“ที่น่าแค้นใจยิ่งกว่า คือยังคิดจะขายหลานชายอีก? ท่านอดอยากจนจะตายแล้วหรือไร รอเงินที่ได้จากการขายหลานชายมาช่วยชีวิตหรือ? คนเขายังว่าเสือร้ายยังไม่กินลูกมัน ท่านย่ายังสู้เสือไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ขายหลานชายแท้ๆ คิดว่ามีหลานชายเยอะแล้วจะทำอะไรตามใจชอบได้หรือ ขายหลานชายไปแล้ว ไม่กลัวว่าภายหน้าจะไร้ทายาทสืบสกุลหรือ? แถมยังจะขายทีเดียวสองคนอีก?”
“ถ้าท่านรังเกียจว่ามีหลานชายมากเกินไป ข้าจะพาพี่ชายและน้องชายของข้าไปเอง พวกเราจะเปลี่ยนไปใช้แซ่ของแม่ ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลกู้อีกต่อไป ไม่เชื่อก็คอยดูว่าข้าจะกล้าทำหรือไม่!”
แม่เฒ่าซุนถ่มน้ำลายใส่กู้เหมยตั่ว “ถุย!” พลางเท้าสะเอวทั้งสองข้าง “ข้าจะขายหลานชายของข้าแล้วมันจะทำไม? ถ้าโมโหขึ้นมา ข้าจะขายแม้กระทั่งเจ้าไปด้วยเลย”
“ขายข้างั้นรึ? ข้าให้ความกล้าท่านเลยเอ้า! ท่านก็มีปัญญาแค่ตีลูกสะใภ้ด่าลูกสะใภ้เท่านั้นแหละ”
แม่เฒ่าซุนโกรธจนตัวสั่น “แม่ผัวบ้านไหนไม่ใช้งานลูกสะใภ้ ไม่ตีไม่ด่าลูกสะใภ้บ้าง ทำไมข้าจะทำไม่ได้?”
“ท่านเป็นแม่ผัว ท่านย่อมใช้งานลูกสะใภ้ได้ แต่จะมาใช้งานแม่ข้าอีกไม่ได้!”
“หลายปีมานี้ แม่ข้าตื่นแต่เช้ามืด ทำงานหนักโดยไม่ปริปากบ่น ตอนนี้ก็สมควรจะเปลี่ยนให้คนอื่นทำบ้างแล้ว ท่านมีลูกสะใภ้ตั้งมากมาย พวกนางเป็นคนตายรึไง? ก็ถึงตาพวกนางทำงานบ้างแล้ว”
กู้เหมยตั่วพูดกับมารดาที่น้ำตาอาบแก้มอย่างอ่อนโยนว่า
“ท่านแม่ ท่านกลับไปพักผ่อนในห้องเถอะ ท่านให้กำเนิดลูกชายถึงสี่คน ถือเป็นผู้สร้างคุณูปการใหญ่หลวงแก่ตระกูลกู้ คนอื่นที่ไม่ได้ให้กำเนิดลูกมากเท่าท่าน ร่างกายแข็งแรงกว่าท่าน ยังได้พักผ่อนเลย แล้วเหตุใดท่านยังต้องทำงานอีกล่ะ? ท่านไม่ใช่สาวใช้เสียหน่อย”
“พี่ใหญ่ พี่รอง ประคองท่านแม่พาเสี่ยวซื่อเสี่ยวหวู่กลับห้องไป”
สองพี่น้องพยักหน้ารับอย่างอ่อนแรง
กู้เหล่าซื่อก้มหน้าลงเล็กน้อย น้ำตาหยดลงมาทีละหยด เขานั้นขี้ขลาดก็จริง แต่ไม่ใช่คนโง่ ใครดีต่อเขาย่อมรู้ดี
“ทำงานแล้วมันทำไม?” แม่เฒ่าซุนโอดครวญ “พวกเขายังหนุ่มยังแน่น ทำงานมากหน่อยแล้วมันจะทำไม?”
“เจ้าว่ามันทำไมรึ? พ่อแม่ข้ายังหนุ่มยังสาว แล้วท่านลุงกับท่านป้าข้าแก่หง่อมใกล้ลงโลงแล้วหรืออย่างไร? ท่านอาห้าไม่ใช่ว่าหนุ่มกว่าหรือ? เขาก็เอาแต่นอนทุกวัน นอนแล้วก็กิน กินแล้วก็นอน ไม่ต่างอะไรกับเจ้าตัวนั้นที่ร้องฮึๆ?”
ทุกคน “ฮึๆ?”
อาจเป็นเพราะเห็นน้ำตาของพ่อแล้วปวดใจ อาจเป็นเพราะนึกถึงความทุกข์ในชาติก่อนของตน รวมถึงความอัดอั้นตันใจเมื่อมาอยู่ที่นี่ กู้เหมยตั่วก็น้ำตาไหลรินออกมาเช่นกัน นางพลางปาดน้ำตา พลางตะโกนฟ้องร้องเสียงดัง
“คนอื่นทำงาน ยังได้พักผ่อนบ้างเป็นครั้งคราว ได้ไปตลาด ได้ไปเยี่ยมญาติ แต่เหตุใดพ่อข้ากับพวกพี่ชายของข้าต้องทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ส่วนแม่ข้าต้องดูแลน้องชายสองคน ทั้งยังต้องซักผ้า ทำอาหารอีก?”
“พวกท่านช่างคิดการได้งดงามนักนะ ขายน้องชายสองคนของข้า จะได้ให้แม่ข้าลงไปทำงานในนาด้วย พวกเราบ้านสี่ก็กลายเป็นแรงงานชั้นดีไปทั้งหมด ให้ครอบครัวข้าเป็นวัวเป็นม้าให้พวกท่านใช้งาน คอยหาเลี้ยงพวกท่าน ให้พวกท่านได้เรียนหนังสือ”
“ถุย! ถ้าบีบคั้นข้าจนถึงที่สุด ข้าจะจุดไฟเผาบ้าน ให้พวกท่านต้องหอบตะกร้าไปขอทานในวันพรุ่งนี้ คอยดูสิว่าข้ากล้าหรือไม่?”
“ขอบอกไว้เลยนะท่านย่า ตอนนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าเผาบ้านของตัวเอง ไม่ผิดกฎหมาย ข้าทุบทำลายข้าวของในบ้านตัวเองก็ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องชดใช้ ถือเป็นความขัดแย้งภายในครอบครัว ทางการไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว”
ตราบใดที่พวกท่านกล้ารังแกพวกเราบ้านสี่ ข้าก็กล้าทุบทำลาย!”
แม่เฒ่าซุนด่าอย่างเคียดแค้น “นังเดรัจฉานน้อยอกตัญญู ตอนที่เจ้าเกิดมา ข้าน่าจะบีบคอเจ้าให้ตายเสียตั้งแต่ตอนนั้น จะได้ไม่ต้องมาทำให้ข้าโมโหเช่นนี้”
“ข้าอกตัญญูรึ? ท่านลุงใหญ่เอาแต่วิ่งเข้าเมืองทุกสองสามวัน ใช้เงินของบ้านไปกินข้าวนอกบ้าน เคยเอาของอร่อยมาให้พวกท่านสักคำหรือไม่ เขากตัญญูรึ?”
“พี่ชายลูกพี่ลูกน้องคนโตใช้เงินหยาดเหงื่อแรงงานที่พ่อข้ากับพวกพี่ชายหามาได้ไปเรียนหนังสือ พอเจอหน้าพ่อแม่ข้ากลับเชิดหน้ามองฟ้าไม่แม้แต่จะสนใจ เขาถึงเรียกว่ากตัญญูรึ?”
รู้สึกว่าตนเองตัวเล็กเตี้ย ไม่มีพลังอำนาจ กู้เหมยตั่วจึงกระโดดขึ้นไปบนม้านั่งผุๆ ตัวหนึ่ง แล้วกล่าวโทษเสียงดังต่อไป
“ท่านป้าสะใภ้สามขนของที่บ้านกลับบ้านเดิมของนางอยู่เรื่อย ไปเสียหลายเที่ยว ไม่ลงไปทำงานในนาก็ช่างเถอะ พอกลับถึงตาที่นางต้องทำอาหาร ก็ปวดเมื่อยไปทั้งตัว ให้ท่านย่ากับแม่ข้าทำแทน นางน่ะหรือกตัญญู?”
“ท่านอาห้ากับท่านอาสะใภ้ห้าไม่เคยลงไปทำงานในนาเลย ตะวันไม่ส่องก้นก็ไม่ยอมตื่น พอตื่นขึ้นมาก็ยังเลือกกินเลือกดื่ม ที่ไหนลมเย็นก็ไปพักผ่อนที่นั่น ท่านปู่ทำงานเหงื่อไหลไคลย้อยอยู่ในนา ไม่กล้าแม้แต่จะพักเพราะกลัวงานเสีย เขาน่ะหรือกตัญญู?”
คอเริ่มแห้งผาก ไอออกมาสองครั้ง แล้วพูดต่อ
“บ้านลุงรอง เพราะไม่มีลูกชายจึงรู้สึกผิด สองสามีภรรยาถึงได้ทำงานกันอย่างเอาเป็นเอาตาย พวกเราบ้านสี่มีลูกชายสี่คน ลงนาทำงานแค่สองคน เหตุใดพวกเราบ้านสี่ถึงทำงานมากที่สุด แต่ได้กินน้อยที่สุด?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จากสาวบ้านนา สู่ฮูหยินจอมพยัคฆ์