จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1166

สรุปบท บทที่ 1166 แขกไม่ได้รับเชิญ: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 1166 แขกไม่ได้รับเชิญ – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

ตอน บทที่ 1166 แขกไม่ได้รับเชิญ ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ฉินห้าวเทียนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “ถ้าหากท่านยังคิดจะลงมืออีกละก็!”

“คนแซ่ฉินคนนี้ ก็จะน้อมรับให้ถึงที่สุด!”

ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักสุริยันก็หัวเราะเยาะขึ้นมา

แต่ว่า

ยังไม่ทันรอให้เขาเปิดปากพูดเลย

ทันใดนั้น

ก็มีกระแสกลิ่นอายที่รุนแรงหลายสายพุ่งเข้ามายังตระกูลฉินทางนี้อย่างรวดเร็ว

ประกายแสงวับผ่านไป

ซั้วๆๆๆๆ_______

เงาร่างทั้งหมดห้าคนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน

มีสามคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน

ที่เหลืออีกสองคนก็ยืนอยู่ด้วยกัน

แยกเป็นพลังอำนาจสองฝ่าย!

หลังจากที่ห้าคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมา ทันใดนั้นทุกคนต่างก็ร้องด้วยเสียงตกใจอีกครั้งหนึ่ง

ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้จักแหล่งที่มาของพลังอำนาจทั้งสองนี้แล้ว

“รีบดูเร็ว เป็นคนของสำนักวิหารผนึกวิญญาณ!”

“ถูกต้อง!”

“ชายวัยกลางคนที่รูปร่างผอมบางคนนั้น ก็คือชายไว้หนวดคนนั้น ฉันเคยเห็นอยู่ในงานประมูลที่หอไป่เต้า!”

“ใช่แล้ว นั่นคือทูตวิญญาณที่สี่ของวิหารผนึกวิญญาณ อู๋หุน!”

“ได้ข่าวว่าคราวที่แล้วหลังจากที่หลินหยุนได้สังหารฉื้อซานแห่งสำนักสุริยันไปแล้ว แต่คนนี้กลับตกใจจนไม่กล้าลงมือกับหลินหยุนแล้วหนีเอาตัวรอดไป!”

“ตอนนี้กลับมา นี่คงไปพาพวกมาช่วยด้วยแล้วล่ะ!”

“สองคนที่เดินนำหน้านั้น ดูเหมือนจะเป็นทูตวิญญาณที่หนึ่งและทูตวิญญาณที่สอง คิดไม่ถึงว่าทูตวิญญาณทั้งสี่แห่งวิหารอีสาน คราวนี้ถึงกับมาพร้อมกันสามคนเลย!”

“สองคนที่อยู่ข้างๆนั้นเป็นใครกัน?”

“ฉันรู้!”

“คนที่รูปร่างสูงใหญ่ บนหน้ามีรอยบาดแผลคนนั้น เป็นหัวหน้าโจรที่เขาเทียนอินชื่อว่าฝานฉิง!”

“แต่ว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าฝานฉิงคนนั้นก็ไม่รู้จักแล้ว!”

“ฝานฉิงคนนี้ไม่ไปเป็นหัวหน้าโจรที่เขาเทียนอิน จู่ๆมาตระกูลฉินได้ยังไง?”

เมื่อเห็นคนทั้งห้าคนนี้แล้ว

สีหน้าของผู้คนตระกูลฉินทุกคนก็ยิ่งดูย่ำแย่ลงมากยิ่งขึ้น

มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นในใจของพวกเขา

ชายชราที่มีหนวดผมขาวโพลนที่ยืนอยู่ข้างหน้าฝานฉิงคนนั้น ก็พูดด้วยเสียงหนักแน่นขึ้นว่า “ใครคือหลินหยุน?”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายชราแล้ว คนของวิหารวิญญาณทั้งสามต่างก็หัวเราะทันที

“มันช่างบังเอิญเสียจริง ที่แท้ท่านเฒ่ายันต์ก็มาหาคนที่ชื่อหลินหยุนนั้นเหมือนกันเหรอ?”

“พวกเราก็เหมือนกัน!”

พูดพลาง

สายตาของทูตวิญญาณคนที่หนึ่งก็มองไปยังฉินห้าวเทียน

“เจ้าบ้านฉิน!”

“ส่งมอบหลินหยุนออกมาดีกว่านะ!”

“สำนักสุริยันฝ่ายเดียวทำอะไรแกไม่ได้ก็จริง ถ้ารวมพวกเราไปด้วยแล้ว จะฆ่าล้างตระกูลฉินแกทั้งหมดก็น่าจะเหลือเฟือแล้ว!”

ก่อนหน้านั้น

ความเคลื่อนไหวของการสู้รบระหว่างฉินห้าวเทียนและผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยัน พวกเขาก็ได้รับรู้ทั้งหมดแล้ว

พวกเขาเห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็หยุดต่อสู้กันแล้วจึงปรากฏตัวขึ้นมา

เมื่อได้ยินคำพูดของทูตวิญญาณคนที่หนึ่งแล้ว

สีหน้าของคนตระกูลฉินทุกคนต่างก็แลดูย่ำแย่มากเหลือเกิน

ในใจของทุกคนเต็มไปด้วยความแตกตื่นตกใจและความหวาดกลัว

“คราวนี้จบแน่แล้ว!”

“ตระกูลฉินต้องจบแล้วจริงๆ!”

“ลำพังผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักสุริยันคนเดียว เจ้าบ้านยังต้านทานไว้ได้อย่างยากลำบากเลย!”

“แต่ตอนนี้ยังมีวิหารผนึกวิญญาณแล้วก็หัวหน้าโจรเขาเทียนอินอีก.......”

“ตระกูลฉินเรา.......”

“คราวนี้คงจะเคราะห์ร้ายมากกว่าดีแล้ว!”

“ทุกอย่างนี้ก็เป็นเพราะหลินหยุนนั้นคนเดียว”

“ถ้าหากไม่มีหลินหยุน!”

“ตระกูลฉินเราก็คงไม่ตกต่ำถึงเพียงนี้หรอก!”

“ถูกต้อง!”

“ทุกสิ่งทุกอย่างก็มาจากหลินหยุนทั้งนั้น!”

ผู้คนตระกูลฉินทั้งหมดก็โกรธเคืองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

มองไปยังฉินเหมยที่อยู่ข้างหน้า ดวงตาลุกเป็นไฟแทบจะพ่นออกมา

ต่อให้ฉินเหมยเป็นลูกสาวทายาทโดยตรงของเจ้าบ้านฉินห้าวเทียน พวกเขาก็ยังคงรู้สึกโกรธแค้นอย่างรุนแรง

ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆตอนนี้ต่างก็รู้สึกสะท้านใจเช่นกัน

ไม่รู้ว่าฉินเหมยไปเอาเจ้าเด็กคนที่ชื่อหลินหยุนคนนั้นมาจากไหน ทำให้มีศัตรูเกิดขึ้นมากมายครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้

ตอนนี้

ผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยัน

ทูตวิญญาณที่หนึ่งแห่งวิหารผนึกวิญญาณ

แรงกดดันอันมหึมาก็ปกคลุมไปทั่วทันที

ภายในลำแสงสีดำก็ยังมีลำแสงกระบี่ส่องประกายวาววับอย่างไม่หยุดหย่อน

ลำแสงกระบี่แต่ละสายก็นำพาความเยือกเย็นบาดใจมาด้วย

พร้อมกับรังสีอำมหิตที่รุนแรง!

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ทุกคนต่างก็ตกใจจนหน้าถอดสี แสดงสีหน้าแตกตื่นหวาดกลัวอย่างมาก

แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักสุริยัน และยังมีทูตวิญญาณทั้งสามของวิหารผนึกวิญญาณที่อยู่ข้างๆต่างก็หน้าถอดสีเช่นกัน

“นี่ก็คือยันต์กระบี่ทองดำของท่านเฒ่ายันต์เหรอ?”

“พลังอันน่าสะพรึงกลัวช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!”

“ท่านเฒ่ายันต์ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกอิสระคนหนึ่ง สามารถมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเขตพื้นที่ภาคอีสานทั้งหมดได้ นับว่าแข็งแกร่งมากพอจริงๆ!”

“เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝานฉิงกลายเป็นลูกศิษย์ของเขาไปได้ยังไง!”

“ดูเหมือนว่าฝานฉิงไม่ได้ฝึกวิชายันต์เลย!”

“อันนี้ก็ไม่รู้แล้ว!”

“คราวนี้เกรงว่าเจ้าบ้านฉินจะต้องแย่แล้วล่ะ!”

“สามารถต้านทานผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยันได้ แต่ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงยาวนานอย่างท่านเฒ่ายันต์คนนี้ น่าจะต้านรับไว้ไม่ไหวแน่นอน!”

“ไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าหลินหยุนนั้นเป็นใครกันแน่!”

“จนถึงเวลานี้แล้ว ตระกูลฉินถึงกับยังไม่ยอมบอกที่อยู่ของเขาออกมาเลย!”

“สงสัยว่าไม่รู้จริงๆแล้วมั้ง!”

“ไม่เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันยังไง ก็ไม่มีทางที่จะเอาชีวิตของคนทั้งตระกูลไปปกปิดหรอก!”

“การชดใช้เช่นนี้มันมากเกินไปแล้ว!”

“ใครจะไปรู้ล่ะ?”

ฉินห้าวเทียนถึงแม้ว่าจะหวาดกลัวแต่ก็ยังลงมือด้วยความเด็ดเดี่ยว

กระบี่ยาวในมือก็หลุดออกจากมือไป

ทันใดนั้นกระบี่ระเบิดเสียงร้องที่คมชัดออกมาทันที

“พิชิตมังกร!”

หลังจากที่เขาตะคอกเสียงเบาแล้ว กระบี่ด้ามยาวก็ตวัดไปมาจนทำให้เกิดเงาดาบนับหมื่นนับพันขึ้นท่ามกลางอากาศ

แล้วพุ่งไปยังลำแสงสีดำที่ปลดปล่อยออกมาจากยันต์กระบี่ทองดำนั้น

ชั่วพริบตาเดียว

ราวกับมีกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังฟาดฟันกันอยู่ เสียงกระทบของโลหะ ก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วสารทิศ

ท่านเฒ่ายันต์ขมวดคิ้วแล้วพูดเยาะเย้ยว่า

“ลูกไม้ตื้นๆ!”

“ทำลายให้หมด!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์