ท่านเฒ่ายันต์ทำตาหรี่มองไปยังฉินเหมย หัวเราะแล้วพูดอีกครั้งหนึ่งว่า “ยัยหนู รีบบอกที่อยู่ของเจ้าเด็กเปรตหลินหยุนคนนั้นออกมา ฉันจะไว้ชีวิตแก! และไว้ชีวิตคนทั้งตระกูลฉินอีกด้วย!”
ฉินเหมยในตอนนี้ก็ตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวังทุกอย่างแล้ว
ทันทีที่เห็นฉินห้าวเทียนพ่อที่บาดเจ็บสาหัสจนสลบไปนั้น เธอก็รู้แล้วว่าผลที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นอย่างไร
สีหน้าของเธอขาวซีด ฉินเหมยกัดฟันแล้วพูดว่า “พ่อฉันก็เคยพูดไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว พวกเราไม่รู้ที่อยู่ของหลินหยุนเลย! พวกแกไม่เชื่อ ต่อให้ฆ่าฉันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร!”
ในใจของเธอมีความแค้นคับฟ้า
แต่ตอนนี้กลับหาทางแก้ไขอะไรไม่ได้เลย
นี่ก็เหมือนกับมดตัวน้อยที่อยู่ต่อหน้าเทพมังกร ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเลย
สายตาที่ฝ้าฟางของท่านเฒ่ายันต์ก็ส่องประกายวาววับ
“ยัยหนู ความอดทนของฉันมีจำกัดนะ!”
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เวลาผ่านไปทุกครึ่งก้านธูป ฉันก็จะฆ่าคนของตระกูลฉินหนึ่งคน!”
“จนถึงเวลาที่แกยอมพูดออกมาว่าเจ้าเด็กเปรตหลินหยุนนั้นอยู่ที่ไหน!”
“ฉันถึงจะหยุดมือ!”
ฉินเหมยตกใจหน้าถอดสีทันที กัดฟันแล้วตะโกนพูดว่า “เลวทรามต่ำช้า! ไร้ยางอาย! ถ้าแกแน่จริงละก็ มาจัดการกับฉินเหมยฉันนี่! เอาชีวิตของคนตระกูลฉินเรามาข่มขู่ มันไม่แน่จริงเอาเลย!”
ท่านเฒ่ายันต์ยิ้มแล้วพูดว่า “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องรีบร้อน รอให้จัดการเจ้าเด็กเปรตหลินหยุนนั้นก่อน ฉันก็จะให้แก แล้วก็ยัยหนูที่อยู่ข้างๆคนนั้นมาเป็นติ่งของฉันเลย!”
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงซิงเฟย ฉินเหมยก็รีบตะคอกเสียงแข็งว่า “ทางที่ดีแกอย่าไปแตะต้องเธอเชียว! เธอไม่ใช่คนของตระกูลฉินเรา แต่มาจากตระกูลซิงแห่งเทียนเฟิงต่างหาก!”
“ถ้ากล้าแตะต้องเธอละก็ ทางที่ดีแกควรคำนึงถึงผลที่ตามมาด้วย!”
ตระกูลซิงแห่งเทียนเฟิง
เป็นตระกูลใหญ่อย่างแน่นอน!
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเหมยแล้ว
ไม่เพียงแต่ท่านเฒ่ายันต์ ยังมีพวกคนของสำนักสุริยันและวิหารผนึกวิญญาณที่อยู่ข้างๆต่างก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน
สายตาต่างก็มองไปยังซิงเฟย
ท่านเฒ่ายันต์ส่งเสียงฮื่อแล้วพูดว่า “ตระกูลซิงเหรอ? ก็นับว่ามีต้นทุนอยู่บ้างจริงๆ! แต่ว่ายังไม่สามารถที่จะอยู่ในสายตาของฉันได้เลย!”
“วันนี้ ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยพวกแกได้ทั้งนั้น!”
“บอกที่อยู่ของเจ้าเด็กเปรตหลินหยุนคนนั้นออกมา เป็นทางเลือกทางเดียวของแกเท่านั้น”
ในเวลานี้เอง
ผู้คนตระกูลฉินจำนวนมากที่กลัวจนหัวหด ในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหวแล้ว
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งจ้องตาเขม็งใส่ฉินเหมยแล้วตะคอกเสียงดังว่า “ฉินเหมย! จนถึงตอนนี้แล้ว ทำไมแกยังไม่ยอมบอกที่อยู่ของหลินหยุนนั้นออกมาอีก?”
“หรือว่าแกยอมมองดูคนของพวกเราทั้งหมด ตายอยู่ตรงหน้าแกจริงๆ แกถึงจะพอใจใช่ไหม?”
“หรือว่าแกอยากจะมองดูตระกูลฉินล่มสลายไปด้วยตาตัวเอง แกถึงจะดีใจใช่ไหม?”
“ทำไมแกถึงต้องปิดบังข้อมูลของหลินหยุนนั้นด้วย?”
“หลินหยุนนั้นเป็นอะไรกับแกกันแน่?”
“ฉินเหมย!”
“แกเป็นคนบาปของตระกูลฉิน!”
“แกเป็นคนที่พาหลินหยุนนั้นเข้ามาในตระกูลฉิน!”
“แกเป็นคนที่ทำให้ตระกูลฉินต้องตกอยู่ในสภาพอย่างทุกวันนี้!”
“ฉันขอสาปแช่งแกไม่ให้ตายดี!”
พูดพลาง
ชายวัยกลางคนนี้ก็วิ่งออกจากฝูงชนแล้วมุ่งเข้ามาทางด้านนี้
มาถึงตรงหน้าท่านเฒ่ายันต์รวมทั้งพวกคนของสำนักสุริยันและวิหารผนึกวิญญาณ
จากนั้นก็คุกเข่าลงทันที
โขกศีรษะอย่างแรงให้กับคนพวกนั้นไปพลาง แล้วพูดอ้อนวอนร้องขอชีวิตด้วยน้ำตาไปพลางว่า
“ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย!”
“ท่านลูกพี่ใหญ่ทั้งหลาย!”
“หลินหยุนนั้นกับตระกูลฉินเราทั้งหมด ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกันจริงๆเลยนะ!”
“ที่หลินหยุนมาตระกูลฉิน ก็เพราะฉินเหมยทั้งนั้น!”
“ความเป็นมาของหลินหยุนนั้นไม่ชัดเจน!”
“พวกเราก็ไม่รู้จริงๆว่าเขากับฉินเหมยมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่!”
“ขอให้ผู้อาวุโสทุกท่านโปรดพิจารณาด้วยเถอะ!”
“ท่านผู้อาวุโส ขอได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเถอะ!”
เมื่อมีชายวัยกลางคนเป็นคนนำหน้าแล้ว
จากนั้นก็มีคนตระกูลฉินส่วนใหญ่ต่างก็ทยอยกันวิ่งออกมา แล้วคุกเข่าต่อหน้าพวกท่านเฒ่ายันต์ จากนั้นก็โขกศีรษะอย่างไม่หยุดหย่อน ร้องไห้น้ำตาไหลเพื่ออ้อนวอนขอชีวิต
สายตาของท่านเฒ่ายันต์ก็มองไปที่ฉินเหมยอีกครั้ง
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
“แต่ว่า!”
“ตอนนี้เรื่องราวทั้งหมดก็ได้เกี่ยวโยงกับตระกูลฉินพวกแกแล้ว!”
“ฉันก็ยังคงพูดคำนั้นเหมือนเดิม!”
“แกบอกที่อยู่เจ้าเด็กเปรตหลินหยุนคนนั้นออกมา ฉันก็จะไว้ชีวิตคนตระกูลฉินแก!”
“ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว!”
“ยัยหนู!”
“คิดดีแล้วยัง?”
มองดูคนตระกูลฉินทั้งหลาย รวมทั้งญาติสนิทของตัวเอง ต่างก็คุกเข่าโขกศีรษะร้องขอชีวิตจากศัตรูอย่างไม่หยุดหย่อนนั้น
ในใจของฉินเหมยตอนนี้ก็หมดสิ้นความหวังทุกอย่างแล้ว
แต่ว่า เธอกลับไม่สามารถไปถือโทษโกรธใครได้เลย
เป็นความจริงที่ว่า
ตั้งแต่ต้นจนจบ
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคนตระกูลฉินคนอื่นเลยสักนิดเดียว
แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกสิ้นหวังอย่างหาที่สุดไม่ได้
นี่ก็คือทางเลือกของคนในตระกูลที่เป็นญาติสนิทมิตรสหายพวกนี้ของเธอเหรอ?
สีหน้าของฉินเหมยไม่มีสีเลือดใดๆเลย
ในขณะที่เธอกำลังจะเปิดปากพูดอยู่นั้น ก็มีเสียงตะโกนกรีดร้องที่น่าเศร้าดังขึ้นมา
เป็นลูกสาวของเธอเอง ฉินชิงถง!
“แม่คะ!”
“จนถึงเวลานี้แล้ว!”
“ทำไมแม่ยังต้องปกปิดต่อไปอีกล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...