จอมยุทธ์กบฏโลก นิยาย บท 39

สรุปบท บทที่39 เธอที่นั่งโต๊ะเดียวกัน: จอมยุทธ์กบฏโลก

สรุปตอน บทที่39 เธอที่นั่งโต๊ะเดียวกัน – จากเรื่อง จอมยุทธ์กบฏโลก โดย เหมยปาเหย

ตอน บทที่39 เธอที่นั่งโต๊ะเดียวกัน ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จอมยุทธ์กบฏโลก โดยนักเขียน เหมยปาเหย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่39 เธอที่นั่งโต๊ะเดียวกัน

ณ ร้านอาหารจู๋ยุ่น ฮัวเมิ่งหยวนเดินออกมาจากห้อง ด้านข้างมีคนห้าคน มีทั้งชายแล้วหญิง ต่างเป็นเพื่อนนักเรียนของเธอ

“เมิ่งหยวน เจ๋งนิ่ ดูท่าฐานะบ้านเธอจะเปลี่ยนไปแล้วนะ ขับทั้งรถเบนซ์ ยังจะเลี้ยงข้าวอีก”

“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเรียนมหาลัยมาสามปี ยังไม่เคยได้กินอาหารหรูมาก่อนเลยนะ!”

“พวกแกน่ะ เห็นแก่กิน เมิ่งหยวนเปิดไวน์แดงให้พวกเรา นั่นมันลาไฟต์ขวดละหนึ่งหมื่นเลยนะ เมื่อกี้ฉันดูเมนูแล้วนะ มื้อหนึ่ง ต่ำๆยังไงก็เป็นแสน”

พอได้ยินคำสรรเสริญเยินยอจากพวกเพื่อนๆ ในใจของฮัวเมิ่งหยวนก็ค่อยๆรู้สึกเย่อหยิ่งขึ้น

“เหอะๆ เล็กน้อยหน่า พี่เขยฉันเคยช่วยชีวิตเถ้าแก่ร้านจู๋ยุ่นไว้ อาหารมื้อละหนึ่งแสนไม่คณามือหรอก หลังจากนี้พวกเราจะมาที่นี่ประจำ”

ในตอนที่เดินผ่านเคาน์เตอร์คิดเงินนั้น คนทั้งหมดถูกพนักงานขวางไว้

“ขออนุญาตสอบถามนะคะ ท่านไหนจะเป็นคนเช็กบิลคะ”

เช็กบิล?พวกนักเรียนต่างพากันงงเป็นไก่ตาแตก ฮัวเมิ่งหยวนเองรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย

“แกกล้าขวางฉันงั้นเหรอ?เหลียนเฉิงเถ้าแก่ของพวกแกไม่ได้โทรหาพวกแกรึไง?”

พนักงานส่ายหัวไปมา

“ไม่มีค่ะ”

ไม่มี?ฮัวเมิ่งหยวนโกรธจนถึงขีดสุด เธอรีบต่อสายโทรหาเหลียนเฉิงทันที แต่กลับถูกตัดสายทิ้ง เธอจึงโทรอีกครั้ง แต่ก็ยังคงถูกตัดสายทิ้ง

ในที่สุด เธอเริ่มรึสึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

“ฉะ……ฉันรู้จักเหลียนเฉินเถ้าแก่ของพวกแกนะ แกดูสิ นี่เป็นวีแชทของเขานะ ถ้าไม่รู้จัก ฉันก็คงไม่มีวีแชทเขาหรอกถูกไหม?”

สีหน้ายิ้มแย้มของพนักงานค่อยๆหายไป

“ถ้าไม่จ่ายเงินล่ะก็ เราจะแจ้งตำรวจค่ะ”

คนรู้จักเถ้าแก่ของเรามีเยอะถมไป บิลยอดเงินหนึ่งแสนจะให้กินฟรีงั้นเหรอ งั้นเถ้าแก่ของพวกเขาก็เจ๋งหมดน่ะสิ

ถึงแม้ว่าพวกนักเรียนจะไม่พูดอะไร แต่สายตานั้นเต็มไปด้วยความดูถูก นั่นทำให้ฮัวเมิ่งหยวนปรี๊ดโกรธขึ้นมา เธอหยิบบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมาด้วยความโมโห

“รูดการ์ด!”

การ์ดใบนี้ เป็นบัตรเครดิตแพลทินัมที่เธอพึ่งไปทำมา ในนั้นมีวงเงินหนึ่งแสน คราวนี้ เธอต้องทุ่มมันเข้าไปทั้งหมดแล้วสินะ

แต่ทางด้านฉู่เทียนเจียง ตอนนี้กลับอยู่บนถนนเส้นหนึ่งกำลังหัวเสีย

ตนเอง ถูกชนท้ายเข้าให้แล้ว

เขาลงจะรถเพื่อจะตรวจสอบ ปัญหาไม่ใหญ่มาก

ต่อมา ด้านหลังก็มีรถบีเอ็มดับบลิวรุ่นMINI มีสาวสวยคนหนึ่งเดินลงมา สวมชุดรัดรูปแขนยาว ในตอนที่เดินลงจากรถมานั้นเธอยังดึงกระโปรงลงอย่างมีสติ

“ขอโทษนะคะ ฉะ……ฉันพึ่งออกมาจากทางแยก ก็ชนเข้าให้แล้ว ฉันจะรับผิดชอบเองทั้งหมดค่ะ เดี๋ยวฉันจะโทรหาประกันค่ะ”

ในขณะที่เธอพูดไปด้วย หญิงสาวก็ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองฉู่เทียนเจียง เหมือนจะรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก กดโทรศัพท์ไม่หยุด

“หยูหว่านชิว?”

พอได้ยินชื่อนี้แล้ว หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมา หลังจากจ้องเทียนเจียงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็ปิดปากของตัวเอง

“พระเจ้าช่วย!ฉู่เทียนเจียง?เป็นนายจริงๆด้วย?”

ฉู่เทียนเจียงดีใจมาก คนที่ชนท้ายรถของตัวเองกลับเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียน?อีกทั้งยังเป็นหยูหว่านชิวที่นั่งข้างๆเขามาเป็นเวลาถึงครึ่งปี ต้องรู้ว่า เวลานั้น เขายังเคยแอบรักผู้หญิงคนนี้แหน่ะ

“บังเอิญจัง เราขยับรถก่อนเถอะ”

รถทั้งสองคันจอดเข้าข้างทาง หยูหว่านชิวเองก็โทรศัพท์หาบริษัทประกัน ระหว่างที่รอนั้น หยูหว่านชิวยังคงมองฉู่เทียนเจียงหัวจรดเท้า

“เอ๋!ไม่เจอกันเจ็ดแปดปีแล้วสินะ ทำไมถึงหล่อขนาดนี้เนี่ย”

หยูหว่านชิวใบหน้ากลม แต่ด้วยความที่ใบหน้าทั้งห้าจุดของเธอสวยงาม ผิวขาวสะอาด ถือได้ว่าเธอเป็นสาวสวยคนหนึ่งเลยแหละ

“เจ็ดแปดปีแล้วล่ะ จากซาลาเปาก็เปลี่ยนเป็นสาวสวยได้ ไม่ได้ไปทำศัลยกรรมมาใช่ไหม”

กำปั้นเล็กๆชกถูกชกออกไป หยูหว่านชิวเบะปากพูดขึ้นมาว่า

“ชิ!เสียดายใช่ไหมล่ะ?เสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้สารภาพรักกับฉันล่ะสิ ตอนนี้ยังไม่สายนะ ฉันยังโสดอยู่ พึ่งกลับเมืองหนิงเมื่อปีที่แล้ว ความจริงคือ ฉันเหนื่อยที่จะทำงานที่ปักกิ่งแล้ว”

หรือ อาจจะมีแค่ฉู่เทียนเจียงในตอนนี้ ได้พบเข้ากับหยูหว่านชิวเพื่อนที่นั่งโต๊ะเดียวกันนิสัยดีไม่เสแสร้ง ตัวตนที่เป็นเทพสงครามของเขาค่อยๆหายไป นอกจากครอบครัวแล้ว หรืออาจจะมีคนจำนวนน้อยมากแทบนับได้ หยูหว่านชิว คือหนึ่งในนั้น

ว่าไงนะ!

หลิวหลานมองไปที่ฮัวเมิ่งหยวนอย่างไม่เชื่อสายตา

“นะ……หนูใช้ไปหนึ่งแสนงั้นเหรอ?”

พอเห็นเรื่องราวถูกเปิดเผยแล้ว ฮัวเมิ่งหยวนก็ทำเสียงหึ

“ใช่!แล้วยังไงล่ะ?แค่เงินหนึ่งแสนเอง เถ้าแก่อย่างเหลียนเฉิงจะแคร์หรอ?ช่างเถอะ ฉันมองนายออกแล้ว ยิ่งมองออกว่านายเป็นพี่เขยที่ขี้เหนียวแค่ไหน จากนี้ไปฉันจะกลับบ้านให้น้อยลง ฉันรู้ดีว่า บ้านนี้ไม่ต้อนรับฉัน”

พูดจบ ฮัวเมิ่งหยวนที่กำลังจะเดินออกไป ทำให้หลิวหลานรู้สึกผิดขึ้นมา

“เทียนเจียง เถ้าแก่เหลียนไม่ได้โกรธใช่ไหม”

ฉู่เทียนเจียงขี้เกียจสนใจ ทิ้งไว้ประโยคหนึ่งแล้วเดินขึ้นบันไดทันที

“คุณแม่ว่าไงล่ะ?”

พอถึงชั้นบน เขานอนตะแคงมองดูอีอีนอนหลับสนิท ฉู่เทียนเจียงถึงได้เรียกสติกลับคืนมา

ผ่านไปไม่นาน ฮัวจิ่นถิงก็เดินเข้ามา หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงได้พูดออกมาว่า

“เทียนเจียง ให้เวลาฉันหน่อยนะ ฉันเชื่อว่าฉันสามารถอบรมสั่งสอนให้เมิ่งหยวนกลับมาได้ ฉันรู้ดีว่าคุณโกรธมาก”

เขาโบกมือไปมา ฉู่เทียนเจียงหยุดคำพูดของภรรยา น้องเมียคนนี้ เขาไม่อยากเอ่ยถึงอีก จึงเดินออกจากห้องเพื่อไปที่ห้องหนังสือหาหนังสือที่สอนเรื่องการใช้ชีวิตกับลูกสาว

ในตอนที่ฮัวจิ่นถิงกำลังจะปิดห้องนอนนั้น ฉู่เทียนเจียงก็ได้เดินกลับมา แล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า

“เมียจ๋า กระเป๋าที่ปมวางไว้ในห้องหนังสือไปไหนครับ?”

เห็นมือของฉู่เทียนเจียงทำท่า ฮัวจิ่นถิงนึกอะไรขึ้นมาได้

“กระเป๋าที่คุณเอากลับบ้านมาด้วยครั้งก่อนน่ะหรอ?ฉันจำได้ว่า เหมือนเมิ่งหยวนจะเคยเดินขึ้นมาที่ชั้นบน หลังจากนั้นก็หยิบกระเป๋าออกไป ทำไมคะ”

สีหน้าของฉู่เทียนเจียงเปลี่ยนเป็นสีเหล็กทันที

“ทำไมนะเหรอ?ในกระเป๋าใบนั้นมีเงินสดสองแสน น้องสาวของคุณช่าง‘รักครอบครัว’จริงๆเลยนะ”

อะไรกัน?เวลาแค่แป๊บเดียว ฮัวจิ่นถิงยืนอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมยุทธ์กบฏโลก