หงซานเหอเดินมาถึงตรงหน้าผู้คนที่กำลังถกเถียงกันอยู่นั้น พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “หยุดเถียงกันได้แล้ว!”
เสียงของหงซานเหอดังมาก และทรงพลังเหลือล้น
“เรือนอทิลัสถูกถล่มจมไปแล้ว คนพวกนั้นก็หนีตายกันไปหมด เรื่องนี้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว”
……
สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบสงัด!
ทุกคนต่างมองไปที่หงซานเหอ พูดอะไรไม่ออกไปครึ่งค่อนวัน
ผ่านไปอีกพักหนึ่ง คนของฝ่ายหวางจิงหลงจึงได้พูดเยาะเย้ยเสียงดังขึ้นว่า “ท่านหง คุณกำลังพูดเพ้อเจ้ออยู่หรือเปล่า?”
“แค่เวลาสั้นๆไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง คุณถึงกับบอกว่าเรือนอทิลัสถูกยิงถล่มจมไปแล้ว!”
“แต่ว่าคนที่พอมีความรู้อยู่บ้างก็ต้องรู้ว่า คิดจะถล่มเรือนอทิลัสให้จมทะเลนั้น เป็นเรื่องที่ยากขนาดไหน!”
“มาพูดเรื่องโกหกในสถานการณ์เช่นนี้ คุณคิดว่ามีคนเชื่อเหรอ?”
คนที่เหลือพวกนั้นต่างก็มีสีหน้าเย้ยหยัน ไม่ได้เชื่อคำพูดของหงซานเหอเลยแม้แต่นิดเดียว
เจ้าบ้านจ้าวก็พูดเยาะเย้ยด้วยเสียงเบาๆว่า “ท่านหงคงไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงแล้วสิ ถึงกับต้องพูดเรื่องโกหกแบบนี้ออกมา ฮ่าๆๆ!”
เจ้าบ้านจางหัวเราะแล้วพูดว่า “เขาก็ไม่คิดซะบ้างว่า พูดโกหกในสถานการณ์เช่นนี้ จะมีคนเชื่อเหรอ?”
ถึงแม้หวางจิงหลงก็รู้สึกว่าคำพูดของหงซานเหอไม่น่าเชื่อถือนัก แต่ว่าเท่าที่เขาเคยรู้จักกับหงซานเหอมานั้น เขาจะต้องไม่พูดอะไรที่ไม่น่าเชื่อถือในสถานการณ์เช่นนี้อย่างแน่นอน
หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นจริง?
แต่นี่ก็เป็นไปไม่ได้เลย!
หงซานเหอมองดูพวกนักวิจารณ์ที่โง่เขลาคนนั้น แล้วยิ้มอย่างเย็นชา “คำพูดของฉันคุณไม่เชื่อ งั้นพวกเราก็ใช้ความจริงมาพิสูจน์คำพูดก็แล้วกัน”
หงซานเหอก็สั่งการทางโทรศัพท์ว่า “ให้เครื่องบินลาดตระเวนถ่ายทอดสถานการณ์ในเขตพื้นที่ทะเลทางใต้ให้ด้วย!”
หงซานเหอก็รออยู่ที่ในห้องประชุม จากนั้นก็เริ่มถ่ายทอดสดสถานการณ์ในเขตพื้นที่ทะเลทางใต้
จากการดูภาพที่ถ่ายจากกล้องของเครื่องบินลาดตระเวนแล้วสามารถเห็นได้ชัดเจนว่า ในเขตพื้นที่ทะเลทางใต้ทั้งหมดไม่มีเรือรบเหลืออยู่เลยแม้แต่ลำเดียว มีแต่เศษซากเรือรบบางส่วนที่ยังไม่ทันจมลงสู่ทะเลเท่านั้นเอง
เจ้าบ้านจางมองดูจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าตื่นตกใจแล้วพูดว่า “ถึงกับเป็นเรื่องจริงซะด้วย!”
“เรือนอทิลัสไม่มีแล้ว!”
เจ้าบ้านจ้าวพวกนั้นก็พูดด้วยสีหน้าตื่นตกใจว่า “นี่เป็นไปได้ยังไง!”
“เศษของพวกที่ลอยอยู่บนผิวทะเลนั้น ดูเหมือนจะเป็นธงสัญลักษณ์ของเรือนอทิลัส!”
“นี่เป็นฝีมือของใครกันแน่?”
“ใครที่มีความสามารถถล่มกองทัพเรือนอทิลัสให้จมลงไปได้ภายในไม่กี่นาทีเช่นนี้!”
หวางจิงหลงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “นอกจากเขาแล้วยังจะมีใครได้อีก”
“เห็นทีว่าไม่กี่วันที่ผ่านมาเจ้าเด็กนั่นปิดประตูเงียบ ไม่ใช่เพราะว่ากลัวหรอก แต่เป็นการเตรียมตัวหาวิธีจัดการกับเจ้าเรือนอทิลัสมากกว่า”
“พวกเราต่างก็คิดผิดไปแล้ว”
เจ้าบ้านทั้งสี่ตระกูลใหญ่ต่างมองหน้ากันและกัน ผ่านไปสักพักใหญ่ก็ยังพูดอะไรไม่ออกเลย
“นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
“ต่อให้เขาใช้เวลาเตรียมตัวสามวันก็ตาม เขาใช้พลังแรงอะไรกันแน่ในการถล่มเรือนอทิลัสให้จมลงไปภายในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น?”
บนใบหน้าของเจ้าบ้านทั้งหลายต่างก็แสดงสีหน้าที่เหลือเชื่อออกมา
วิธีการของหลินหยุนทำให้ผู้คนแตกตื่นตกใจมากเกินไปจริงๆ อีกอย่างพลังแรงที่เขาใช้นั้นก็ไม่ใช่ธรรมดาทั่วไปจริงๆด้วย
พลังแรงจากการใช้ยันต์ซ่อนกระบี่เทียบเท่ากับพลังแรงที่แท้จริงของผู้บำเพ็ญเซียนทีเดียว มิหนำซ้ำยังมีกฎเกณฑ์ต้าเต๋าอยู่ภายในอีกด้วย
ลูกน้องของสี่ตระกูลใหญ่พวกนั้น ไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง ต่อให้ตอนนี้หงซานเหอสั่งให้เครื่องบินลาดตระเวนถ่ายทอดสดเหตุการณ์ปัจจุบันมาให้ดูก็ตาม พวกเขายังคงไม่เชื่อเช่นเดิม
นี่เป็นการสวนทางกับความรู้ของพวกเขามากเกินไปจริงๆ
“ของปลอม ของปลอม! ท่านหง คุณไปเอาเทปพวกนี้มาจากไหนกัน แต่ก็เหมือนของจริงซะด้วย!” มีคนหนึ่งพูดเยาะเย้ย
หงซานเหอทำเสียงฮื่อใส่ แล้วพูดโทรศัพท์กลับไปให้ผู้ควบคุมว่า “ถ่ายต่ำลงหน่อย ซูมเข้าไปใกล้ แล้วถ่ายธงสัญลักษณ์เรือนอทิลัสที่ลอยอยู่บนผิวทะเลนั้นด้วย!”
บนจอภาพนั้น กล้องจากเครื่องบินลาดตระเวนก็รีบก้มต่ำลงทันที แล้วถ่ายภาพธงสัญลักษณ์เรือนอทิลัสให้ทุกคนได้เห็น
มีคนตะโกนพูดด้วยความตกใจว่า “เป็นธงสัญลักษณ์ของเรือนอทิลัสจริงด้วย หรือว่าที่ท่านหงพูดจะเป็นจริง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...