ณ หมู่บ้านเซี่ยไท่ เมืองชิงผิง แคว้นต้าหลีอันรุ่งเรือง
กู้เหมยตั่ว เด็กหญิงวัยเก้าขวบ ร่างผอมบาง ทว่ากลับแบกหาบฟืนแห้งกองโตได้อย่างมั่นคง แม้ฝีเท้าที่ย่ำลงจากเนินเขาจะดูเชื่องช้า ทว่าทุกก้าวกลับหนักแน่น
อันที่จริงแล้ว กู้เหมยตั่วผู้นี้คือหญิงสาววัยสามสิบแปดจากยุคปัจจุบัน จิตวิญญาณของนางเพิ่งข้ามภพมาสิงสู่ในร่างของเด็กหญิงผู้น่าสงสารซึ่งมีชื่อเดียวกันเมื่อสัปดาห์ก่อน
เจ้าของร่างเดิมนั้นแม้ยังเด็กแต่กลับมีพละกำลังเหนือธรรมดา นางต้องหาฟืน หักหญ้าเลี้ยงหมูเพื่อจุนเจือครอบครัว ด้วยเหตุที่บิดามารดาและพี่ชายล้วนเป็นคนซื่อสัตย์เกินไป จึงตกเป็นเป้าให้ท่านย่าข่มเหงรังแกอยู่เป็นนิจ เด็กหญิงต้องทนกัดก้อนเกลือกิน เพื่อให้น้องชายฝาแฝดทั้งสองได้อิ่มท้อง จนท้ายที่สุด ร่างกายก็ทานทนความหิวโหยไม่ไหว สิ้นใจอย่างน่าเวทนาอยู่บนเขา และวิญญาณของกู้เหมยตั่วจากยุคปัจจุบันก็ได้เข้ามาแทนที่ในร่างนั้น
ทว่าครอบครัวใหม่ที่นางเข้ามาพึ่งใบบุญนี้ กลับต้องเผชิญกับปัญหาไม่ว่างเว้นแต่ละวัน
กู้เหมยตั่วปล่อยใจให้ล่องลอย ความคิดคำนึงฟุ้งกระจายไปกับสายลม ขณะก้าวเดินไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย
ทันใดนั้น เสียงตะโกนอันร้อนรนระคนตื่นตระหนกดังแหวกอากาศมาจากที่ไม่ไกลนัก
“ตั๋วตั่ว! รีบกลับบ้านเร็ว! ย่าของเจ้ากำลังจะขายน้องชายทั้งสองของเจ้า! เร็วเข้าเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันการณ์!”
“ขายน้องชายข้า?”
“ให้ตายเถอะ ยายแก่สารเลวนั่นคิดจะก่อเรื่องอะไรอีก?”
นางไม่รอช้า รีบคว้าท่อนไม้ขนาดเหมาะมือออกจากกองฟืน โยนหาบที่แบกมาทิ้งลงพื้น แล้วพุ่งทะยานลงจากเขาด้วยความเร็วปานเหาะเหิน
เมื่อถึงเขตหมู่บ้าน นางเห็นชาวบ้านกลุ่มใหญ่กำลังยืนมุงดูอยู่ที่ลานหน้าบ้านตน เสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ดังอื้ออึง
“ทีแรกนึกว่าบ้านสกุลกู้มีแขกเหรื่อมาเยี่ยม ที่ไหนได้ เป็นนายหน้าค้ามนุษย์นี่เอง! หรือว่าแม่เฒ่าซุนคิดจะขายหลานชายทั้งสองคนนั่นจริงๆ? พ่อเฒ่ากู้มีลูกชายตั้งห้าคน กู้เหล่าซื่อนั้นขยันขันแข็งที่สุดแท้ๆ แต่นางกลับจะขายลูกชายของเขา ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!”
“ก็เพราะเห็นว่ากู้เหล่าซื่อมันซื่อบื้อน่ะสิ แม่เฒ่าซุนถึงได้กล้ารังแก นางจะกล้าขายลูกชายของเหล่าต้ากับเหลาหวู่ได้อย่างไร?”
“น่าสงสารก็แต่สะใภ้สี่ของบ้านนั้น นางเคยทั้งสวยทั้งน่ารัก ไหนจะคลอดลูกชายให้ตั้งสี่คน เป็นฝาแฝดถึงสองคู่ ถือเป็นวาสนาสูงส่ง บุญหนักศักดิ์ใหญ่ขนาดนี้ ต่อให้ไม่มีคุณงามความดีอื่น อย่างน้อยก็ลำบากเลี้ยงดูมาแทบตาย แต่ดูสิ กลับถูกแม่เฒ่าซุนใช้งานหนัก ทุบตี ข่มเหง จนตอนนี้ซีดเซียวเป็นผีตายซากไปแล้ว”
“บ้านนั้นก็มีแต่ลูกสาวคนโตนั่นแหละที่พอยันไหว แม่เฒ่าซุนถึงไม่กล้าหือด้วย นี่คงรอจังหวะที่เด็กนั่นไม่อยู่บ้านล่ะสิ ได้ยินว่านางทั้งแรงเยอะทั้งแสบไม่ใช่เล่น... อ๊ะ! พูดถึงก็มาพอดี! คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแน่!”
“หลีกทาง! หลีกทาง!”
กู้เหมยตั่วตะโกนแหวกฝูงชน พุ่งพรวดเข้าไปในลานบ้านอย่างไม่แยแสว่าได้ผลักหรือชนใครจนล้มคว่ำไปบ้าง
ใจกลางลานบ้าน ปรากฏร่างสตรีผู้หนึ่งอายุราวสามสิบเศษ นางคุกเข่าอยู่บนพื้นดิน แม้เค้าโครงใบหน้าจะงดงาม หากแต่ซีดเซียวไร้สีเลือด ร่างกายผ่ายผอมจนน่าเวทนา ดวงตาเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมแสนสาหัส... นางคือเถาซื่อ มารดาของกู้เหมยตั่วนั่นเอง
ในอ้อมแขนข้างหนึ่ง นางกอดรัดเด็กชายตัวน้อยไว้แน่นประหนึ่งแก้วตาดวงใจ ส่วนมืออีกข้างเอื้อมไปเบื้องหน้าอย่างสิ้นหวัง พยายามจะคว้าตัวเด็กชายอีกคน...แฝดผู้น้องซึ่งถูกแม่เฒ่าซุน แม่สามีใจยักษ์เหนี่ยวรั้งไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยทั้งสองคือฝาแฝดวัยห้าขวบ เสี่ยวซื่อและเสี่ยวหวู่
“ท่านแม่! ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ อย่าขายเสี่ยวซื่อกับเสี่ยวหวู่เลยนะเจ้าคะ! ลูกยอมทำงานให้หนักขึ้น จะกินให้น้อยลง ขอเพียงท่านแม่เมตตา ลูกจะเก็บหอมรอมริบส่งเสียค่าเล่าเรียนให้หลานชายคนโตเองเจ้าค่ะ!”
เถาซื่อวิงวอนพลางร่ำไห้จนตัวโยน โขกศีรษะกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนหน้าผากแดงช้ำ ใบหน้าอาบน้ำตาเต็มไปด้วยความอับจนและสิ้นหวัง เสียงร้องไห้จ้าของบุตรชายตัวน้อยในอ้อมแขนยิ่งขับเน้นความร้าวรานใจของผู้เป็นแม่
ตรงกันข้ามกับภาพน่าสะเทือนใจนั้น แม่เฒ่าซุนผู้มีใบหน้าตอบแหลม ดวงตาแข็งกร้าวฉายแววเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ กลับยืนค้ำศีรษะลูกสะใภ้ นางชี้นิ้วด่าทอเถาซื่ออย่างไม่สะทกสะท้าน
“นังสารเลวขี้เกียจสันหลังยาว ทั้งปีทั้งชาติเจ้าหาเงินได้สักกี่อีแปะกันเชียว พวกเขามารับตัวเสี่ยวซื่อกับเสี่ยวหวู่ไป แลกเงินได้ตั้งยี่สิบตำลึงเชียวนะ เอาไว้จ่ายค่าเล่าเรียนให้หลานคนโตของเจ้าได้สบายๆ”
“รอให้เขาได้เป็นจอหงวนเมื่อไหร่ พวกเจ้าทั้งบ้านก็ได้ดิบได้ดีไปด้วยไม่ใช่รึ? อีกอย่าง ลูกชายก็ไม่ได้มีแค่สองคนนี้เสียเมื่อไหร่ ส่งพวกมันไปก็ช่วยประหยัดข้าวไปได้ตั้งสองปาก!” นางตวาดเสียงเข้ม “ปล่อยมันมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
แต่เถาซื่อกลับยิ่งกอดบุตรชายไว้แน่นขึ้น นางกรีดร้องสุดเสียง น้ำตาไหลพราก “ไม่! อย่าขายลูกข้า! พวกเขาเป็นแก้วตาดวงใจของข้านะท่านแม่!”
สวรรค์! เหตุใดจึงโหดร้ายกับข้านัก! ได้โปรดเมตตาด้วยเถิด!
เมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้ขัดขืนสุดฤทธิ์ แม่เฒ่าซุนก็หน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความโมโห นางคว้าท่อนไม้ที่วางอยู่ไม่ไกล แล้วเงื้อฟาดลงไปบนแผ่นหลังผ่ายผอมของเถาซื่ออย่างแรง!
“นังสารเลว! คิดว่าข้าจัดการเจ้าไม่ได้รึอย่างไร ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”
ข้างๆ กันนั้น สตรีอีกนางหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดงเขียวฉูดฉาด รูปร่างอ้วนท้วม นางคือป้าสะใภ้สามของกู้เหมยตั่ว สะใภ้ซุน นางเบ้ปากกล่าวเย้ยหยัน “โธ่ น้องสะใภ้สี่ เจ้าช่างกล้าขัดคำสั่งแม่สามีถึงเพียงนี้ ช่างอกตัญญูเสียจริง ระวังเถอะ ประเดี๋ยวเหล่าซื่อกลับมาจะหย่าเจ้าเสีย”
แม่เฒ่าซุนฟาดไม้ลงบนร่างของเถาซื่อที่คุกเข่าอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่หายแค้น นางผลักเด็กชายที่กระชากมาได้ไปให้สะใภ้ซุน “ดูแลเขาให้ดี นี่คือเงินเชียวนะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จากสาวบ้านนา สู่ฮูหยินจอมพยัคฆ์