จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1165

สรุปบท บทที่ 1165 ความเก่งกาจของฉินห้าวเทียน: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

บทที่ 1165 ความเก่งกาจของฉินห้าวเทียน – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอนนี้ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1165 ความเก่งกาจของฉินห้าวเทียน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ผู้อาวุโสได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มเยาะเย้ยอีกครั้งหนึ่ง

“ไม่รู้งั้นเหรอ?”

“พูดมาได้ว่าไม่รู้!”

“ฉันขอพูดอีกครั้งหนึ่ง!”

“ถ้าไม่ส่งมอบหลินหยุนคนนั้นออกมาละก็ ชีวิตคนตระกูลฉินพวกแกทุกคนก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ต่อไปอีกแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดของฝ่ายตรงข้ามแล้ว

ผู้คนตระกูลฉินทุกคน รวมทั้งแขกที่มาร่วมพิธีส่วนใหญ่ ต่างก็อ้าปากค้างกันไปตามๆกัน

ฉินห้าวเทียนสีหน้าบึ้งตึง พูดอย่างเรียบเฉยว่า “สหาย ในเมื่อเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักสุริยัน!”

“งั้นก็ควรจะคำนึงถึงหน้าตาและฐานะของสำนักสุริยันบ้างไม่ใช่เหรอ?”

“ตระกูลฉินเราไม่รู้จริงๆว่าหลินหยุนอยู่ที่ไหน!”

“ถ้าหากรู้แล้ว ก็จะแจ้งให้ท่านทราบก็แล้วกัน!”

“แต่ถ้าไม่รู้ ท่านก็จะเอาชีวิตตระกูลฉินพวกเราทั้งหมดไปแทน เกรงว่าคงไม่สมเหตุสมผลล่ะมั้ง?”

“สำนักสุริยันอันธพาลถึงขั้นนี้แล้วเหรอ?”

ในเวลานี่เอง

ฉู่เทียนที่อยู่ข้างหลังผู้อาวุโสใหญ่ก็พูดขึ้นว่า “ คุณปู่ฉินครับ ท่านก็อย่าได้ดึงดันต่อไปอีกเลย!”

“ถ้าหากตระกูลฉินรู้ฐานะของหลินหยุนนั้นละก็ ท่านก็รีบพูดออกมาเถอะ!”

“อารมณ์ของผู้อาวุโสใหญ่ไม่ค่อยจะดีนะ!”

“ถ้าหากผู้อาวุโสใหญ่ลงมือละก็ งั้นชีวิตคนตระกูลฉินก็คงรักษาไว้ไม่ได้จริงๆแล้ว!”

“ผมทราบว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลินหยุนคนนั้นกับตระกูลฉินพวกคุณไม่ธรรมดาเลย!”

“ไม่เช่นนั้นละก็ น้าฉินคงไม่คิดจะยกชิงถงให้กับเจ้าหมอนั่นหรอก!”

“ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลฉินจะไม่รู้ว่าหลินหยุนอยู่ที่ไหน!”

“คุณปู่ฉินครับ เพื่อตัวท่านเองและเพื่อตระกูลฉินทั้งหมด ท่านก็บอกที่อยู่ของหลินหยุนนั้นออกมาเถอะ!”

เมื่อสิ้นเสียงของฉู่เทียน สายตาของคนตระกูลฉินทั้งหมดต่างก็มองไปที่ฉินเหมยทันที

ไม่มีอย่างอื่น เพราะว่าที่หลินหยุนมาถึงเมืองมี่หยุน

ที่มาถึงตระกูลฉินนั้น ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับใครทั้งสิ้น

ยกเว้นแต่จะเกี่ยวข้องกับฉินเหมยคนเดียวเท่านั้น!

ความเป็นมาของหลินหยุน นอกจากฉินเหมยและฉินห้าวเทียนแล้ว ตระกูลฉินทุกคนรวมทั้งฉินชิงถงด้วย ต่างก็ไม่รู้เรื่องเลย

ในเวลานี้เอง

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งของตระกูลฉิน มองไปยังฉินเหมยแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “น้องเล็ก หลินหยุนนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่? ตอนนี้แกก็ยังไม่ยอมพูดออกมาอีกเหรอ?”

เมื่อเห็นชายวัยกลางคนคนนี้พูดขึ้น

คนตระกูลฉินที่เหลือต่างก็ทยอยกันเปิดปากพูดบ้าง

ต่างก็กล่าวโทษตำหนิฉินเหมยขึ้นมา

“ฉินเหมย!”

“แกคิดจะทำอะไรกันแน่?”

“ตั้งแต่หลินหยุนนั้นปรากฏตัวที่บ้านตระกูลฉินเรามา เขาก็ได้สร้างปัญหาเดือดร้อนให้กับพวกเราไม่น้อยเลยใช่ไหม?”

“หรือว่าแกยังลุ่มหลงงมงายไม่เลิกอีกเหรอ?”

“ยังมีอีกอย่าง แกบอกว่าหลินหยุนนั้นเป็นลูกของเพื่อนรักคนหนึ่งของแก แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโตแกก็อยู่แต่ในเมืองมี่หยุน ไม่เคยออกไปที่อื่นเลย แล้วจะมีเพื่อนรักอะไรจากที่ไหนกัน?”

“ตอนนี้แกก็พูดมาซิว่า หลินหยุนนั้นเป็นลูกของเพื่อนรักคนไหนของแกกันแน่?”

“ฉันว่าเจ้าเด็กนั่นไม่ใช่ลูกของเพื่อนรักอะไรของแกหรอก เพียงแต่แกใช้มาปกปิดอะไรไม่ให้คนอื่นรู้ใช่ไหม?”

“ฉินเหมย ตอนนี้ตระกูลฉินทั้งหมดก็มาถึงขั้นนี้แล้ว!”

“หรือว่าแกยังจะไปปกป้องเจ้าเด็กนั้นอีกเหรอ?”

“ในสายตาของแก ตระกูลฉินทั้งหมดสำคัญ หรือว่าหลินหยุนคนนั้นสำคัญกว่ากันแน่?”

เมื่อได้ยินคำพูดแต่ละคำแล้ว

สีหน้าของฉินเหมยก็แลดูย่ำแย่อย่างมากทีเดียว

ฉินชิงถงที่อยู่ข้างกายก็สะบัดแขนของเธอออก ขมวดคิ้วแล้วหันหน้ากลับมาถามว่า “แม่คะ แม่รีบบอกมาสิ หลินหยุนคนนั้นเป็นใครกันแน่?”

“ยังมีอีก ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่?”

“แม่ก็พูดมาให้หมดเลยนะ!”

“แม่ส่งมอบหลินหยุนนั้นให้กับผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักสุริยันคนนี้ไป ตระกูลฉินพวกเรา ก็จะได้หมดเรื่องแล้วใช่ไหมล่ะ?”

“ทำไมแม่ถึงไม่ยอมพูดล่ะ?”

“หรือว่าแม่กับเจ้าหลินหยุนนั้นมีความสัมพันธ์ลับๆที่บอกใครไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?”

เพี๊ยะ_____

ฉินเหมยโกรธจัด

ยกมือขึ้นแล้วตบหน้าฉินชิงถงอย่างแรงไปหนึ่งที

มองดูลูกสาวที่อยู่แค่เอื้อมคนนี้

ในใจรู้สึกผิดหวังเหลือเกิน!

ฉินห้าวเทียนกวาดสายตาไปยังผู้คนตระกูลฉินทั้งหลาย จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ทุกคนหุบปากให้หมด!”

พูดจบ

ก็มองไปยังผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยัน

“ท่านครับ ฉันก็ขอพูดอีกครั้งหนึ่ง!”

“คัดๆๆๆๆ...........”

หลังจากเสียงระเบิดที่สะท้านฟ้าสะเทือนแผ่นดินนั้นผ่านไปแล้ว

ช่องว่างกลางอากาศที่ถูกปกคลุมนั้นดูราวกับเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมา

จากนั้นก็แตกแยกออกจากกัน

ส่วนติ่งยักษ์สีดำก็ระเบิดพลังแรงอันน่าสะพรึงกลัวที่ไร้เทียมทานออกมา

พลังแรงที่มองไม่เห็นก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันที

กระบี่ยาวสีดำก็ร่วงหล่นลงมา

ฉินห้าวเทียนสีหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา

แล้วตกลงมาบนพื้น

ในเวลาเดียวกันนี่เอง

ติ่งยักษ์นั้นก็หดตัวลงเท่ากับกำปั้นเหมือนเดิม แล้วกลับไปอยู่ในมือของผู้อาวุโสใหญ่อีกครั้ง

“ตั้งๆๆๆๆ”

ผู้อาวุโสใหญ่ถอยหลังไปหลายก้าว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว

สายตาที่ลึกล้ำ จ้องมองฉินห้าวเทียนอย่างไม่กะพริบตา

สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เมื่อเห็นฉากนี้แล้วผู้คนทั้งหลายต่างรู้สึกช็อกจนยืนตัวแข็งอยู่กับที่

ผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยัน เป็นสุดยอดฝีมืออย่างแน่นอน

แต่ว่า

ใครก็คิดไม่ถึง

ฉินห้าวเทียน เป็นแค่ผู้นำของตระกูลระดับรองลงมาคนหนึ่ง ถึงกับแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้

ถึงแม้ว่าดูเหมือนผู้อาวุโสใหญ่ก็ยังได้เปรียบอยู่ก็จริง

แต่ว่า พลังฝึกฝนของฉินห้าวเทียนก็แข็งแกร่งมากเกินไปเช่นกัน

ค่อยๆลุกขึ้นยืน

ฉินห้าวเทียนมองไปยังผู้อาวุโสใหญ่ ยื่นมือออกไป กระบี่ยาวสีดำก็กลับเข้าไปอยู่ในมือของเขาอีกครั้งหนึ่ง

ได้ยินเสียงที่เขาพูดอย่างเงียบๆว่า

“ท่านครับ ถึงแม้ว่าพลังฝึกฝนของท่านจะแข็งแกร่งก็ตาม! แต่คิดจะมาข่มขู่ชีวิตของคนตระกูลฉินเราทั้งหมด ก็ยังถือว่าไม่เพียงพอหรอก!”

“ฉันขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง ที่อยู่ของหลินหยุนนั้น ตระกูลฉินเรา ไม่ได้รู้อะไรเลย!”

“นี่คือสัตย์จริง!”

“หวังว่าท่านคงจะเชื่อ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์