ผู้อาวุโสได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มเยาะเย้ยอีกครั้งหนึ่ง
“ไม่รู้งั้นเหรอ?”
“พูดมาได้ว่าไม่รู้!”
“ฉันขอพูดอีกครั้งหนึ่ง!”
“ถ้าไม่ส่งมอบหลินหยุนคนนั้นออกมาละก็ ชีวิตคนตระกูลฉินพวกแกทุกคนก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ต่อไปอีกแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฝ่ายตรงข้ามแล้ว
ผู้คนตระกูลฉินทุกคน รวมทั้งแขกที่มาร่วมพิธีส่วนใหญ่ ต่างก็อ้าปากค้างกันไปตามๆกัน
ฉินห้าวเทียนสีหน้าบึ้งตึง พูดอย่างเรียบเฉยว่า “สหาย ในเมื่อเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักสุริยัน!”
“งั้นก็ควรจะคำนึงถึงหน้าตาและฐานะของสำนักสุริยันบ้างไม่ใช่เหรอ?”
“ตระกูลฉินเราไม่รู้จริงๆว่าหลินหยุนอยู่ที่ไหน!”
“ถ้าหากรู้แล้ว ก็จะแจ้งให้ท่านทราบก็แล้วกัน!”
“แต่ถ้าไม่รู้ ท่านก็จะเอาชีวิตตระกูลฉินพวกเราทั้งหมดไปแทน เกรงว่าคงไม่สมเหตุสมผลล่ะมั้ง?”
“สำนักสุริยันอันธพาลถึงขั้นนี้แล้วเหรอ?”
ในเวลานี่เอง
ฉู่เทียนที่อยู่ข้างหลังผู้อาวุโสใหญ่ก็พูดขึ้นว่า “ คุณปู่ฉินครับ ท่านก็อย่าได้ดึงดันต่อไปอีกเลย!”
“ถ้าหากตระกูลฉินรู้ฐานะของหลินหยุนนั้นละก็ ท่านก็รีบพูดออกมาเถอะ!”
“อารมณ์ของผู้อาวุโสใหญ่ไม่ค่อยจะดีนะ!”
“ถ้าหากผู้อาวุโสใหญ่ลงมือละก็ งั้นชีวิตคนตระกูลฉินก็คงรักษาไว้ไม่ได้จริงๆแล้ว!”
“ผมทราบว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลินหยุนคนนั้นกับตระกูลฉินพวกคุณไม่ธรรมดาเลย!”
“ไม่เช่นนั้นละก็ น้าฉินคงไม่คิดจะยกชิงถงให้กับเจ้าหมอนั่นหรอก!”
“ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลฉินจะไม่รู้ว่าหลินหยุนอยู่ที่ไหน!”
“คุณปู่ฉินครับ เพื่อตัวท่านเองและเพื่อตระกูลฉินทั้งหมด ท่านก็บอกที่อยู่ของหลินหยุนนั้นออกมาเถอะ!”
เมื่อสิ้นเสียงของฉู่เทียน สายตาของคนตระกูลฉินทั้งหมดต่างก็มองไปที่ฉินเหมยทันที
ไม่มีอย่างอื่น เพราะว่าที่หลินหยุนมาถึงเมืองมี่หยุน
ที่มาถึงตระกูลฉินนั้น ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับใครทั้งสิ้น
ยกเว้นแต่จะเกี่ยวข้องกับฉินเหมยคนเดียวเท่านั้น!
ความเป็นมาของหลินหยุน นอกจากฉินเหมยและฉินห้าวเทียนแล้ว ตระกูลฉินทุกคนรวมทั้งฉินชิงถงด้วย ต่างก็ไม่รู้เรื่องเลย
ในเวลานี้เอง
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งของตระกูลฉิน มองไปยังฉินเหมยแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “น้องเล็ก หลินหยุนนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่? ตอนนี้แกก็ยังไม่ยอมพูดออกมาอีกเหรอ?”
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนคนนี้พูดขึ้น
คนตระกูลฉินที่เหลือต่างก็ทยอยกันเปิดปากพูดบ้าง
ต่างก็กล่าวโทษตำหนิฉินเหมยขึ้นมา
“ฉินเหมย!”
“แกคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ตั้งแต่หลินหยุนนั้นปรากฏตัวที่บ้านตระกูลฉินเรามา เขาก็ได้สร้างปัญหาเดือดร้อนให้กับพวกเราไม่น้อยเลยใช่ไหม?”
“หรือว่าแกยังลุ่มหลงงมงายไม่เลิกอีกเหรอ?”
“ยังมีอีกอย่าง แกบอกว่าหลินหยุนนั้นเป็นลูกของเพื่อนรักคนหนึ่งของแก แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโตแกก็อยู่แต่ในเมืองมี่หยุน ไม่เคยออกไปที่อื่นเลย แล้วจะมีเพื่อนรักอะไรจากที่ไหนกัน?”
“ตอนนี้แกก็พูดมาซิว่า หลินหยุนนั้นเป็นลูกของเพื่อนรักคนไหนของแกกันแน่?”
“ฉันว่าเจ้าเด็กนั่นไม่ใช่ลูกของเพื่อนรักอะไรของแกหรอก เพียงแต่แกใช้มาปกปิดอะไรไม่ให้คนอื่นรู้ใช่ไหม?”
“ฉินเหมย ตอนนี้ตระกูลฉินทั้งหมดก็มาถึงขั้นนี้แล้ว!”
“หรือว่าแกยังจะไปปกป้องเจ้าเด็กนั้นอีกเหรอ?”
“ในสายตาของแก ตระกูลฉินทั้งหมดสำคัญ หรือว่าหลินหยุนคนนั้นสำคัญกว่ากันแน่?”
เมื่อได้ยินคำพูดแต่ละคำแล้ว
สีหน้าของฉินเหมยก็แลดูย่ำแย่อย่างมากทีเดียว
ฉินชิงถงที่อยู่ข้างกายก็สะบัดแขนของเธอออก ขมวดคิ้วแล้วหันหน้ากลับมาถามว่า “แม่คะ แม่รีบบอกมาสิ หลินหยุนคนนั้นเป็นใครกันแน่?”
“ยังมีอีก ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่?”
“แม่ก็พูดมาให้หมดเลยนะ!”
“แม่ส่งมอบหลินหยุนนั้นให้กับผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักสุริยันคนนี้ไป ตระกูลฉินพวกเรา ก็จะได้หมดเรื่องแล้วใช่ไหมล่ะ?”
“ทำไมแม่ถึงไม่ยอมพูดล่ะ?”
“หรือว่าแม่กับเจ้าหลินหยุนนั้นมีความสัมพันธ์ลับๆที่บอกใครไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?”
เพี๊ยะ_____
ฉินเหมยโกรธจัด
ยกมือขึ้นแล้วตบหน้าฉินชิงถงอย่างแรงไปหนึ่งที
มองดูลูกสาวที่อยู่แค่เอื้อมคนนี้
ในใจรู้สึกผิดหวังเหลือเกิน!
ฉินห้าวเทียนกวาดสายตาไปยังผู้คนตระกูลฉินทั้งหลาย จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ทุกคนหุบปากให้หมด!”
พูดจบ
ก็มองไปยังผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยัน
“ท่านครับ ฉันก็ขอพูดอีกครั้งหนึ่ง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...