สรุปเนื้อหา บทที่38 ความอันตรายของไม้จิ้มฟัน – จอมยุทธ์กบฏโลก โดย เหมยปาเหย
บท บทที่38 ความอันตรายของไม้จิ้มฟัน ของ จอมยุทธ์กบฏโลก ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เหมยปาเหย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่38 ความอันตรายของไม้จิ้มฟัน
เสี่ยเตียวลุกขึ้นยืน ความตกตะลึงที่อยู่ในแววตาหายไปจนหมด
“ไอ้หนุ่ม ต่อสู้ได้ไม่เลวเลยนิ่ ตอนนี้กูจะบอกมึงให้นะ การต่อสู้ไม่ได้แก้ไขปัญหาอะไรก็ได้เว้ย!”
หลังจากที่เสียงของเสียเตียวพูดจบลง คนสิบกว่าคนก็ลุกขึ้นยืน หยิบปืนสั้นที่อยู่ตรงด้านหลังขึ้นมา อีกทั้งทุกกระบอกยังได้ทำการใส่ท่อเก็บเสียงเรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากคนประเภทเสียเตียว เป็นไปไม่ที่จะไม่มีศัตรู เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่ออกจากบ้านจะต้องพกมือปืนพวกนี้เพื่อเผื่อเอาไว้ คิดไม่ถึงว่า ต้องมาใช้รับมือกับลูกเขยบ้าพลังอย่างเขา
ฮัวเป้ากับเฉินเสี่ยวเฟิงรู้สึกตัวขึ้นมาได้ ต่างพากันกลัวจนหัวหด นี่……มันปืนเลยนะ
ถึงฮัวเป้าจะใช้ชีวิตเสเพลเป็นอันธพาลอยู่ตรงชานเมือง แต่ปืนแบบนี้ ถ้าไม่มีเส้นสาย ไม่มีทางหามาได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่มีเช่นกัน
“ยังเหลือเวลาอีกสิบวินาที”
ราวกับฉู่เทียนเจียงมองไม่เห็นปืนทั้งสิบกระบอกนี้ เขานับเวลาถอยหลังต่อไป
“มึงแม่งเป็นคนที่จองหองอวดดีที่สุดเท่าที่กูเจอมาเลยว่ะ ได้ กูก็จะให้มึงมีชีวิตต่ออีกสิบวินาทีเหมือนกัน”
ทันใดนั้น เห็นได้ชัดว่าภายในห้องบรรยากาศดูพิศวงมาก สิบวินาทีสุดท้าย มันทำให้ใครบางคนคล้ายผ่านไปเป็นปี
แน่นอนว่า คนพวกนี้ความจริงก็คือเฉินเสี่ยวเฟิงกับฮัวเป้านั่นเอง สำหรับพวกเสี่ยเตียวแล้ว จะเป็นไปได้ยังไง ปืนก็พากันเอาออกมาแล้ว เป็นเรื่องที่แน่นอนซะย่างกว่าเอาตะปูตอกใส่กระดานไม้อีก ถึงจะต่อสู้เก่งยังไง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาวุธปืนแล้ว มีเพียงแค่การหมอบลงกับพื้นเท่านั้นแหละ พวกเขาดูแล้ว ฉู่เทียนเจียงเป็นคนรักศักดิ์ศรีมาก ถ้าเวลาสิบวินาทีหมดลง เกรงว่าคงจะต้องเป็นคนที่ร้องอ้อนวอนขอชีวิตเป็นแน่
ผู้จัดการสาวคนนั้น ตอนนี้ได้ถอยไปอยู่ที่ประตูแล้ว สีหน้าซีดเผือด ต่างพูดกันมาว่าเสี่ยเตียวน่ากลัวขนาดไหน เธอถือได้ว่าเป็นพนักงานพึ่งเข้ามาทำงานใหม่ วันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้เห็น
มองดูแผ่นหลังของฉู่เทียนเจียง รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก เป็นหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเลยล่ะ เหตุใดถึงคิดไม่ตก เข้ามายั่วโมโหคนแบบเสี่ยเตียวได้นะ
“ถึงเวลาแล้ว”
เวลานี้เอง ฉู่เทียนเจียงพูดออกมาสามคำ มือขวาขยับเล็กน้อย ไม้จิ้มฟันที่เฉินเสี่ยวเฟิงให้ ก็พุ่งตรงออกไป ด้วยความเร็วแรงกว่าลูกกระสุน มือปืนสิบกว่าคนนั้นไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย ไม้จิ้มฟันก็ปักไปยังหน้าผากและล้มลมกับพื้นทันที
“แกตาย……”
แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียงของเสี่ยเตียวพูดขึ้น พึ่งจะพูดได้เพียงสองคำเท่านั้น ตัวเขาเองก็ยืนนิ่งตะลึงอยู่กับที่ ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เจ้าพวกลูกน้องที่คุมอยู่ในเขตเล็กๆพวกนั้นที่นั่งอยู่กับโซฟา ตอนนี้รีบลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ มองดูของที่อยู่ตรงหน้าผากของพวกมือปืน ในสมองของพวกเขาว่างเปล่าขาวโพลนทันที
“มะ……ไม้จิ้มฟัน?”
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม้จิ้มฟันก็สามารถฆ่าคนได้งั้นเหรอ?
ความจริงแล้วคนเหล่านี้ยังไม่ตาย ไม้จิ้มฟันโผล่ออกมาให้เห็นครึ่งหนึ่ง จะไปสามารถฆ่าคนได้อย่างไร ถ้าพูดตามปกติแล้ว ถึงจะปักเข้าไปทั้งอันมันก็อาจจะไม่สามารถทำให้ตายได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นเพียงการสกัดจุดเท่านั้น เมื่อถูกไม้จิ้มฟันปักตรงตำแหน่งที่ถูกจุดพอดีจะทำให้อยู่ในการสลบเหมือด
“ฮัวเป้า ถ้าแกอยากรับหน้าที่ต่อ ก็ให้ลงมือซะ ฉันให้เวลาแกหนึ่งนาทีเหมือนกัน”
เสียงของฉู่เทียนเจียงลอดออกมา ทำให้ฮัวเป้ามีสติทันที เขากลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว ในเวลานี้เองเขาพึ่งเข้าใจว่า บุคคลท่านนี้ เป็นตำนานที่บุกเดี่ยวเข้ามากำจัดเสี่ยเตียวที่มีอยู่จริง
“กะ……แกจะทำอะไรห้ะ?”
ในที่สุดเสียเตียวก็รู้สึกกลัว ฉู่เทียนเจียงคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดา ต้องเป็นคนที่เก่งเรื่องวิชาต่อสู้แน่ เหตุใดอันธพาลอย่างเขาถึงรู้ว่าจอมยุทธมีตัวตนอยู่จริง นั่นก็เพราะว่า เมื่อห้าปีก่อนน้องชายของเขา ถูกท่านจอมยุทธคนหนึ่งเห็นถึงพรสวรรค์ จึงได้พาเขาไปเรียนวิทยายุทธ์
ฝีมือของคนผู้นั้น ถึงจะมีคนล้อมไว้เป็นสิบคน ก็เปล่าประโยชน์
มองเห็นฉู่เทียนเจียงไม่พูดอะไร เสี่ยเตียวปาดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผาก แล้วพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า
“ผมผิดไปแล้ว คุณชายฉู่ ตอนนี้ผมรู้สึกผิดแล้ว ผมจะน้อมรับความเมตตาของคุณครับ ปล่อยผมไปเถอะ”
“แกยังมีเวลาอีกสามสิบวินาที”
คำพูดประโยคเดียวกันที่ออกมาจากปากของฉู่เทียนเจียง เสี่ยเตียวก็รู้ดีว่า มันไม่ได้หมายถึงเขา แต่เป็นฮัวเป้าต่างหาก
“คนพวกนี้ยังไม่ตาย เอาไม้จิ้มฟันออกก็จะฟื้นขึ้นมาเอง ฉันไปก่อนล่ะ”
ฉู่เทียนเจียงพูดจบ ก็กันหลังเดินออกไป เสียเตียวที่เข่าอ่อนล้มลงนั่งกับโซฟา รวมถึงคนอื่นที่ตกใจกลัวจนขวัญกระเจิงนั้น ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าหากฮัวเป้าจัดการไม่ได้ งั้นเขาก็คงเป็นคนไร้น้ำยาแล้วล่ะ
เฉินเสี่ยวเฟิงที่เดินตามมานั้น ในใจของเขารู้สึกนับถือฉู่เทียนเจียงดุจแม่น้ำที่ไหลพล่าน เขาที่เป็นคนไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรด้วยซ้ำ เพราะว่านอกจากนับถือว่า ยิ่งไปกว่านั้น เขาหวาดกลัว
หลังจากที่ขึ้นมาบนรถออดี้ กำลังจะขับรถออกไป แต่ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของฉู่เทียนเจียงก็ดังขึ้น เป็นสายจากเหลียนเฉิง
“พูด”
พูดออกไปหนึ่งคำ เหลียนเฉิงที่อยู่ปลายสายรู้สึกอึดอัดใจมาก
“ท่านนายพลครับ ฮัวเมิ่งหยวนเลี้ยงเพื่อทานข้าวที่จู๋ยุ่นครับ เมื่อครู่ตอนที่เช็กบิลเธอได้ส่งข้อความหาผม ว่าให้ผมไม่ต้องคิดเงิน ผม……ผมเลยอยากจะเรียนถามท่านเพื่อขอความคิดเห็นครับ”
ฉู่เทียนเจียงขมวดคิ้ว ฮัวเมิ่งหยวนคนนี้ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ไปไหนก็คิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้?
ตอนแรกเขาอยากจะปฏิเสธ แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถามขึ้นมาว่า
“ใช้ไปเท่าไหร่?”
“หนึ่งแสน”
“ฮัวเมิ่งหยวนเปิดไวน์แดงราไฟต์ราคาขวดละหนึ่งหมื่น รวมกับค่าอาหาร ลดราคาแล้วเป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนครับ”
พอพูดจบ ฉู่เทียนเจียงก็พูดไปหนึ่งคำแล้วจัดการตัดสาย
“ให้หล่อนจ่ายเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมยุทธ์กบฏโลก