ฉินห้าวเทียนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “ถ้าหากท่านยังคิดจะลงมืออีกละก็!”
“คนแซ่ฉินคนนี้ ก็จะน้อมรับให้ถึงที่สุด!”
ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักสุริยันก็หัวเราะเยาะขึ้นมา
แต่ว่า
ยังไม่ทันรอให้เขาเปิดปากพูดเลย
ทันใดนั้น
ก็มีกระแสกลิ่นอายที่รุนแรงหลายสายพุ่งเข้ามายังตระกูลฉินทางนี้อย่างรวดเร็ว
ประกายแสงวับผ่านไป
ซั้วๆๆๆๆ_______
เงาร่างทั้งหมดห้าคนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน
มีสามคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน
ที่เหลืออีกสองคนก็ยืนอยู่ด้วยกัน
แยกเป็นพลังอำนาจสองฝ่าย!
หลังจากที่ห้าคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมา ทันใดนั้นทุกคนต่างก็ร้องด้วยเสียงตกใจอีกครั้งหนึ่ง
ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้จักแหล่งที่มาของพลังอำนาจทั้งสองนี้แล้ว
“รีบดูเร็ว เป็นคนของสำนักวิหารผนึกวิญญาณ!”
“ถูกต้อง!”
“ชายวัยกลางคนที่รูปร่างผอมบางคนนั้น ก็คือชายไว้หนวดคนนั้น ฉันเคยเห็นอยู่ในงานประมูลที่หอไป่เต้า!”
“ใช่แล้ว นั่นคือทูตวิญญาณที่สี่ของวิหารผนึกวิญญาณ อู๋หุน!”
“ได้ข่าวว่าคราวที่แล้วหลังจากที่หลินหยุนได้สังหารฉื้อซานแห่งสำนักสุริยันไปแล้ว แต่คนนี้กลับตกใจจนไม่กล้าลงมือกับหลินหยุนแล้วหนีเอาตัวรอดไป!”
“ตอนนี้กลับมา นี่คงไปพาพวกมาช่วยด้วยแล้วล่ะ!”
“สองคนที่เดินนำหน้านั้น ดูเหมือนจะเป็นทูตวิญญาณที่หนึ่งและทูตวิญญาณที่สอง คิดไม่ถึงว่าทูตวิญญาณทั้งสี่แห่งวิหารอีสาน คราวนี้ถึงกับมาพร้อมกันสามคนเลย!”
“สองคนที่อยู่ข้างๆนั้นเป็นใครกัน?”
“ฉันรู้!”
“คนที่รูปร่างสูงใหญ่ บนหน้ามีรอยบาดแผลคนนั้น เป็นหัวหน้าโจรที่เขาเทียนอินชื่อว่าฝานฉิง!”
“แต่ว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าฝานฉิงคนนั้นก็ไม่รู้จักแล้ว!”
“ฝานฉิงคนนี้ไม่ไปเป็นหัวหน้าโจรที่เขาเทียนอิน จู่ๆมาตระกูลฉินได้ยังไง?”
เมื่อเห็นคนทั้งห้าคนนี้แล้ว
สีหน้าของผู้คนตระกูลฉินทุกคนก็ยิ่งดูย่ำแย่ลงมากยิ่งขึ้น
มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นในใจของพวกเขา
ชายชราที่มีหนวดผมขาวโพลนที่ยืนอยู่ข้างหน้าฝานฉิงคนนั้น ก็พูดด้วยเสียงหนักแน่นขึ้นว่า “ใครคือหลินหยุน?”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชราแล้ว คนของวิหารวิญญาณทั้งสามต่างก็หัวเราะทันที
“มันช่างบังเอิญเสียจริง ที่แท้ท่านเฒ่ายันต์ก็มาหาคนที่ชื่อหลินหยุนนั้นเหมือนกันเหรอ?”
“พวกเราก็เหมือนกัน!”
พูดพลาง
สายตาของทูตวิญญาณคนที่หนึ่งก็มองไปยังฉินห้าวเทียน
“เจ้าบ้านฉิน!”
“ส่งมอบหลินหยุนออกมาดีกว่านะ!”
“สำนักสุริยันฝ่ายเดียวทำอะไรแกไม่ได้ก็จริง ถ้ารวมพวกเราไปด้วยแล้ว จะฆ่าล้างตระกูลฉินแกทั้งหมดก็น่าจะเหลือเฟือแล้ว!”
ก่อนหน้านั้น
ความเคลื่อนไหวของการสู้รบระหว่างฉินห้าวเทียนและผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยัน พวกเขาก็ได้รับรู้ทั้งหมดแล้ว
พวกเขาเห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็หยุดต่อสู้กันแล้วจึงปรากฏตัวขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำพูดของทูตวิญญาณคนที่หนึ่งแล้ว
สีหน้าของคนตระกูลฉินทุกคนต่างก็แลดูย่ำแย่มากเหลือเกิน
ในใจของทุกคนเต็มไปด้วยความแตกตื่นตกใจและความหวาดกลัว
“คราวนี้จบแน่แล้ว!”
“ตระกูลฉินต้องจบแล้วจริงๆ!”
“ลำพังผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักสุริยันคนเดียว เจ้าบ้านยังต้านทานไว้ได้อย่างยากลำบากเลย!”
“แต่ตอนนี้ยังมีวิหารผนึกวิญญาณแล้วก็หัวหน้าโจรเขาเทียนอินอีก.......”
“ตระกูลฉินเรา.......”
“คราวนี้คงจะเคราะห์ร้ายมากกว่าดีแล้ว!”
“ทุกอย่างนี้ก็เป็นเพราะหลินหยุนนั้นคนเดียว”
“ถ้าหากไม่มีหลินหยุน!”
“ตระกูลฉินเราก็คงไม่ตกต่ำถึงเพียงนี้หรอก!”
“ถูกต้อง!”
“ทุกสิ่งทุกอย่างก็มาจากหลินหยุนทั้งนั้น!”
ผู้คนตระกูลฉินทั้งหมดก็โกรธเคืองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
มองไปยังฉินเหมยที่อยู่ข้างหน้า ดวงตาลุกเป็นไฟแทบจะพ่นออกมา
ต่อให้ฉินเหมยเป็นลูกสาวทายาทโดยตรงของเจ้าบ้านฉินห้าวเทียน พวกเขาก็ยังคงรู้สึกโกรธแค้นอย่างรุนแรง
ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆตอนนี้ต่างก็รู้สึกสะท้านใจเช่นกัน
ไม่รู้ว่าฉินเหมยไปเอาเจ้าเด็กคนที่ชื่อหลินหยุนคนนั้นมาจากไหน ทำให้มีศัตรูเกิดขึ้นมากมายครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้
ตอนนี้
ผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยัน
ทูตวิญญาณที่หนึ่งแห่งวิหารผนึกวิญญาณ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...