เข้าสู่ระบบผ่าน

จากสาวบ้านนา สู่ฮูหยินจอมพยัคฆ์ นิยาย บท 4

ปกติแล้วเมื่อเถาซื่อมาส่งคำพูดแทนสะใภ้ซุน แม่เฒ่าซุนก็จะถือโอกาสพูดว่า ‘เช่นนั้นเจ้าก็ทำงานแทนนางเถอะ’ เถาซื่อปฏิเสธใครไม่เป็น จึงจำต้องทำตาม ทุกครั้งล้วนเป็นเช่นนี้

“ข้ามีธุระต้องกลับบ้านแม่จริงๆ ให้แม่เจ้าช่วยข้าทำสักวัน วันหน้าข้าค่อยช่วยนางทำเพิ่มอีกวัน”

“ท่านป้าสะใภ้สาม คำโกหกเดิมๆ พูดบ่อยเข้าก็เหมือนผายลม ไม่มีใครใส่ใจแล้ว อีกอย่าง ท่านเคยรักษาคำพูดครั้งไหนบ้าง? เพราะฉะนั้น ท่านก็ไปหาคนอื่นเถอะเจ้าค่ะ”

สะใภ้ซุนโกรธจัด ด่าเสียงดังลั่น “เรื่องของผู้ใหญ่ ต้องให้เด็กเวรอย่างเจ้าเข้ามาแส่ด้วยหรือ? ก็แค่ให้แม่เจ้าช่วยข้าทำงานวันเดียว มันจะทำไม? เมื่อก่อนก็ใช่ว่าจะไม่เคยทำ”

“ใช่สิ เมื่อก่อนแม่ข้าช่วยท่านทำงานไม่น้อยเลย แม่ข้าต้องคอยดูแลน้องชาย ทำงานของตัวเองไปพลาง ยังต้องช่วยท่านทำงานอีก ส่วนท่านกลับไปเดินสายเยี่ยมบ้านอื่นอย่างสบายใจเฉิบ”

“ไม่ใช่เพราะว่าท่านย่าเป็นป้าแท้ๆ ของท่าน คอยเข้าข้างพวกท่านบ้านสามหรอกรึ?”

“พรุ่งนี้ข้าจะไม่ยอมให้แม่ข้าทำงาน หากท่านไม่หาคนที่เหมาะสมมาทำงานแทน งั้นคนทั้งบ้านทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ กับฝูงเดรัจฉานน้อยที่อยู่เต็มลานบ้าน ก็อดอยากกันไปเถอะ!”

พูดจบก็ดึงเถาเฟยที่เดินออกมากลับเข้าห้องไป

กู้ชุนอวี่วัยสิบขวบช่วยมารดาด่าคน “นังสารเลว นังเด็กตายโหง กล้ารังแกแม่ข้า ข้าจะตีเจ้าให้ตาย”

กู้เหมยตั่วหันกลับมาหัวเราะเสียงดังลั่น

“ไอ้เด็กแสบกล้ามากนี่ คิดจะตีข้างั้นรึ เข้ามาเลย!”

กู้ชุนอวี่ยังคิดจะด่าต่อ แต่ถูกมารดาของตนลากตัวไป

ตอนพลบค่ำ ทุกคนกลับมาจากการทำงาน กู้เหล่าซานตะโกนว่า “เหล่าซื่อ เจ้าไปหาบน้ำมาให้ข้าล้างตัวสักสองถังก่อน แล้วค่อยไปหาบให้ท่านพ่อ”

บ้านตระกูลกู้อยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน หน้าประตูบ้านห่างออกไปราวสองสามร้อยเมตรมีลำธารสายเล็กๆ ไหลผ่าน คนที่ทำงานกลับมาตอนพลบค่ำ เนื้อตัวมีแต่เหงื่อไคลเหม็นอับ หาบน้ำสักสองถังกลับมาล้างเนื้อล้างตัว ก็ทั้งสะอาดทั้งคลายเหนื่อย น้ำในลำธารอุ่นกำลังดี เหมาะแก่การอาบน้ำอย่างยิ่ง

เนื่องจากตอนพลบค่ำมักจะมีสาวน้อยสาวใหญ่ อาศัยช่วงเวลาที่อากาศเย็นสบายซักผ้าอยู่ริมลำธาร จึงไม่อาจลงไปอาบน้ำในลำธารได้ ตระกูลกู้มักจะไปตักน้ำที่ลำธารอยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่คนที่ไปตักน้ำนั้น... หึๆ

กู้เหล่าซื่อทำท่าจะไปหยิบถังน้ำเพื่อตักน้ำโดยไม่มีคำบ่นสักคำ

กู้เหมยตั่วยืนอยู่ในลานบ้านตลอดเวลา นางรู้ดีว่าต้องเป็นเช่นนี้ เพราะเมื่อก่อนถ้าไม่ใช่พ่อเป็นคนตักน้ำ ก็เป็นพวกพี่ชายที่ตัก พวกพี่ชายเพิ่งจะอายุสิบสองปี ถังน้ำหนักขนาดนั้น ช่างเป็นครอบครัวที่สารเลวใจหมาป่าเสียจริง

“ท่านพ่อ วางถังน้ำลง ให้ท่านลุงสามไปตักเอง เขามีมือมีเท้า เหตุใดต้องมาใช้งานท่านด้วย?”

กู้เหล่าซานไม่พอใจขึ้นมา “นังเด็กนี่ ข้าก็แค่ให้พ่อเจ้าถือโอกาสตอนไปตักน้ำให้ท่านปู่ของเจ้า ตักให้ข้าเพิ่มสักสองถัง มันจะทำไม?”

“ไม่ทำไมทั้งนั้น งานของใครคนนั้นก็ทำเอง ถ้าท่านไม่ตักน้ำอาบ ก็เชิญเหม็นต่อไปเถอะ ให้พ่อข้าคอยรับใช้ท่านทุกวัน พ่อข้าทำงานมาทั้งวันแล้ว ต่อให้ท่านไม่สงสารแต่ข้าสงสาร”

“ท่านพ่อ ท่านกลับไปรอในห้อง ข้าจะไปตักน้ำมาให้ท่านอาบ พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านก็รอด้วย ท่านพ่ออาบเสร็จแล้วพวกท่านค่อยอาบ น้ำข้าจะเป็นคนตักเอง”

กู้เหล่าซานตะโกนเสียงดัง “แล้วน้ำของปู่เจ้าล่ะใครจะตัก?”

“ใครอยากตักก็ไปตัก ใครเต็มใจก็ไปตัก ท่านกตัญญูก็เชิญไปตักเองสิ”

พูดพลาง กู้เหมยตั่วก็หาบถังน้ำจากไป

“เมื่อก่อนพ่อเจ้าเป็นคนตักตลอด”

“เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน ตอนนี้ก็คือตอนนี้ ท่านปู่ไม่ได้มีพ่อข้าเป็นลูกชายแค่คนเดียวเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกท่านพี่น้องก็ผลัดกันไปตัก วันนี้ให้ท่านลุงใหญ่ไปตักก่อนแล้วกัน” เสียงของกู้เหมยตั่วดังแว่วมาจากไกลๆ

พ่อเฒ่ากู้ถลึงตาใส่กู้เหล่าซาน “ข้าไปตักเอง”

กู้เหมยตั่วตักน้ำให้พ่อของตนเสร็จ กลับมาก็เห็นท่านลุงสามยังยืนอยู่ในลานบ้าน

แม่เฒ่าซุนฟังปากเล็กๆ ของกู้เหมยตั่วพูดจาฉอดๆ อย่างคล่องแคล่ว พอตั้งสติได้ เนื้อในชามของทุกคนก็ลงท้องไปนานแล้ว

นางโกรธจนยกมือคิดจะทุบโต๊ะ แต่พอมองอาหารบนโต๊ะ ก็เสียดายไม่อยากสิ้นเปลืองอาหาร จึงพุ่งตรงไปยังสะใภ้สี่แทน

โต๊ะของผู้หญิงยังคงรอแม่เฒ่าซุนมาแบ่งอาหาร กู้เหมยตั่วพอมองท่าทางของแม่เฒ่าซุนก็รู้ทันทีว่าแม่เฒ่าซุนต้องการระบายอารมณ์ใส่แม่ของนาง เพราะมีเพียงแม่ของนางเท่านั้นที่จะยอมให้แม่เฒ่าซุนตีแต่โดยดี และไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย

กู้เหมยตั่วรีบคว้าชามใบใหญ่ ตักข้าวและกับข้าวจำนวนหนึ่ง แล้วดึงแม่และน้องชายไปยังมุมกำแพงเพื่อกินข้าว นางยืนขวางหน้าแม่เฒ่าซุน “ท่านย่า ท่านจะมาหาแม่ข้าทำไม?”

แม่เฒ่าซุนถือไม้ท่อนหนึ่ง เอื้อมตีเถาซื่อไม่ถึง ก็หันมาฟาดใส่กู้เหมยตั่วอย่างไม่เลือกหน้าแทน

กู้เหมยตั่วฉวยโอกาสดึงพี่สาวลูกพี่ลูกน้องฝั่งบ้านลุงสามมาบังไว้ข้างหน้า แม่เฒ่าซุนฟาดไม้ลงมา พี่สาวลูกพี่ลูกน้องของกู้เหมยตั่วผู้นั้นก็ร้อง “โอ๊ย!” แล้วล้มฟุบลงไป

กู้เหมยตั่วร้องเสียงดัง “ช่วยด้วย! ท่านย่าจะตีหลานสาวแท้ๆ ให้ตาย! แถมยังไม่ให้หลานสาวกินข้าว! ทุกคนมาดูกันเร็ว หลานชายขายไม่ได้ คราวนี้ก็จะตีหลานสาวระบายอารมณ์ให้ตายแล้ว! ช่วยด้วย!”

เสียงของเด็กหญิงวัยเก้าขวบทั้งใสทั้งแหลมเล็ก ส่งไปได้ไกลมาก ไม่นานนัก เพื่อนบ้านซ้ายขวาก็พากันมาที่นอกรั้วเพื่อดูเรื่องสนุก

แม่เฒ่าซุนวิ่งไล่กวดกู้เหมยตั่ว กู้เหมยตั่วก็วิ่งวนรอบโต๊ะ พลางวิ่งพลางตะโกนต่อไปว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย! ท่านย่าจะตีหลานสาวแท้ๆ ให้ตายแล้ว! ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว สวรรค์!”

แม่ของกู้เหมยตั่วป้อนข้าวลูกพลางมองดูอยู่ อย่างไรเสียลูกสาวของตนก็ไม่เสียเปรียบอยู่แล้ว พ่อและพวกพี่ชายของกู้เหมยตั่วก็ยืนนิ่ง ส่วนคนอื่นๆ ในตระกูลกู้ต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป

พวกเพื่อนบ้านเห็นสองย่าหลานคู่นี้ ต่างก็แอบหัวเราะกัน แม่เฒ่ากู้ผู้นี้มักจะจนปัญญาเมื่อเจอกับหลานสาวคนนี้อยู่เสมอ นี่กำลังเล่นตลกกันอยู่หรือ?

พ่อเฒ่ากู้รีบลุกขึ้น ไล่พวกเพื่อนบ้านกลับไป แล้วหันไปตะโกนใส่แม่เฒ่าซุนว่า “กินข้าว!”

ปกติแล้วแม่เฒ่าซุนจะกร่างมาก แต่เมื่อพ่อเฒ่ากู้โกรธ นางก็ยังคงเชื่อฟัง

สงครามระหว่างย่าหลานในวันนี้จึงจบลงแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จากสาวบ้านนา สู่ฮูหยินจอมพยัคฆ์