กู้เหมยตั่วพอได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงท่านผู้เฒ่า ก็ยิ่งตั้งใจฟังมากขึ้นกว่าเดิม
“เขาเพียงแค่โชคดี ที่บังเอิญได้ยาที่เหมาะกับโรคของเขาเท่านั้น มิใช่ว่าจะสามารถรักษาโรคของท่านแม่ทัพได้”
แท้จริงแล้ว พวกเราต่างรู้ดีว่า ท่านแม่ทัพมิได้ล้มป่วย หากแต่ถูกวางยาพิษ หากท่านเกิดเป็นอะไรขึ้นมา สถานการณ์ในเมืองหลวงย่อมแปรเปลี่ยนเป็นแน่ และนั่นย่อมเป็นผลร้ายแก่ฝ่ายเราโดยตรง
“คุณชาย อย่าได้โศกเศร้าไปเลยเถิด สิ่งใดจะเกิดก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามชะตาฟ้า บางทีนี่อาจเป็นเคราะห์กรรมของราษฎรต้าลี่ก็เป็นได้ มิใช่ว่าเราเพิ่งขอร้องให้ท่านหมอเทวดาป๋ายช่วยแล้วหรือ? ท่านก็ได้ทำเต็มกำลังแล้วเช่นกัน”
เสียงของบุรุษหนุ่มเอ่ยขึ้นว่า “ใต้หล้าในยามนี้มีองค์จักรพรรดิผู้เปี่ยมปัญญาธรรม เพียงแต่พระวรกายอ่อนแอ หากบุคคลผู้นั้นขึ้นครองราชย์แทน ด้วยนิสัยอำมหิตเหี้ยมโหด เกรงว่าแผ่นดินจะเดือดร้อน เหล่าประชาจะต้องล้มตายเป็นผักปลา”
หรือว่านี่คือฟ้าลิขิตกันแน่? หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าจะมารับตำแหน่งรู้ความใดในที่นี้ให้เปลืองแรงไปทำไมเล่า!
กู้เหมยตั่วถึงกับสะดุ้งในใจ:
บุรุษหนุ่มผู้นั้นคือท่านเจ้าเมืองหรอกหรือ? ฟังจากถ้อยคำของพวกเขา ดูท่าท่านแม่ทัพผู้นั้นจะเป็นขุนนางผู้จงรักภักดีต่อแผ่นดินแท้จริงนัก
ดังนั้น กู้เเหมยตั่วก็จงใจเดินย่ำเท้าให้ดัง แสร้งทำทีราวกับตนเพิ่งเดินผ่านมาโดยบังเอิญ
เลี้ยวผ่านหัวมุมมา ที่มุมหนึ่งข้างโรงหมอ มีบุรุษอยู่สองคน คนหนึ่งสูงวัย อีกคนเยาว์วัย ยืนอยู่ด้วยกันเงียบ ๆ
ชายชรารูปร่างแข็งแรง อายุประมาณห้าสิบปี ดวงตาเฉียบคม พูดจาด้วยเสียงหนักแน่น บ่งบอกว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์
ชายหนุ่มรูปงาม สง่างามอ่อนโยน วาจานุ่มนวลท่าทางนอบน้อม เพียงแต่ใบหน้าแฝงไว้ด้วยความกังวล ดูท่าจะมีเรื่องกลัดกลุ้มอยู่ในใจนัก
กู้เหมยตั่วเพ่งมองเจ้านายกับบ่าวผู้นั้นอย่างถี่ถ้วน พินิจพิจารณาอยู่เงียบ ๆ ด้วยสายตาไม่วางตา
ทั้งสองหยุดการสนทนา พอเห็นเด็กชายวัยราวเจ็ดแปดขวบเดินออกมาจากหัวมุมทาง ก็มิได้ใส่ใจนัก ปล่อยผ่านไปโดยมิได้ระแวงอะไร
เจ้านายกับบ่าวทั้งสองจึงหันกายมุ่งหน้าไปทางโรงหมอ กู้เหมยตั่วก็เดินตามไปเงียบ ๆ พลางส่ายหัวโยกไปมา ท่าทางเสแสร้งเหมือนไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
ทั้งสองมาหยุดอยู่หน้าประตูโรงหมอกู้เหมยตั่วก็หยุดยืนอยู่ไม่ห่างเช่นกัน ตามไปเงียบ ๆ อย่างแนบเนียน
บุรุษหนุ่มนามจิ่งถังเริ่มมีความโกรธ เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเด็กน้อย เจ้าตามพวกเรามาทำไมกัน?”
กู้เหมยตั่วหัวเราะขัน “ถนนหลวงเปิดกว้าง ใครใคร่เดินทางใดก็ย่อมได้ ไยท่านจึงปักใจว่าข้าตามพวกท่านเล่า?”
“พวกเราก้าวจากหัวมุม เจ้าเดินตาม เราหยุด เจ้าก็ยืนเฉย ถึงอย่างไร เจ้าจะว่าอย่างไรกับเรื่องนี้เล่า?”
กู้เหมยตั่วยิ้มพลางว่า “ข้าจะเข้าโรงหมอ แต่พวกท่านมายืนขวางอยู่”
จิ่งถังเงยหน้ามองป้ายโรงหมอ ก่อนจะขยับตัวหลีกไปด้านข้างเล็กน้อย เปิดทางให้ผ่าน
กู้เหมยตั่วเดินตรงไปยังโรงหมอ ครั้นเดินผ่านข้างกายจิ่งถัง ก็เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ยาที่เซี่ยงป๋อรุ่นใช้รักษา ข้าเป็นคนมอบให้เอง”
จิ่งถังเข้าใจความหมายทันที เหลือบมองลุงฟู่ผู้เฒ่า แล้วทั้งสองก็ยืนรออยู่ตรงนั้น มิได้จากไปไหน คอยให้กู้เหมยตั่วกลับออกมา
“เถ้าแก่ร้าน ข้ามาอีกแล้ว ท่านสบายดีหรือไม่?”
“โอ้โฮ! นี่เจ้าหนุ่มน้อยเองรึ มาอุดหนุนร้านข้าอีกแล้วหรือนี่ วันนี้มีสมุนไพรดี ๆ อะไรมาฝากกันบ้างเล่า?”
“ท่านลองมาดูเองเถิด”
กู้เหมยตั่ววางตะกร้าหาบลง จากนั้นก็หยิบสมุนไพรหลากชนิดออกมาเรียงวางบนโต๊ะด้านหน้าร้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จากสาวบ้านนา สู่ฮูหยินจอมพยัคฆ์