คาร์นอตวิลเลียมสีหน้าตื่นตกใจ “เป็นเวทมนตร์จริงๆด้วย เวทมนตร์นี้ล้ำเลิศจริงๆเลย!”
ผู้นำองค์กรเทพมรณะหัวเราะแฮะๆ มือทั้งสองผลักออกไปอย่างแรง หมัดของหลินหยุนนั้นถึงกับถูกเขาผลักกลับไปได้
“ในเมื่อแกดูออกแล้ว งั้นก็ช่างมันเถอะ”
พอพูดจบ ผู้นำองค์กรเทพมรณะก็โบกมือขึ้น ผู้นำองค์กรเทพมรณะอีกคนหนึ่งถึงกับเหาะเข้ามาหาเขา สุดท้ายแล้วก็หลอมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นคนคนเดียวกัน
คาร์นอตวิลเลียมเบิ่งตาโตทั้งสองข้าง แล้วพูดอย่างสงสัยว่า “นี่ไม่เหมือนกับเป็นเวทมนตร์ แต่กลับเหมือนโคลนเงาโลหิตของเผ่าโลหิตพวกเราเลย!”
“แต่ว่า ก็ไม่ค่อยเหมือนเสียทีเดียว”
หลินหยุนพูดว่า “นี่ก็คือวิชาแยกร่างของเผ่าโลหิตพวกคุณ แต่ว่า เขาเพียงแค่ปรับเปลี่ยนไปบางส่วน ทำให้ดูเหมือนใช่แต่กลับไม่ใช่”
เมื่อฟังคำอธิบายของหลินหยุนแล้ว คาร์นอตวิลเลียมก็มั่นใจแล้วว่า นั่นก็คือโคลนเงาโลหิตของเผ่าโลหิตนั่นเอง
“แกเป็นใครกันแน่?” คาร์นอตวิลเลียมตะคอกถามพูดด้วยเสียงเข้ม
ผู้นำองค์กรเทพมรณะหัวเราะแฮะๆ “ฉันบอกแล้วไง แกคงไม่อยากรู้หรอก”
“งั้นแกก็ไปตายซะ!” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ แล้วชกหมัดออกไปอีกหนึ่งที
ผู้นำองค์กรเทพมรณะพูดเยาะเย้ยว่า “หลินชางฉอง ถึงแม้ว่าพละกำลังของแกไม่เลวก็จริง แต่ว่าถ้าคิดจะฆ่าฉันละก็ แกยังคงทำไม่ได้หรอก”
ผู้นำองค์กรเทพมรณะไม่ได้ถอยหนี แต่กลับชกหมัดสวนออกไปยังหลินหยุน
หมัดของเขานั้น เปล่งประกายแสงสว่างสีแดงสลับดำออกมา ดูไปแล้วน่าเกรงขามไม่น้อยเลย
คาร์นอตวิลเลียมเมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ก็ตะโกนพูดด้วยความตกใจอีกครั้งว่า “วิชาเวทต์โลหิต!”
“นี่เป็นเคล็ดวิชาของเผ่าโลหิต!”
ผู้นำองค์กรเทพมรณะหัวเราะแฮะๆ ไม่ได้ตอบอะไร หมัดของเขานั้นก็มาปะทะกับหมัดของหลินหยุนเข้าอย่างจัง
โป้ง!
หมัดทั้งสองปะทะกัน หลินหยุนถึงกับถูกกระแทกถอยหลังไปหลายก้าว แต่ผู้นำองค์กรเทพมรณะกลับถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป ชนกับรูปปั้นแล้วจึงจะหยุดลงได้
ถึงแม้ว่าดูภายนอกแล้วหลินหยุนจะได้เปรียบก็จริง แต่ว่าผู้นำองค์กรเทพมรณะสามารถแข็งขืนรับหมัดของหลินหยุนไว้ได้ แสดงให้เห็นถึงพละกำลังอย่างน้อยก็ถึงแดนเทพสูงสุดแล้ว
“ไอ้หนุ่ม แกเป็นนักบู๊ชาวจีนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา!”
“แน่นอน นอกจากผู้หญิงคนนั้นแล้ว!”
ดวงตาทั้งสองที่ส่องประกายแสงสีแดงของผู้นำองค์กรเทพมรณะที่เผยออกมาให้เห็นนั้น จู่ๆก็ส่องประกายระยิบระยับออกมา จนทำให้รู้สึกว่าในขณะที่เขาพูดถึงผู้หญิงคนนั้น สีหน้าท่าทางน่าจะเคร่งขรึมมาก
หลินหยุนสะดุ้งเล็กน้อย แล้วถามว่า “ผู้หญิงคนนั้นที่แกพูดถึง ก็คือผู้หญิงที่บรรพบุรุษ เผ่าโลหิตพูดถึงคนนั้นใช่ไหม?”
ผู้นำองค์กรเทพมรณะไม่ได้ปิดบังอะไร ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถูกต้อง ก็คือผู้หญิงคนนั้น”
สายตาหลินหยุนลึกล้ำ จ้องมองผู้นำองค์กรเทพมรณะอย่างไม่ละสายตา “แกรู้จักผู้หญิงคนนี้ขนาดไหนกัน?”
ผู้นำองค์กรเทพมรณะพูดว่า “ฉันรู้ว่าแกอยากจะสืบหาข้อมูลข่าวสารของผู้หญิงคนนั้นจากปากของฉัน แต่ว่าแกจะต้องผิดหวังแล้วล่ะ ฉันรู้จักผู้หญิงคนนั้นก็แค่ดูมาจากบันทึกพวกนั้นเท่านั้นเอง”
“ฉันรู้แต่ว่า ผู้หญิงคนนั้นแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนเทพเจ้าประจำทั้งสิบสองยังเทียบทันไม่ได้เลย”
คาร์นอตวิลเลียมพูดด้วยอาการช็อกว่า “ผู้หญิงคนหนึ่งที่แข็งแกร่งจนบรรดาเทพทั้งหลายยังตื่นกลัวเลย!”
หลินหยุนก็ยิ่งเกิดความสงสัยว่า ผู้หญิงคนนั้นก็คือเทพจันทรา
อีกอย่างเทพจันทราก็เป็นไปได้ที่จะเป็นเย่เยว่
ถ้าหากเป็นเย่เยว่จริงละก็ ด้วยพละกำลังของเธอ เทพเจ้าทั้งหลายเหล่านั้นก็ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธออย่างแน่นอน
แต่ว่า ตอนนี้ทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาของหลินหยุนเท่านั้น ไม่มีหลักฐานอะไรที่สามารถพิสูจน์ได้เลย
หลินหยุนพูดว่า “ในเมื่อแกไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง งั้นก็ไปตายได้แล้ว”
ผู้นำองค์กรเทพมรณะหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ฉันบอกแล้วไงหลินชางฉอง ถึงแม้ว่าแกจะแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ว่าแกก็ยังฆ่าฉันไม่ได้หรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...