อาหารมื้อนี้ หยวนหยาเหว่ยกลืนแทบไม่ลง ขยับตะเกียบไม่กี่ครั้งเท่านั้น เอาแต่คอยมองดูเจียงชื่อ ติงเฟิงเฉิงและคนอื่นๆ พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
แขกที่ตัวเองเชื้อเชิญมา สุดท้ายดันสนิทกับเจียงชื่อ ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนเนี่ย?
ไม่นาน ฉีเจิ้นก็ได้บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา ว่าต้องการร่วมมือกับติงเฟิงเฉิง เพื่อได้รับความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพื้นที่รกร้างมากขึ้น
ติงเฟิงเฉิงตบหน้าอกแล้วเอ่ยพูด "ไม่มีปัญหาครับ เรื่องนี้ผมจัดการเอง ผมพูดตามตรงเลยนะครับ ว่าตอนนี้ผมก็กำลังหาผู้ร่วมงานที่มีประสิทธิภาพสูงแบบนี้อย่างประธานฉี"
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉีเจิ้นก็ยิ่งรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
ทั้งสองคนได้ดื่มเหล้าและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ทั่วทั้งโต๊ะจัดเลี้ยง ทุกคนต่างพูดคุยหัวเราะกันอย่างเพลิดเพลินไม่หยุด มีเพียงหยวนหยาเหว่ยเท่านั้นที่หน้าตาเย็นชาตลอด
ในที่สุด ก็ดื่มและทานกันพอสมควรแล้ว
ติงเฟิงเฉิงยืนขึ้นแล้วเอ่ยพูด "ผมยังต้องกลับไปเตรียมงานโครงการอีก ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก ขอตัวกลับก่อนนะครับ ทุกท่านเชิญทานและดื่มกันตามสบาย"
ฉีเจิ้นเป็นฝ่ายนำทุกคนให้ยืนขึ้น "คุณติง กลับดีๆ นะครับ"
"เกรงใจเกินไปแล้ว"
"ให้พวกเราไปส่งคุณแล้วกันครับ?"
"ไม่ต้องหรอกครับ ผมกลับเองได้ พวกคุณทานกันต่อเถอะ"
ติงเฟิงเฉิงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากที่นั่ง จากนั้นพนักงานก็ได้พาเขาออกไปจากห้องอาหารส่วนตัว
ฉีเจิ้นนั่งด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก มองเจียงชื่อด้วยท่าทางดีใจแล้วเอ่ยว่า "หมอเทวดาเจียง ต้องขอบคุณคุณมากจริงๆ ที่ช่วยเหลือ ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ระดับนี้ของคุณ ผมเกรงว่าจะไม่ได้โครงการนี้มาทำง่ายๆ"
เจียงชื่อโบกปัดมือ "ไม่ต้องเกรงใจเกินไปหรอก ที่จริงผมก็ไม่ได้พูดอะไรนัก เดิมทีนี่เป็นโครงการที่ดีมากอยู่แล้ว ถึงแม้ไม่มีความสัมพันธ์ระดับนี้ของผม ติงเฟิงเฉิงก็ยินดีร่วมมือกับคุณอยู่ดี"
นี่เป็นชื่นชมกันไปมาเพื่อให้ทุกฝ่ายพึงพอใจ
แต่ทั้งสองคนดีใจกันมาก พูดเอาใจอีกฝ่ายกันนิดหน่อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย มีเพียงแต่หยวนหยาเหว่ยที่จิตใจกระสับกระส่าย
เดิมทีเขาอยากใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์กับติงเฟิงเฉิงมาเอาใจฉีเจิ้น แต่ผลที่ได้ล่ะ? ดูถูกเจียงชื่อเกินไปอย่างไร้เหตุผล ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
วันนี้ถ้าไม่ทำอะไรชดเชยล่ะก็ คืนนี้เขาคงนอนไม่หลับแน่
ครุ่นคิดอยู่นาน
จู่ๆ หยวนหยาเหว่ยก็ดูสดชื่นขึ้น แล้วเอ่ยพูดว่า "ประธานฉี ผมคิดขึ้นมาได้เรื่องหนึ่งครับ วันนี้ที่โรงงานหินมีสินค้าเข้าใหม่จำนวนมาก พวกเราทานกันเสร็จพอดี แวะไปดูหน่อยดูไหมครับ?"
โรงงานหิน เป็นแหล่งซื้อวัตถุดิบแห่งหนึ่งของร้านเครื่องประดับดาวฤกษ์ ทุกๆ เดือนจะซื้อหินจำนวนมากจากที่นั่นเพื่อมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปแล้วออกวางจำหน่าย
นักธุรกิจเครื่องประดับทุกคน ต่างสนใจแหล่งวัตถุดิบแบบนี้เป็นอย่างมาก
ฉีเจิ้นจึงไม่แม้แต่จะคิด ตอบตกลงทันที
ยังไงซะหินกองโตขนาดนั้นจะมีหินดีๆ จำนวนเท่าไหร่ ใครก็คาดเดาไม่ได้ทั้งนั้น
เรื่องแบบนี้ดึงดูดผู้ชายเป็นอย่างมาก
เจียงชื่อฟังฉีเจิ้นอธิบายมาตลอดทาง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจโรงงานหินขึ้นมา
ฉีเจิ้นพูดว่า "วันนี้พวกเราจะไปเป็นลูกค้าธรรมดาทั่วไปสักครั้ง ดูว่าสินค้าที่เพิ่งเข้ามาล็อตนี้มีดีเท่าไหร่ ถึงตอนนั้นก็อาศัยดวงกับสายตาอันเฉียบแหลมของแต่ละคนแล้วล่ะ หากดวงดี ไม่แน่ว่าจ่ายเงินเพียงไม่กี่หมื่นหยวนอาจซื้อหินที่มีมูลค่าหลายแสนไปจนถึงหลายล้านเลยก็ได้ แบบนั้นก็ร่ำรวยกันไปเลย"
พูดถึงตรงนี้ แต่ละคนก็รู้สึกตื่นเต้นกันขึ้นมา
พวกเขาไม่ใช่อยากได้เงินเท่าไหร่หรอก แต่รู้สึกสนใจในวิธีการแบบนี้ต่างหาก วิธีที่ใช้ "การพนัน" เป็นสิ่งที่ผู้ชายชอบกันมากที่สุด
บนรถ หยวนหยาเหว่ยไม่แสดงอาการใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในใจแอบดีใจอยู่
เจียงชื่อกับฉีเจิ้นต่างไม่รู้ว่า หยวนหยาเหว่ยมีชื่อเสียงในโลกหินอัญมณีว่าเป็น "ตาไฟตาทอง*" โดยทั่วไปไม่มีทางมองผิด มักจะซื้อหินราคาต่ำแล้วได้หินที่มีมูลค่าสูงมาได้(*ตาไฟตาทองเป็นทักษะของซุนหงอคง หมายถึงตาของซุนหงอคงมีความสามารถแยกแยะออกว่าเป็นผีหรือมอนสเตอร์)
วันนี้หยวนหยาเหว่ยเป็นฝ่ายเอ่ยชวนพวกเขามา ก็เพื่ออยากอวดความสามารถในด้านนี้ของตัวเอง
ถ้าหากดวงดีพอ ซื้อหินที่มีมูลค่าสูงมากมาได้ งั้นเขาก็จะได้หน้าต่อหน้าฉีเจิ้นสักที กอบกู้เรื่องที่เสียหน้าในงานเลี้ยงกลับคืนมา
ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุข ถึงขนาดเกือบหลุดหัวเราะออกมา
ผ่านไปไม่นาน รถได้จอดนิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบท้าโลก
บทที่ 1 2 3 หาย...