จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1142

สรุปบท บทที่ 1142 ลักษณะท่าที: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 1142 ลักษณะท่าที – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

ตอน บทที่ 1142 ลักษณะท่าที ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ฉินเหมยตกใจ และก็รับรู้ได้ถึงเจตนาของอีกฝ่ายหนึ่งทันที

ฉินเหมยสูดหายใจลึก และพูดขึ้นว่า “คุณพ่อตามหาฉันเหรอ? ”

พ่อบ้านพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ตึกจุ้ยซิงนั้นได้ร่ำลือกันไปทั่วแล้ว นายท่านให้ฉันมาเชิญคุณหนูไปพบท่านหน่อย”

ฉินเหมยพูดว่า “ตกลง พวกเราไปกันเถอะ! ”

ที่สนามหลังบ้านของตระกูล

ฉินเหมยเดินตามพ่อบ้านชราเข้าไปในหอ

ผู้อาวุโสผมขาวสีดอกเลาผู้หนึ่ง กำลังนั่งดื่มชาอย่างสงบเงียบอยู่ที่นั่น

เห็นฉินเหมยผลักประตูเข้ามา ผู้อาวุโสก็พูดเบา ๆ ขึ้นว่า “เธอมาแล้วเหรอ! ”

ฉินเหมยพยักหน้า และพูดว่า “คุณพ่อ ท่านตามหาฉันเพื่อต้องการจะพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตึกจุ้ยซิงในวันนี้ใช่ไหม? ”

ผู้อาวุโสพูดเบา ๆ ขึ้นว่า “ถูกต้อง เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เล็ก ท่านจินก็ไม่ใช่ผู้ที่พวกเราจะไปก่อเรื่องกับเขาได้ ดังนั้น จึงอยากจะถามว่าเธอคิดที่จะจัดการอย่างไรต่อไป? ”

ฉินเหมยชะงักไปชั่วครู่ มองไปที่ผู้อาวุโสและพูดขึ้นว่า “แล้วคุณพ่อมีความคิดเห็นว่าอย่างไรล่ะ? ”

ผู้อาวุโสพูดขึ้นว่า “รีบให้ไอ้หนุ่มนั่นออกไปจากตระกูลฉินโดยเร็ว! และกำหนดระยะห่างความสัมพันธ์กับเขาให้ชัดเจน! ”

ผู้อาวุโสเคลื่อนไหวสายตาเล็กน้อย และพูดต่อว่า “ฉันได้รับข่าวสารมาแล้วว่า ท่านจินได้นำเรื่องนี้แจ้งให้กับวิหารผนึกวิญญาณแล้ว อีกไม่นานวิหารผนึกวิญญาณก็จะส่งคนมาจัดการ! ”

“ถึงเวลานั้น คงจะต้องเชื่อมโยงความโกรธแค้นมายังตระกูลฉินของพวกเราด้วย! ”

“เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้ามาพัวผันได้รับความเดือดร้อน นี่จึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด! ”

ฉินเหมยขมวดคิ้ว และพูดขึ้นว่า “คุณพ่อ ความเป็นมาของหลินหยุนท่านเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี หากให้เขาออกจากตระกูลไปในตอนนี้ ตระกูลฉินของพวกเราจะอธิบายต่อสำนักหยุนเยว่ว่า

อย่างไรล่ะ? ”

เมื่อได้ยินคำว่าสำนักหยุนเยว่ ผู้อาวุโสก็มีสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปทันที

และสีหน้าก็หม่นหมองลงไปทันทีด้วยเช่นกัน

เขาส่งเสียงฮึที่หนักและเย็นชา พร้อมกับยืนขึ้นและพูดว่า “จะต้องอธิบายอะไร? ตายไปแล้วก็ตายไปเถอะสิ! ”

“อย่าพูดถึงเลยเพราะยังไงเขาก็ไม่ใช่คนของสำนักหยุนเยว่ ต่อให้เขาเป็นคนของสำนักหยุนเยว่ แล้วจะอย่างไรล่ะ? ”

“เธอจำไว้นะว่า ตระกูลฉินของพวกเราตั้งแต่ที่แม่ของเธอได้เสียชีวิตลงในตอนนั้น ก็ไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณอะไรกับสำนักหยุนเยว่อีกแล้ว!”

“สำนักหยุนเยว่แข็งแกร่งก็จริง! แต่ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา! ”

เห็นใบหน้าของคุณพ่อเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ฉินเหมยก็แอบถอนหายใจ

เธอทราบดีว่า ต่อให้เวลาผ่านไปนานหลายปี แต่ในความจริงคุณพ่อก็ยังไม่ได้ปล่อยวาง

ความโกรธแค้นในใจของคุณพ่อ ล้ำลึกอย่างมาก

ถ้าหากเขามีพลังความสามารถมากพอ เธอไม่สงสัยแม้แต่น้อยเลยว่า......

แต่ นี่คือความคิดที่ยึดมั่นของคุณพ่อของเธอ

ไม่ใช่ของเธอ

สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เธอเคยได้ยิน

ไม่เพียงแค่ครั้งเดียว

นั่นไม่ใช่เรื่องราวที่จะแยกแยะได้ว่าถูกหรือผิด มีสีขาวหรือว่าสีดำ

ดังนั้น เธอจึงไม่มีความโกรธแค้นในใจ

เพราะว่าในใจแม่ของเธอเองก็ไม่มีเช่นกัน

ไม่เพียงแต่ไม่มี ต่อให้แม้ว่าตอนที่ใกล้จะจากลาลับไปแล้วนั้น

เธอก็ทราบดีว่าในใจของคุณแม่ก็ไม่มีความโกรธแค้น

แต่กลับเป็นตรงกันข้าม เธอได้กล่าวโทษตัวเองและละอายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ฉินเหมยสูดหายใจลึก และเอ่ยปากพูดขึ้นเงียบ ๆ ว่า “คุณพ่อ ฉันทราบมานานหลายปีว่า ท่านไม่มีความสุข แต่ท่านลองเปลี่ยนมุมมองความคิดดูว่า ถ้าหากคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ เธอจะยินยอมให้ท่านทำแบบนี้ไหม? ”

ผู้อาวุโสแววตาเป็นประกายแวบขึ้นทันที และพูดเสียงแข็งว่า “อย่ามาพูดเรื่องนี้กับฉัน! ฉินเหมย ตอนนี้ฉันไม่ได้กำลังพูดปรึกษากับเธอ! ”

“เธอคิดให้กระจ่างนะว่า แม้ว่าตระกูลฉินต้องการที่จะคุ้มครอง แต่จะเอาอะไรไปปกป้องคุ้มครองไอ้หนุ่มนั้นได้ล่ะ? ”

“ลำพังแค่ตระกูลฉิน จะสามารถต่อกรรับมือกับวิหารผนึกวิญญาณได้เหรอ? ”

“กิจการของตระกูลฉินที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่แม่ของเธอหลงเหลือเอาไว้ให้ทั้งนั้น! ”

“หรือว่าเธอต้องการที่จะเห็นตระกูลฉินตกอยู่ในสภาพที่ไม่มีทางจะฟื้นกลับคืนมาได้ เพราะเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันเลยอย่างนั้นเหรอ? ”

ฉินเหมยกัดฟันแน่น

เธอทราบดีว่า เมื่อยอดฝีมือของวิหารผนึกวิญญาณมาถึง ตระกูลฉินคงไม่สามารถที่จะปกป้องหลินหยุนได้

พื้นฐานความสามารถของเขาเป็นรองฉู่เทียนอยู่บ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ที่ฉู่เทียนไม่ต้องผ่านการทดสอบก็สามารถเป็นลูกศิษย์สายในของสำนักสุริยันได้นั้น นอกจากการที่มีพื้นฐานความสามารถที่พิเศษแล้ว ยังมีเหตุผลอื่นอีกด้วย

ฉินเฟิงลุกยืนขึ้น ด้วยสีหน้าหม่นหมองถึงขนาดมีรอยย่นระหว่างคิ้ว โดยได้พูดว่า “ทุกคนพูดกันถูกต้องทั้งหมด! หลินหยุนผู้นี้ ไม่สามารถที่จะอยู่ในตระกูลฉินของเราต่อไปอีกได้แล้ว! เขาคือตัวปัญหา! ”

ได้ยินที่เขาพูด วัยรุ่นหกเจ็ดคนของตระกูลฉินต่างก็พูดพร้อมกันขึ้นว่า “ถูกต้อง! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนนี้พวกเราก็จะไป ขับไล่ไอ้หนุ่มนั่นออกไปจากตระกูลฉินของพวกเรา! ”

ขณะที่ทุกคนพูด ก็ได้มุ่งหน้าพากันไปยังที่พักของหลินหยุนด้วยความโมโห

ครู่เดียว หลินหยุนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่วุ่นวายดังขึ้นที่ด้านนอก

เขาลืมตาทั้งสองข้างขึ้นแล้วก็ลงมาจากเตียง ประตูห้องของเขาก็ถูกคนที่อยู่ด้านนอกถีบจนเปิดออกเอง

จากนั้น กลุ่มคนที่นำโดยฉินเฟิงกับฉินชิงถงก็พุ่งพรวดกันเข้ามาด้านใน

“หลินหยุน นายไอ้ตัวปัญหา เวลานี้แล้ว นายยังจะมีหน้าอยู่ที่ตระกูลฉินของพวกเราอีกเหรอ? ”

“ถูกต้อง! รีบไสหัวออกไปจากตระกูลฉินของพวกเราเดี๋ยวนี้! ”

“ตระกูลฉินของพวกเราไม่ต้อนรับนาย! รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้! ”

หลายคนที่อยู่ด้านหลังของฉินเฟิงกับฉินชิงถง ต่างก็ได้เอ่ยปากขับไล่ไสส่งหลินหยุนในทันที

หลินหยุนได้กวาดสายตามองไปที่ฉินเฟิงและฉินชิงถงทั้งสองคนนี้ก่อน จากนั้นก็กวาดสายตามองไปที่พวกคนที่อยู่ด้านหลังเล็กน้อย

เขาเข้าใจดีว่า พวกคนเหล่านี้ คงไม่ใช่ฉินเหมยที่สั่งการให้มา

โดยก่อนที่ฉินเหมยจะจากไปนั้น ได้บังคับให้ตนเองอยู่ที่นี่ต่อไปด้วยท่าทีที่แน่วแน่และจริงใจ

ซึ่งไม่มีทางที่จะกลับคำพูดอย่างแน่นอน

และยิ่งไม่มีทางที่เธอจะพูดต่อหน้าอีกอย่าง แล้วลับหลังทำอีกอย่างเด็ดขาด

ซึ่งตัดสินจากจุดเล็กน้อยนี้ หลินหยุนก็ยังคงเชื่อมั่น

ถ้าอย่างนั้นพวกคนเหล่านี้มาด้วยใจของตนเอง หรือว่าถูกคนอื่นของตระกูลฉินสั่งให้มากันแน่

ตระกูลฉินมีขนาดใหญ่อย่างนี้ คงจะไม่ได้มีเพียงฉินเหมยคนเดียวอย่างแน่นอน

เพราะว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้สำหรับตระกูลฉินแล้วนั้น ถือว่ายิ่งใหญ่พอสมควร

คนของตระกูลฉินมีความเป็นกังวล นั่นก็คือเรื่องปกติธรรมดา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์