกมวยให้เจ้าดู” ม่อเซิงกำหมัดแกว่งไหวขึ้นมา ในมือถือท่อนฟืนไว้ด้วย
จากการรักษาช่วงที่ผ่านมานี้ ร่างกายม่อเซิงอ้วนขึ้นอย่างมาก และก็มีแรงขึ้นเยอะเลย ปกติช่วยงานอยู่ในครัว ทำงานเสร็จแล้วก็ฝึกฝีมือการต่อสู้กับองครักษ์ในจวน
จิ่งไป๋ปรบมือพร้อมพูดขึ้นว่า “ม่อเซิง เจ้าเก่งมากเลย”
เป็นครั้งแรกที่ม่อเซิงถูกพูดชม จึงพูดขึ้นมาอย่างถ่อมตัวว่า “หากเจ้าอยากเรียน ข้าสอนเจ้าได้นะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...