จอมยุทธ์กบฏโลก นิยาย บท 37

สรุปบท บทที่37 แกยังมีเวลาอีกสามสิบวินาที: จอมยุทธ์กบฏโลก

ตอน บทที่37 แกยังมีเวลาอีกสามสิบวินาที จาก จอมยุทธ์กบฏโลก – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่37 แกยังมีเวลาอีกสามสิบวินาที คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จอมยุทธ์กบฏโลก ที่เขียนโดย เหมยปาเหย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่37 แกยังมีเวลาอีกสามสิบวินาที

คะ……คนเดียวงั้นเหรอ?

ฮัวเป้ากับเฉินเสี่ยวเฟิงอึ้งตะลึงงันอยู่กับที่ มองดูแผ่นหลังของฉู่เทียนเจียงเดินจากไป

ดูให้แน่ใจรึยัง ที่นี่เป็นถิ่นของเสี่ยเตียวเลยนะ บุกเดี่ยวเขาไปจัดการเสี่ยเตียวแบบนี้ได้?แกคิดว่าแกกำลังแสดงหนังอยู่รึไง

แต่ทว่า เฉินเสี่ยวเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงรีบเดินตามออกไป มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดของตระกูลเฉิน เขาเป็นลูกผู้ชาย ถ้าไม่ใช้ชีวิตเสี่ยงดูสักครั้งหนึ่ง จะเรียกว่าลูกผู้ชายได้อย่างไร?

ฮัวเป้ากัดฟัน แล้วเดินตามเข้าไปทันที เฉินเสี่ยวเฟิง เป็นถึงคุณชายผู้ร่ำรวยของตระกูลเฉินยังกล้าบุกเข้าไปเลย เขาเองก็เป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับการต่อสู้ ใช้มีดปอกแตงโมเล่มเดียวถึงได้มีอย่างทุกวันนี้ได้ จะไปแพ้ความกล้าของคุณชายเศรษฐีแค่คนเดียวได้เหรอ?

ยิ่งไปกว่านั้น ใครก็ไม่ใช่คนโง่หรอก หรือฉู่เทียนเจียงคนนี้ อาจจะเตรียมลูกน้องไว้ด้านในแล้วก็เป็นได้

“ยินดีต้อนรับสู่คลับว่านฮัวค่ะ”

หญิงสาวหน้าตาดียืนเรียงรายเอ่ยกล่าวทักทายอย่างพร้อมเพรียง จึงทำให้เฉินเสี่ยวเฟิงและฮัวเป้าที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตกใจเป็นการใหญ่

“คุณผู้ชายคะ ได้มีการจองไว้ไหมคะ?”

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์เดินเข้ามาต้อนรับทั้งสาม บนร่างของเธอสวมชุดที่วาบหวิวมาก เธออยากจะเข้ามาควงแขนของฉู่เทียนเจียง แต่กลับถูกคนที่อยู่ด้านหลังเบี่ยงตัวหลบ

“ไม่มี หาห้องส่วนตัวให้ฉันสักห้อง ชั้นสามก็ได้”

พอได้ยินคำพูดแบบนี้ หญิงสาวก็รู้ได้ทันทีว่าฉู่เทียนเจียงอาจจะเป็นคนที่เคยมาแล้ว อีกทั้งท่าเดินยังเสือคำราม ความเป็นไปได้ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นคุณชาย เธอจึงรีบต้อนรับขับสู้อย่างยินดีปรีดา

“คุณชายค่ะเชิญตามฉันมาค่ะ”

หลังจากนั้นยังโบกมือ หญิงสาวที่สวมชุดกี่เพ้าที่ตามหลังเธออยู่คนหนึ่งรีบวิ่งสอยเท้าสั่นๆไปกดลิฟต์ทันที

ณ ห้องพรีเมี่ยมV1ด้านใน เสี่ยเตียวกำลังนั่งอยู่ ด้านข้างมีหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาเลือกประจำนั่งอยู่ด้วย บนโซฟากว้าง มีผู้ชายห้าคนนั่งอยู่ ที่เหลือทั้งสี่ทิศมีลูกน้องยืนประจำการเฝ้าดูแลความปลอดภัย

คนที่สามารถนั่งกับเสี่ยเตียวได้ แน่นอนว่าต้องมีตำแหน่งฐานะพอตัว เป็นเหมือนกับฉงจื่อ เป็นลูกน้องที่คุมเขตเล็กๆน้อยของเสี่ยเตียว

“เสี่ยเตียวครับ ฉู่เทียนเจียงคนนั้น ผมไปสืบข่าวมาแล้วนะครับ เขาเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านตระกูลฮัวครับ พึ่งกลับมาจากการเข้ากองทัพเมื่อไม่นานมานี้ครับ มีกำลังอยู่นิดหน่อย ต่อสู้เก่งพอตัว ไม่มีภูมิหลังอะไรอีกเลยครับ”

คนหนึ่งพูดจบ ชายหนุ่มผมหยิกงอที่อยู่ข้างๆเสี่ยเตียวก็หัวเราะขึ้นมา

“เรื่องนี้ให้ผมจัดการเถอะครับ ผมรับรองว่าพรุ่งนี้ก่อนตะวันตกดินผมจะจัดการมันให้เรียบร้อย เอาขามันให้หักไปเลยใช่ไหมครับ?”

เสี่ยเตียวใช้มือลูบคลำไปที่ไหล่ของหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ใช้สายตามองอย่างชื่นชมเสร็จแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า

“ไอ้ผมหยิก ฉันชอบนิสัยชิงดีชิงเด่นของแกว่ะ ก็ได้ ฉู่เทียนเจียงฉันขอมอบให้แกแล้วกัน หักขามันแล้วเอาขังไว้ซะ ฉันจะไปถามหาค่ารักษาจากเหลียนเฉิง เนื่องจากฉงจื่อยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ขาทั้งสองข้างถูกตัดไปแล้ว”

คนก่อนหน้านี้ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า

“จริงด้วยเสี่ยเตียว ฉงจื่อเกิดเรื่องขึ้นครั้งก่อน เขาได้รับเงินจากฮัวว่านถงคนตระกูลฮัวมาห้าหมื่นเพื่อจัดการฉู่เทียนเจียง เอายังไงกับฮัวว่านถงดีครับ?”

ทันใดนั้นไอ้หัวหยิกก็หยิบขวดเบียร์ขึ้นมาแล้วกระดกดื่มมันลงไป ใบหน้าเผยให้เห็นถึงคว้ามบ้าคลั่ง

“ทำยังไง!แน่นอนว่าต้องเอามาให้ฉันอยู่แล้ว ฉันชักจะอดไม่ได้แล้วสินะ”

เสี่ยเตียวที่อยู่ข้างๆไม่พูดอะไรอีก เหมือนกับกำลังยอมรับกับคำพูดแบบนี้แล้ว เสี่ยเตียวคนอย่างเขาทำอะไรแยกแยะเรื่องทุกอย่างอยู่แล้ว ขาทั้งสองข้างของฉงจื่อ ฉู่เทียนเจียงต้องรับผิดชอบเป็นคนแรก ตามมาด้วยฮัวว่านถง แน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยไปแน่

พวกเขาไม่รู้ ว่าหน้าประตู ฉู่เทียนเจียงที่มาถึงชั้นสามแล้วหยุดเท้ากะทันหัน

“คุณชายคะ ห้อง306ยังไม่ถึงนะคะ”

ฉู่เทียนเจียงชี้ไปที่ห้องวีไอพีที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า

“ฉันเปลี่ยนใจละ ฉันจะเอาห้องนี้”

“มอบความเมตตาให้ฉันงั้นเหรอ?ไอ้หนุ่ม แม้แต่เหลียนเฉิงยังไม่กล้าพูดกับฉันแบบนี้เลยนะ ยังมี……”

นิ้วชี้ออกไป สายตาของเสี่ยเตียวยังแฝงไปด้วยความล้อเล่น

“ฉันก็คิดว่าฉันดูผิดไป ฮัวเป้า แกก็เข้ามาคลุกโคลนด้วยเหรอเนี่ย?ดูท่าชีวิตแกที่อยู่ตรงชานเมือง จะสุขสบายเกินไปจนทำให้สมองของแกฝ่อสินะ”

พอพูดจบแล้ว ฮัวเป้ากับเฉินเสี่ยเฟิงก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ การวาดฝันถึงการเตรียมการไว้แล้วนั้น มันเหนือความคาดหมายเขาไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย เหมือนที่ฉู่เทียนเจียงพูดไว้ไม่มีผิด เขาบุกฉายเดี่ยวเข้ามาจริงๆด้วย

นี่มันไม่ได้เข้ามาเอาชีวิตเสี่ยเตียวนิ่ แต่เป็นการเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ ทันใดนั้น ในใจของทั้งสองก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

ในเวลาเดียวกัน ไอ้หัวหยิกเองก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของฉู่เทียนเจียง ท่าทางขี้เกียจนั้นหายไปในทันที สัมผัสอันเยือกเย็นปรากฏขึ้น เขาตรงเข้าไปปาดไปที่ลำคอของฉู่เทียนเจียง

เทคนิครวดเร็ว ท่าทางโฉ่งฉ่าง ฮัวเป้ากับเฉินเสี่ยวเฟิงแทบจะไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย

สำหรับเสี่ยเตียวกับลูกน้องของเขา ต่างรู้ดี ว่าฉู่เทียนเจียงต้องตายแน่ๆ เนื่องจากไอ้หัวหยิกเก่งมากจริงๆ ใครไม่รู้บ้าง กริชที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ คนที่เคยบุกฉายเดี่ยวล้มคนมาแล้วยี่สิบกว่าคน เป็นตัวอันตรายมาก

เพี๊ยะ!

แต่ทันใดนั้น เสียงฝ่ามือก็ดังขึ้น ไม่มีใครเห็นตอนที่ฉู่เทียนเจียงยกมือขึ้นด้วยซ้ำ แต่กลับเห็นไอ้หัวหยิกปลิวไปตามแรงของฝ่ามือ ร่างกายอันหนักอึ้งกระแทกเข้ากับโต๊ะน้ำชาอย่างแรง

เขาดิ้นทุรนทุรายอย่างหลายครั้ง แล้วสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่พอใจ ลำคอของเขาบิดไปอีกข้าง แล้วเสียงก็เงียบหายไปเลย ไม่รู้ว่าตายแล้ว หรือสลบไป

นี่……

จนถึงตอนนี้ ทั้งห้องไร้ซึ่งเสียง เงียบจนน่ากลัว พวกเขาไม่กล้านึกฝัน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ไอ้หัวหยิกที่เป็นคนเยือกเย็นที่สุด กลับถูกจัดการทิ้งแล้ว?ราวกับตบแมลงวัน มันช่างเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

ในเวลานี้เอง เสียงอันเย็นชาของฉู่เทียนเจียงดังขึ้น ถือว่าเป็นการดึงสติทุกคนกลับมาให้อยู่ในความเป็นจริง

“แกยังเหลือเวลาอีกสามสิบวินาที”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมยุทธ์กบฏโลก