จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1168

ท่านเฒ่ายันต์ทำตาหรี่มองไปยังฉินเหมย หัวเราะแล้วพูดอีกครั้งหนึ่งว่า “ยัยหนู รีบบอกที่อยู่ของเจ้าเด็กเปรตหลินหยุนคนนั้นออกมา ฉันจะไว้ชีวิตแก! และไว้ชีวิตคนทั้งตระกูลฉินอีกด้วย!”

ฉินเหมยในตอนนี้ก็ตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวังทุกอย่างแล้ว

ทันทีที่เห็นฉินห้าวเทียนพ่อที่บาดเจ็บสาหัสจนสลบไปนั้น เธอก็รู้แล้วว่าผลที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นอย่างไร

สีหน้าของเธอขาวซีด ฉินเหมยกัดฟันแล้วพูดว่า “พ่อฉันก็เคยพูดไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว พวกเราไม่รู้ที่อยู่ของหลินหยุนเลย! พวกแกไม่เชื่อ ต่อให้ฆ่าฉันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร!”

ในใจของเธอมีความแค้นคับฟ้า

แต่ตอนนี้กลับหาทางแก้ไขอะไรไม่ได้เลย

นี่ก็เหมือนกับมดตัวน้อยที่อยู่ต่อหน้าเทพมังกร ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเลย

สายตาที่ฝ้าฟางของท่านเฒ่ายันต์ก็ส่องประกายวาววับ

“ยัยหนู ความอดทนของฉันมีจำกัดนะ!”

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เวลาผ่านไปทุกครึ่งก้านธูป ฉันก็จะฆ่าคนของตระกูลฉินหนึ่งคน!”

“จนถึงเวลาที่แกยอมพูดออกมาว่าเจ้าเด็กเปรตหลินหยุนนั้นอยู่ที่ไหน!”

“ฉันถึงจะหยุดมือ!”

ฉินเหมยตกใจหน้าถอดสีทันที กัดฟันแล้วตะโกนพูดว่า “เลวทรามต่ำช้า! ไร้ยางอาย! ถ้าแกแน่จริงละก็ มาจัดการกับฉินเหมยฉันนี่! เอาชีวิตของคนตระกูลฉินเรามาข่มขู่ มันไม่แน่จริงเอาเลย!”

ท่านเฒ่ายันต์ยิ้มแล้วพูดว่า “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องรีบร้อน รอให้จัดการเจ้าเด็กเปรตหลินหยุนนั้นก่อน ฉันก็จะให้แก แล้วก็ยัยหนูที่อยู่ข้างๆคนนั้นมาเป็นติ่งของฉันเลย!”

เมื่อได้ยินเขาพูดถึงซิงเฟย ฉินเหมยก็รีบตะคอกเสียงแข็งว่า “ทางที่ดีแกอย่าไปแตะต้องเธอเชียว! เธอไม่ใช่คนของตระกูลฉินเรา แต่มาจากตระกูลซิงแห่งเทียนเฟิงต่างหาก!”

“ถ้ากล้าแตะต้องเธอละก็ ทางที่ดีแกควรคำนึงถึงผลที่ตามมาด้วย!”

ตระกูลซิงแห่งเทียนเฟิง

เป็นตระกูลใหญ่อย่างแน่นอน!

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเหมยแล้ว

ไม่เพียงแต่ท่านเฒ่ายันต์ ยังมีพวกคนของสำนักสุริยันและวิหารผนึกวิญญาณที่อยู่ข้างๆต่างก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน

สายตาต่างก็มองไปยังซิงเฟย

ท่านเฒ่ายันต์ส่งเสียงฮื่อแล้วพูดว่า “ตระกูลซิงเหรอ? ก็นับว่ามีต้นทุนอยู่บ้างจริงๆ! แต่ว่ายังไม่สามารถที่จะอยู่ในสายตาของฉันได้เลย!”

“วันนี้ ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยพวกแกได้ทั้งนั้น!”

“บอกที่อยู่ของเจ้าเด็กเปรตหลินหยุนคนนั้นออกมา เป็นทางเลือกทางเดียวของแกเท่านั้น”

ในเวลานี้เอง

ผู้คนตระกูลฉินจำนวนมากที่กลัวจนหัวหด ในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหวแล้ว

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งจ้องตาเขม็งใส่ฉินเหมยแล้วตะคอกเสียงดังว่า “ฉินเหมย! จนถึงตอนนี้แล้ว ทำไมแกยังไม่ยอมบอกที่อยู่ของหลินหยุนนั้นออกมาอีก?”

“หรือว่าแกยอมมองดูคนของพวกเราทั้งหมด ตายอยู่ตรงหน้าแกจริงๆ แกถึงจะพอใจใช่ไหม?”

“หรือว่าแกอยากจะมองดูตระกูลฉินล่มสลายไปด้วยตาตัวเอง แกถึงจะดีใจใช่ไหม?”

“ทำไมแกถึงต้องปิดบังข้อมูลของหลินหยุนนั้นด้วย?”

“หลินหยุนนั้นเป็นอะไรกับแกกันแน่?”

“ฉินเหมย!”

“แกเป็นคนบาปของตระกูลฉิน!”

“แกเป็นคนที่พาหลินหยุนนั้นเข้ามาในตระกูลฉิน!”

“แกเป็นคนที่ทำให้ตระกูลฉินต้องตกอยู่ในสภาพอย่างทุกวันนี้!”

“ฉันขอสาปแช่งแกไม่ให้ตายดี!”

พูดพลาง

ชายวัยกลางคนนี้ก็วิ่งออกจากฝูงชนแล้วมุ่งเข้ามาทางด้านนี้

มาถึงตรงหน้าท่านเฒ่ายันต์รวมทั้งพวกคนของสำนักสุริยันและวิหารผนึกวิญญาณ

จากนั้นก็คุกเข่าลงทันที

โขกศีรษะอย่างแรงให้กับคนพวกนั้นไปพลาง แล้วพูดอ้อนวอนร้องขอชีวิตด้วยน้ำตาไปพลางว่า

“ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย!”

“ท่านลูกพี่ใหญ่ทั้งหลาย!”

“หลินหยุนนั้นกับตระกูลฉินเราทั้งหมด ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกันจริงๆเลยนะ!”

“ที่หลินหยุนมาตระกูลฉิน ก็เพราะฉินเหมยทั้งนั้น!”

“ความเป็นมาของหลินหยุนนั้นไม่ชัดเจน!”

“พวกเราก็ไม่รู้จริงๆว่าเขากับฉินเหมยมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่!”

“ขอให้ผู้อาวุโสทุกท่านโปรดพิจารณาด้วยเถอะ!”

“ท่านผู้อาวุโส ขอได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเถอะ!”

เมื่อมีชายวัยกลางคนเป็นคนนำหน้าแล้ว

จากนั้นก็มีคนตระกูลฉินส่วนใหญ่ต่างก็ทยอยกันวิ่งออกมา แล้วคุกเข่าต่อหน้าพวกท่านเฒ่ายันต์ จากนั้นก็โขกศีรษะอย่างไม่หยุดหย่อน ร้องไห้น้ำตาไหลเพื่ออ้อนวอนขอชีวิต

สายตาของท่านเฒ่ายันต์ก็มองไปที่ฉินเหมยอีกครั้ง

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!”

“แต่ว่า!”

“ตอนนี้เรื่องราวทั้งหมดก็ได้เกี่ยวโยงกับตระกูลฉินพวกแกแล้ว!”

“ฉันก็ยังคงพูดคำนั้นเหมือนเดิม!”

“แกบอกที่อยู่เจ้าเด็กเปรตหลินหยุนคนนั้นออกมา ฉันก็จะไว้ชีวิตคนตระกูลฉินแก!”

“ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว!”

“ยัยหนู!”

“คิดดีแล้วยัง?”

มองดูคนตระกูลฉินทั้งหลาย รวมทั้งญาติสนิทของตัวเอง ต่างก็คุกเข่าโขกศีรษะร้องขอชีวิตจากศัตรูอย่างไม่หยุดหย่อนนั้น

ในใจของฉินเหมยตอนนี้ก็หมดสิ้นความหวังทุกอย่างแล้ว

แต่ว่า เธอกลับไม่สามารถไปถือโทษโกรธใครได้เลย

เป็นความจริงที่ว่า

ตั้งแต่ต้นจนจบ

เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคนตระกูลฉินคนอื่นเลยสักนิดเดียว

แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกสิ้นหวังอย่างหาที่สุดไม่ได้

นี่ก็คือทางเลือกของคนในตระกูลที่เป็นญาติสนิทมิตรสหายพวกนี้ของเธอเหรอ?

สีหน้าของฉินเหมยไม่มีสีเลือดใดๆเลย

ในขณะที่เธอกำลังจะเปิดปากพูดอยู่นั้น ก็มีเสียงตะโกนกรีดร้องที่น่าเศร้าดังขึ้นมา

เป็นลูกสาวของเธอเอง ฉินชิงถง!

“แม่คะ!”

“จนถึงเวลานี้แล้ว!”

“ทำไมแม่ยังต้องปกปิดต่อไปอีกล่ะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์