บทที่ 1053 กระบี่หยกและแผนที่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
ตอนนี้ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1053 กระบี่หยกและแผนที่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
หลินหยุนเดินตามหลังคาร์นอตวิลเลียม เข้าไปในปราสาทโบราณที่ใหญ่ที่สุดหลังนั้น
ภายในปราสาทโบราณนั้น แสงไฟมืดมัว ภายในห้องโถงปราสาทโบราณไม่มีดวงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีแต่แสงสว่างอันน้อยนิดจากไข่มุกดำไม่กี่เม็ดที่สาดส่องอยู่บนยอดปราสาทโบราณเท่านั้น
ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปละก็ จะไม่สามารถที่จะมองเห็นในสภาวะเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
แต่ว่า แสงชนิดนี้สำหรับเผ่าโลหิตแล้วกลับเป็นการเหมาะสมพอดี
“ในความทรงจำของฉัน ห้องหนังสือของแกรนด์ดยุกแดร็กคิวล่าก็อยู่ชั้นบนนี้”
คาร์นอตวิลเลียมก็ก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดไม้ไป พูดพลางมองดูทางขึ้นบันไดที่มืดมิดนั้น
ด้วยพลังความสามารถของหลินหยุนและคาร์นอตวิลเลียมแล้ว แสงสว่างไม่ได้มีผลอะไรต่อพวกเขาเลย ต่อให้เป็นที่มืดมิดจนไม่สามารถมองเห็นแม้แต่นิ้วมือ ก็ยังไม่มีผลต่อการมองเห็นของพวกเขาทั้งสองคน
ทั้งสองคนเดินขึ้นไปชั้นบนตามบันไดไม้นั้น
ชั้นบนนั้นมีห้องอยู่หลายห้อง คาร์นอตวิลเลียมชี้ไปยังห้องที่อยู่ด้านเหนือ หันหลังไปมองหลินหยุนแล้วพูดว่า “นี่ก็คือห้องหนังสือของแกรนด์ดยุกแดร็กคิวล่า ช่วงเวลาก่อนหน้าที่ฉันจะจากไปนั้น เขายังไม่ได้ย้ายห้องเลย”
หลินหยุนเดินเข้าไป ยื่นมือไปผลักประตูไม้นั้น
แต่ว่าหลินหยุนกลับไม่สามารถผลักให้ออกได้
ด้วยพลังแรงของหลินหยุนแล้ว ต่อให้ห้องล็อกประตูไว้ เขาก็ยังสามารถผลักออกได้เช่นกัน
“เปิดไม่ออกเหรอ?” คาร์นอตวิลเลียมถามด้วยความสงสัย
หลินหยุนมองดูประตูห้อง แล้วพูดว่า “มีการวางสกัดกั้นไว้”
คาร์นอตวิลเลียมด่าทอว่า “ฉันก็ว่าแล้วเชียว แกรนด์ดยุกแดร็กคิวล่าตาแก่นั่นไม่ใช่พวกกระจอกงอกง่อยเลย!”
“พังประตูได้ไหม?” คาร์นอตวิลเลียมถาม
หลินหยุนพูดว่า “ฉันจะลองดู”
พูดจบ หลินหยุนก็หลับตาลงทั้งสองข้าง เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ตาข้างหนึ่งเปลี่ยนเป็นสีดำอีกข้างสีขาว
แสดงพลังดวงตาทำลายล้างออกมา
ตั้งแต่ที่ออกมาจากทุ่งน้ำแข็งตอนเหนือสุดแล้ว ขอบเขตการมองเห็นของพลังดวงตาทำลายล้างของหลินหยุนนั้น ก็ขยายวงกว้างไกลมากยิ่งขึ้น
เพียงแต่ว่า อภินิหารของเขาเช่นนี้ยังคงไม่มีพลังที่พิเศษอะไรเช่นเดิม
ก็เหมือนกับอภินิหารที่ระดับต่ำสุด นอกจากสามารถมองเห็นสิ่งของที่สายตาคนธรรมดาทั่วไปมองไม่เห็นแล้ว อย่างอื่นก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว
ถ้าหากเป็นอภินิหารอย่างอื่นละก็ ตอนนี้ก็ควรจะสามารถวาดลวดลายที่ร้ายกาจอย่างอื่นออกมาได้อีกมากมายแล้ว
แต่ว่า พลังดวงตาทำลายล้างดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
เพียงแต่หลินหยุนสามารถมองเห็นขอบเขตที่กว้างกว่าเดิมเท่านั้นเอง
กว้างกว่าเมื่อก่อนประมาณเท่าตัวเลยทีเดียว
เมื่อก่อนสามารถมองเห็นภายในขอบเขตสิบเมตรเท่านั้น ตอนนี้มองเห็นขอบเขตประมาณยี่สิบเมตรได้แล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพลังดวงตาการทำลายล้างนั้น กลับคืนสู่พื้นฐานตามธรรมชาติไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงแต่เส้นไหมบริสุทธิ์สีดำเส้นหนึ่งเท่านั้นเอง
แต่ว่า หลินหยุนกำลังมองเห็นของบางอย่างที่ไม่เหมือนกันอยู่ตรงหน้าบานประตูไม้นั้น
ในเส้นไหมสีดำนั้น มีเส้นด้ายแดงเล็กๆแทรกอยู่ด้วย ดูราวกับเป็นใยแมงมุมที่ปกคลุมรอบๆบริเวณประตูบานนั้นไว้
ตรงใจกลางของใยแมงมุมนั้น มีช่องว่างอยู่ช่องหนึ่ง
หลินหยุนยื่นนิ้วมือออกมา แล้วจิ้มลงไปตรงช่องว่างนั้น
ฟูบ!
เหมือนกับเสียงของลูกบอลแตก
หลังจากนั้น การสกัดกั้นของประตูก็สลายไป
ความจริงแล้วหลินหยุนก็สามารถใช้พลังแรงทำลายการสกัดกั้นนั้นได้ แต่ว่าถ้าทำเช่นนั้นก็จะทำให้ประตูเสียหายได้ มิหนำซ้ำอาจเกิดอันตรายกับปราสาทโบราณที่มีอายุยาวนานมาไม่รู้กี่ปีหลังนี้ต้องพังทลายลงมาด้วย
มีแต่ต้องทำเช่นนี้ จึงจะเป็นวิธีที่แก้ไขได้อย่างนุ่มนวลและง่ายดายที่สุด
หลินหยุนยื่นมือไปผลักประตูห้องออก
“เปิดได้แล้ว!” คาร์นอตวิลเลียมพูดด้วยความดีใจ
“เข้าไปดูซิว่า ในห้องหนังสือของตาแก่แดร็กคิวล่านี้ ใครจะไปรู้ว่าแอบซ่อนอะไรไว้บ้าง ปกติวันธรรมดาเขาไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ห้องสมุดของเขาทั้งนั้น แม้แต่แม่บ้านที่มาทำความสะอาด เขายังไม่ยอมให้เข้าไปเลย”
หลินหยุนทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในห้องหนังสือ
ภายในห้องหนังสือเรียบง่ายมาก มีเพียงแค่ชั้นวางหนังสือตั้งอยู่หนึ่งอัน เก้าอี้ไม้ โบราณหนึ่งตัว นอกนั้นก็ไม่มีสิ่งของอะไรอีกเลย
ภายในห้องนั้นไม่มีอะไรที่ดูแปลกประหลาดอีกแล้ว
คาร์นอตวิลเลียมรีบพูดว่า “อย่าเพิ่งไปพูดถึงตาแก่แดร็กคิวล่านั้นเลย ดูซิว่าในบันทึกบรรพบุรุษโลหิตนั้นพูดว่าอะไรบ้าง?”
กล่องใบนี้ ไม่มีการสกัดกั้นอะไรเลย มิหนำซ้ำไม่ได้ล็อกไว้ด้วย
หลินหยุนเปิดกล่องนั้นออกดู ข้างในมีกระบี่หยกขนาดยาวเจ็ดนิ้วหนึ่งด้าม และยังมี แผ่นที่หนึ่งฉบับ ข้างๆแผนที่ก็มีสมุดโน๊ตโบราณเล็กๆเล่มหนึ่ง
หลินหยุนอึ้งไปสักครู่ พูดด้วยความตื่นตกใจว่า “ที่นี่ทำไมมีกระบี่หยกและแผนที่อยู่ด้วยล่ะ?”
คาร์นอตวิลเลียมถามด้วยความสงสัยว่า “ยังไงเหรอ? คุณรู้จักของสิ่งนี้ด้วยเหรอ?”
หลินหยุนเพ่งกระแสจิตออกไป กระบี่หยกและแผนที่ที่อยู่ในแหวนเก็บของนั้นก็ปรากฏอยู่บนมือของเขา
เมื่อเปรียบเทียบดูแล้ว คาร์นอตวิลเลียมพูดด้วยความแตกตื่นว่า “เหมือนกันเปี๊ยบเลย!”
“ของทั้งสองอย่างนี้คุณได้มาจากไหนล่ะ?”
หลินหยุนพูดว่า “วังเทพจันทรา ก็คือพระราชวังของเซียนป้ายเยว่!”
“อีกอย่าง ในมือของธิดาศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ขาว ก็มีกระบี่หยกและแผนที่เหมือนกันแบบนี้อีกหนึ่งชุดด้วย”
ดูเหมือนว่าจะเหมือนกัน แต่ก็มีเพียงแค่กระบี่หยกเท่านั้นที่เหมือนกัน ส่วนแผนที่นั้นกลับไม่เหมือนกันเลย
แผนที่แต่ละฉบับต่างก็ไม่เหมือนกัน ถ้าเอาทั้งสองฉบับมาต่อเข้าด้วยกันก็พอจะมองออกว่าชี้ไปในทิศทางเดียวกัน
แต่ว่า ลำพังแค่แผนที่สองฉบับในมือของหลินหยุนก็ยังไม่ชัดเจนนัก ตามการคาดเดาของหลินหยุนแล้ว นอกเหนือจากแผนที่ฉบับที่อยู่ในมือของโม่หยู่แล้ว ก็น่าจะยังมีอีก
ก็ต้องรอให้หาแผนที่มาประกอบให้ครบสมบูรณ์ก่อน จึงจะสามารถดูออกว่าตำแหน่งที่ชี้ไปนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่
คาร์นอตวิลเลียมพูดอย่างสงสัยว่า “สิ่งของที่ปรากฏอยู่ในประเทศจีน เป็นไปได้ยังไงก็มาปรากฏอยู่ในที่ของเผ่าโลหิตพวกเราด้วย?”
สายตาหลินหยุนส่องประกายวาววับ ดูเหมือนว่ามั่นใจเรื่องอะไรบางอย่างแล้ว
“ถ้าหากเทพจันทราและเทพธิดาแห่งชีวิตเป็นคนคนเดียวกันละก็ เรื่องนี้ก็อธิบายไม่ยากแล้วไม่ใช่เหรอ?”
คาร์นอตวิลเลียมมึนงงอยู่สักครู่หนึ่ง ไม่ค่อยเข้าใจคำอธิบายของหลินหยุนเท่าไรนัก
“เป็นไปได้ยังไงที่เทพจันทรากับเทพธิดาแห่งชีวิตจะเป็นคนคนเดียวกันได้?”
หลินหยุนถามกลับว่า “แล้วทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ? เรื่องราวที่ผ่านมานานนับหลายพันปีนั้น ใครจะไปอธิบายให้ชัดเจนได้”
คาร์นอตวิลเลียมพูดชนะหลินหยุนไม่ได้ สายตามองไปยังสมุดเล่มเล็กนั้น “จะต้องเป็นบันทึกบรรพบุรุษโลหิตแน่นอนเลย รีบเปิดอ่านดูข้างในซิ ในนั่นน่าจะบันทึกความเป็นมาของกระบี่หยกและแผนที่นี้ไว้อย่างแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...