จากสาวบ้านนา สู่ฮูหยินจอมพยัคฆ์ นิยาย บท 2

กู้เหมยตั่วเห็นปฏิกิริยาของทุกคน ในใจพลันรู้สึกสิ้นไร้หนทางอย่างยิ่ง

นางจ้องมองพ่อไร้ค่าของตนเอง คนที่ไม่รู้คงนึกว่าเขากับพ่อเฒ่ากู้เป็นพี่น้องกัน แต่ความจริงแล้วเขาเพิ่งจะอายุสามสิบปีเท่านั้น

นี่คือคนซื่อๆ ที่เอาแต่ก้มหน้าทำงาน พูดจาก็น้อยนิด ใครก็ๆ ว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์ จริงๆ แล้วแค่คนหัวอ่อน พ่อแม่ชี้ให้ตีตรงไหนก็ตี จะพูดให้ดูดีหน่อยก็เรียกว่ากตัญญู แต่เอาเข้าจริง ก็แค่ขี้ขลาด ไม่อาจแม้แต่จะปกป้องลูกเมียของตัวเองได้

ตระกูลกู้ยังไม่ได้แยกบ้าน คนกว่ายี่สิบชีวิตอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน หยิบกระบวยคนกับข้าวจากหม้อเดียวกัน จะไม่ให้มีเรื่องกระทบกระทั่งกันทุกวันได้ยังไงเล่า

บ้านสี่ของพวกเขาทั้งคนเยอะ ทั้งซื่อสัตย์เกินไป แถมยังมีท่านย่าที่ลำเอียง ท่านปู่ที่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ชีวิตช่างผ่านไปอย่างน่าสังเวชยิ่งนัก

ธรรมเนียมที่นี่คือบ้านใหญ่เป็นผู้ดูแลยามชรา หลานชายคนโตยังเป็นผู้มีการศึกษา ดังนั้นบ้านใหญ่จึงได้รับความสำคัญอย่างยิ่ง

บ้านรองไม่มีลูกชาย สองสามีภรรยาขยันขันแข็งทำงาน เด็กหญิงทั้งสองคนก็เชื่อฟัง ดังนั้นบ้านรองจึงยังพออยู่ได้

สะใภ้บ้านสามเป็นหลานสาวทางบ้านเดิมของแม่เฒ่าซุน อย่างไรเสียแม่เฒ่าซุนก็ไม่มีทางปล่อยให้บ้านสามเสียเปรียบ

บ้านห้าเป็นลูกชายคนเล็ก ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กจนโต ปัจจุบันก็ยังคงเป็นแก้วตาดวงใจของสองสามีภรรยาชรา

น่าสงสารที่สุดก็คือบ้านสี่ ว่ากันว่าตอนที่แม่เฒ่าซุนคลอดลูกคนที่สี่นั้นคลอดยาก เกือบจะตายทั้งแม่ทั้งลูก แม่เฒ่าซุนจึงมองเหล่าซื่ออย่างไม่พอใจมาโดยตลอด

ต่อมาแม่เฒ่าซุนก็หมายมั่นหมายปองแม่ม่ายมีเงินแต่หน้าตาขี้เหร่ให้เหล่าซื่อ แต่เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเดียวในชีวิตที่เขาไม่ยอมคล้อยตามแม่ คัดค้านหัวชนฝา ไม่มีทางยอมแต่งเด็ดขาด

ต่อมา กู้เหล่าซื่อออกไปทำงานแบกหามข้างนอก ได้ภรรยากลับมาด้วยตนเอง เพราะไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะ แม่เฒ่าซุนจึงจำใจยินยอม

ตอนที่ลูกชายฝาแฝดของบ้านสี่อายุเจ็ดขวบ เนื่องจากลูกชายคนโตของบ้านใหญ่ได้เรียนหนังสือ สะใภ้สี่จึงเสนอขึ้นมา ว่าให้ลูกชายทั้งสองของตนได้เรียนหนังสือด้วย

เรื่องนี้ทำให้แม่เฒ่าซุนเดือดดาลอย่างหนัก ลงมือทุบตีสะใภ้สี่อย่างหนักหน่วง

หากไม่ใช่เพราะหัวหน้าหมู่บ้านบังเอิญผ่านมาและห้ามไว้ สะใภ้สี่อาจถูกทุบตีจนตายไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ แม่เฒ่าซุนจึงยิ่งชิงชังครอบครัวของเหล่าซื่อมากขึ้น

ลูกชายทั้งสองคนของบ้านสี่ ผอมแห้งราวกับโครงกระดูก เพราะถูกพ่อกดดันไว้ จึงไม่กล้าต่อต้านท่านย่า นิสัยก็ยิ่งขี้ขลาดตาขาวมากขึ้นเรื่อยๆ

ช่างเป็นชีวิตที่เลวร้ายเสียจริง

แยกบ้าน ต้องแยกบ้านให้ได้!

เมื่อเห็นท่านปู่กำลังจะเดินออกไปข้างนอก กู้เหมยตั่วจึงตะโกนเสียงดัง “ท่านปู่ ท่านย่าจะขายสองน้องชายข้า ท่านจะไม่จัดการอะไรหน่อยหรือ?”

เรื่องขายหลานชายนั้นทำได้ แต่ไม่อาจนำมาพูดบนโต๊ะได้อย่างเปิดเผย

พ่อเฒ่ากู้ถลึงตาใส่หลานสาวอย่างไม่พอใจ “พูดจาเหลวไหลอะไร กลับไปช่วยย่าเจ้าทำงาน เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่าเข้ามายุ่ง”

กู้เหมยตั่วสาวเท้าพรวดๆ ไม่กี่ก้าวไปข้างหน้า กางสองแขนออกขวางพ่อเฒ่ากู้ไว้ พลางตวาดเสียงกร้าว “ท่านปู่ สรุปแล้วท่านจะจัดการหรือไม่?”

พ่อเฒ่ากู้ตะลึงงันไปชั่วขณะ หลานสาวคนนี้กลายเป็นคนรับมือยากตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แม้ว่านางจะมีเรี่ยวแรงมาก ยายแก่จึงไม่ค่อยกล้าตีกล้าด่านาง แต่ปกติแล้วนางก็ไม่กล้าพูดเสียงดังกับตนเช่นนี้นี่นา

แม่เฒ่าซุนด่าพลางวิ่งไล่ตามมา “นังเด็กเหลือขอนี่ เจ้าพูดอะไร? ยังไม่กลับมาอีก?”

“ดี ท่านปู่ ท่านไม่จัดการใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

ขณะที่พูด กู้เหมยตั่วก็คว้าพลั่วเหล็กอันหนึ่งในลานบ้านขึ้นมา เหวี่ยงแขนสุดแรงทุบทำลาย เจออะไรก็ทุบสิ่งนั้น

ทุบไปก็ด่าไป “กล้าขายน้องชายข้า กล้ารังแกแม่ของข้า! ถ้าข้าต้องอยู่อย่างทุกข์ระทม พวกเจ้าก็ไม่มีวันได้อยู่สุขเหมือนกันหรอก!”

กู้เหมยตั่วระบายความอัดอั้นตันใจตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ทะลุมิติมาออกมาจนหมดสิ้น

“เพล้ง เพล้ง ปัง ปัง” ในลานบ้านเละเทะไปหมด

กู้เหมยตั่วยังไม่หายแค้น หิ้วพลั่ววิ่งตรงไปยังเรือนหลัก ที่พักของพ่อเฒ่ากู้และแม่เฒ่าซุน กู้เหมยตั่วมีพลังดุจเทพเจ้ามาแต่กำเนิด แค่บ้านดินหลังคามุงจากแค่นี้ ยังไม่พอให้นางทุบทำลายด้วยซ้ำ

ตอนที่ 2 ท่านปู่ ตกลงท่านจะจัดการเรื่องนี้หรือไม่ 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จากสาวบ้านนา สู่ฮูหยินจอมพยัคฆ์