จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 111

สรุปบท บทที่ 110 เขามีเงินเหรอ: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 110 เขามีเงินเหรอ จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 110 เขามีเงินเหรอ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 110 เขามีเงินเหรอ

จ้าวกางไม่อาจเข้าใจได้จริง ๆ เพราะทรัพย์สินทั้งหมดในครอบครัวของเขารวมกัน ก็มีห้าสิบกว่าล้านนิด ๆ เท่านั้นเอง

เว่ยเทียนหมิงมองด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ "บางทีมันคงแค่คิดจะแสดงความปรารถนาอันแรงกล้าที่มีต่อแหวนนั่น จากนั้นก็แค่รอหยุนจินไซยกแหวนให้มันก็ได้นะ เพราะถึงยังไง เดิมทีแหวนวงนั้นก็เป็นของควีนจิน เป็นธรรมดาที่หยุนจินไซจะตัดสินใจเรื่องนี้เองได้อยู่แล้ว "

"คุณชายเว่ยวิเคราะห์ได้ถูกต้อง ไอ้หมอนั่นคงคิดจะเล่นลูกไม้จับเสือมือเปล่าเสียมากกว่า"

หลี่เหยนยกยิ้มอึมครึมโดยพลัน "เฮอะๆ คิดจะให้หยุนจินไซยกของให้ง่ายๆงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!”

ในความคิดของหลี่เหยน เหมือนว่าเขาตั้งใจที่จะวางแผนให้ร้ายหลินหยุนเอาไว้แล้วเรียบร้อย

แต่จะอย่างไรก็ตาม สุดท้ายโลกใบนี้ ก็ย่อมมีคนสักสองสามคนแหละที่ไม่ขาดแคลนเงินทอง

ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนเรียกราคาที่สูงกว่าหลินหยุนขึ้นมาทันที

“หกสิบล้าน!”

เป็นสุภาพสตรีคนหนึ่ง ที่เห็นเพียงแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นชนชั้นสูง เธอน่าจะเป็นนายหญิงที่ร่ำรวยมหาศาลทีเดียว

หลินหยุนไม่ลังเลแม้แต่น้อย ชูป้ายในมืออีกครั้ง“ หนึ่งร้อยล้าน!”

เฮือก!

คนทั้งฮอลล์ช็อกแทบตายแล้ว!

รอบด้านปรากฏเสียงสูดลมหายใจดังเฮือกขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

ทุกคนไม่รู้ว่าจะพูดถึงหลินหยุนว่ายังไงดีแล้วในตอนนี้

ถ้าเขาไม่ใช่ลูกชายไม่เอาไหนของตระกูลไหนสักตระกูล เขาก็ต้องมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าบางอย่าง ที่จะคว้าแหวนวงนี้ไปให้ได้

สุภาพสตรีวัยกลางคนผู้นั้นโกรธจนหน้าซีดไปแล้ว เธอกำหมัดแน่น ทั้งคิดในใจว่าจะเพิ่มราคาต่อ แต่ว่าหนึ่งร้อยล้าน ก็เป็นราคาที่ยากจะเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้แล้วจริงๆ

แม้ว่าแหวนวงนี้น่าจะเป็นเครื่องรางแน่นอนแล้ว เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นเครื่องรางประเภทที่สามารถยืดอายุขัยให้ยาวนาน หรือรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ทุกโรคนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่คุ้มค่ากับเงินหนึ่งร้อยล้านเป็นแน่

อย่างไรก็ตาม สุภาพสตรีวัยกลางคนยังคงเรียกราคาเพิ่ม

"หนึ่งร้อยห้าล้าน"

"สองร้อยล้าน!" หลินหยุนชูป้ายไม้ขึ้นอีกครั้ง สีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์ สำหรับหลินหยุนแล้ว เงินสองร้อยล้านก็เป็นแค่ตัวเลข แต่กับแหวนวงนี้ เขามุ่งมั่นเต็มที่ที่จะเอามันมาให้ได้

"นี่ ... " นายหญิงผู้นั้นโกรธจนนิ้วมือสั่นระริก เธอแค่นเสียงเย็นชาอย่างไม่พอใจขึ้นมาเสียงหนึ่ง จากนั้นค่อยนั่งลงประจำที่นั่งของตัวเองอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรอีก

เงินสองร้อยล้าน ฐานราคานี้ทำให้ทุกคนไม่กล้าเรียกราคาแข่งกับหลินหยุนอีก

ตัวเลขนี้ เทียบเท่าได้กับทรัพย์สินรวมของคนส่วนใหญ่ที่อยู่ ณที่แห่งนี้แล้ว

พวกหลี่เหยนก็เปลี่ยนจากความตกใจเป็นความตกตะลึงพรึงเพริดไปแล้ว เงินห้าสิบล้านก็เป็นอะไรที่บ้าบิ่นมากแล้ว แต่ตอนนี้ หลินหยุนกลับเสนอออกมารวดเดียวสองร้อยล้าน

“มันเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?”

"คุณชายเว่ย คุณพูดได้ถูกต้องที่สุด มันคิดจะจับเสือมือเปล่าชัดๆ!" สีหน้าหลี่เหยนดูชั่วร้ายเจ้าเล่ห์

“ หยุนจินไซคงจะไม่คิดเงินแม้แต่แดงเดียว ก็ยกแหวนให้มันไปแน่ๆ”

ทุกคนต่างก็เห็นว่า ท่าทีของหยุนเยว่ที่มีต่อหลินหยุนนั้น เป็นไปอย่างเคารพนอบน้อมอย่างยิ่ง เธอเอาแต่พยายามทำให้หลินหยุนพอใจอยู่ตลอดเวลา

หลินหยุนกล้าเรียกราคาที่สูงเสียดฟ้า เป็นจำนวนสองร้อยล้านออกมาตรงๆ อีกทั้งยังแสดงท่าทีที่ดูเหมือนว่า เขาจะต้องได้มันมาให้จงได้อีกด้วย อาจเป็นเพราะเขารู้ดีว่า หยุนเยว่จะไม่เก็บเงินเขาจริง ๆ ดังนั้น เขาก็เลยทำเรื่องที่ไร้ยางอายแบบนี้ออกมาก็เป็นไปได้

"สองร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง สองร้อยล้านครั้งที่สอง สองร้อยล้านครั้งที่สาม ขาย!"

"ขอแสดงความยินดีกับสุภาพบุรุษท่านนี้ ที่ได้สมบัติชิ้นที่สามไป ทั้งยังมีส่วนช่วยเหลือในการกุศลครั้งนี้อย่างมากด้วยครับ!"

พิธีกรหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น ในความคาดหวังของเขานั้น ราคาห้าสิบล้านก็นับได้ว่าสูงมากแล้ว แต่กลายเป็นว่าราคากลับพุ่งทะยานไปจนถึงสองร้อยล้าน!

"ผมขอประกาศว่าการประมูลการกุศลในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ขอเชิญแขกผู้มีเกียรติที่ประมูลของล้ำค่าไปได้ทุกท่านที่หลังเวที เพื่อชำระเงินด้วยครับ!" พิธีกรกล่าวสรุป

ทันใดนั้นหลี่เหยนก็ตะโกนขึ้นว่า "เดี๋ยวก่อน!"

สายตาทุกคู่ ล้วนจับจ้องไปที่หลี่เหยนทันที

พิธีกรขมวดคิ้ว แต่ยังคงถามด้วยรอยยิ้มอย่างมืออาชีพ "สุภาพบุรุษท่านนี้ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือครับ? ตอนนี้สมบัติทั้งสามชิ้นของเรา ล้วนได้รับการประมูลออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากคุณต้องการ คุณจำเป็นต้องไปขอซื้อต่อจากแขกท่านที่ประมูลได้เท่านั้นแล้วนะครับ"

หลี่เหยียนแอบสบถด่าในใจ "ผีที่ไหนมันจะไปอยากได้ของสามชิ้นนั่นของแกกันเล่า!"

“ฉันสงสัยว่ามีคนเสนอเงินแบบมั่ว ๆ เขาไม่มีทางจ่ายเงินได้ถึงสองร้อยล้านจริง!” หลี่เหยนพูดออกมาแบบนี้ แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาตรง ๆ ว่าเป็นใคร แต่ทุกคนต่างก็หันไปมองหลินหยุนพร้อมกันเป็นตาเดียว

หลี่เหยียนกลับหัวเราะหยันอีกครั้ง "หลินหยุน หายนะมาจ่อรออยู่บนหัวแล้ว ยังจะเสแสร้งทำเป็นวางมาดอีกเหรอ นายคิดว่าหยุนจินไซจะมาช่วยนายหรือไง? ฉันขอเรียกร้องให้พิธีกรทำการตรวจสอบต่อหน้าสาธารณชน!"

หวางเสี่ยวซีหัวเราะเย้ยหยันพลางพูดว่า "ละครฉากนี้ หลินหยุนแสร้งเล่นได้ดูเหมือนจริงอยู่นะ! เขาโยนบัตรธนาคารให้พิธีกร ก็เพราะคิดจะให้หยุนจินไซเข้ามาช่วยล่ะสิท่า?"

“หยู่เวย เธอคุ้นเคยกับหลินหยุนดีไม่ใช่เหรอ? เธอคิดว่าเขาจะสามารถจ่ายเงินมากขนาดนี้ได้จริงๆรึเปล่า?” หวางเสี่ยวซีถามด้วยท่าทางดูถูก

เซี่ยหยู่เวยส่ายหน้า "เป็นไปไม่ได้หรอก เขาจะเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน!"

ชั่วขณะหนึ่ง เซี่ยหยู่เวยก็นึกไปถึงเพชรสีเลือดก้อนนั้น หากเพชรสีเลือดยังอยู่ล่ะก็ หลินหยุนก็อาจจะมีเงินถึงสองร้อยล้านจริง

แต่ในตอนนี้ เว้นแต่ว่าหลินหยุนมีเครื่องปั๊มเงินเท่านั้นแหละ ถึงจะมีเงินมากขนาดนั้น

หลี่เหยนพูดกับพิธีกรที่ยืนอยู่บนเวทีเสียงดังว่า "พิธีกร เพื่อความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ควรให้ทุกคนในที่นี้ได้รู้ด้วยว่าเขามีเงินอยู่จริงหรือเปล่า! เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนปกปิดความจริง เพราะมีเจตนาจะทำให้เขาพอใจ!"

หยุนเยว่ที่อยู่ในห้องมอนิเตอร์หลังเวที สีหน้าเย็นชาสุดขีด

"ไอ้เวรตะไลนี่ มันเป็นเชี่ยอะไรของมัน!"

เมื่อพิธีกรเห็นเงินฝากในบัตรธนาคารของหลินหยุน รอยยิ้มที่เดิมทีฉายเด่นอยู่บนใบหน้าของเขา ในเวลานี้ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือ รอยยิ้มนั้นพลันแข็งค้างอยู่บนใบหน้าของเขาไปเรียบร้อยแล้ว

มันเหมือนกับว่า เขาได้เผชิญกับความตกใจอย่างใหญ่หลวงจนถึงกับช็อก กระทั่งใกล้จะตายเต็มทนแล้วก็ยังฟื้นตัวไม่ทัน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? ท่าทางของพิธีกรดูไม่ค่อยถูกต้องนะ!” คนที่ช่างสังเกตพลันค้นพบเงื่อนงำบางอย่างที่ดูไม่ชอบมาพากลเข้าแล้ว

แต่ก็มีหลายคน ที่เป็นประเภทไม่อินังขังขอบใด ๆ ตัวอย่างเช่นคนคนนี้ "ฮ่าๆๆ นี่มันยังไม่ชัดอีกเหรอว่าเจ้าเด็กคนนี้ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นในบัตร! ดังนั้น พิธีกรถึงได้รู้ว่าตัวเองถูกหลอก จนช็อกตาค้างไปเลยไงเล่า!"

"พี่หวางวิเคราะห์ได้ถูกต้องเลย ผมเองก็เห็นด้วย!"

“ผมก็เห็นด้วย!”

หลายคนในงานต่างก็คิดว่า พิธีกรน่าจะถูกหลินหยุนหลอกเข้าให้แล้ว จึงได้มีท่าทางตกใจมากถึงขนาดนั้น

หลี่เหยนก็เชื่อในข้อสรุปนี้เช่นกัน ดังนั้น เขาจึงยิ่งร้องแร่แห่กระเชอหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

"พิธีกร คุณต้องให้ทุกคนเห็นผลลัพธ์ด้วยสิ! หรือคุณคิดจะเล่นพรรคเล่นพวก ปกปิดผลประโยชน์ส่วนตัวใช่ไหม?"

ในที่สุดพิธีกรก็เรียกสติกลับมาได้อีกครั้ง ใบหน้าของเขาสงบนิ่งมาก เดินลงจากเวทีด้วยรอยยิ้มเบิกบานเต็มใบหน้า มายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน แล้วยกโทรศัพท์ในมือขึ้นจนสูง บนหน้าจอปรากฏผลการสืบค้นข้อมูลอย่างชัดเจน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์