จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1196

สรุปบท บทที่ 1196 ขึ้นเขา: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 1196 ขึ้นเขา จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1196 ขึ้นเขา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ในตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ขอเพียงหลินหยุนปรากฏตัวพร้อมกับซิงเฟย

ถึงแม้คนอื่นๆจะจำหลินหยุนไม่ได้ แต่คนของสำนักสุริยันจะจำเขาไม่ได้เลยเหรอ?

โจงหมิงกับฉู่จิงเผิงจากเมืองมี่หยุนจะจำเขาไม่ได้เลยเหรอ?

มันเป็นไปไม่ได้ที่คนพวกนั้นจะจำเขาไม่ได้!

ถ้าถูกคนพวกนั้นจำได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลินหยุนที่น่ากลัวขนาดนี้ ถ้าคนพวกนั้นไม่ร่วมมือกันเพื่อจัดการหลินหยุนกับซิงเฟยก่อน มันก็คงกลายเป็นเรื่องแปลกแล้ว!

ซิงเฟยพูดอีกครั้ง "เอาอย่างนี้ละกัน คุณเปลี่ยนแปลงใบหน้าหน่อย ก็……ก็ทำตัวเหมือนลูกน้องของฉัน! แน่นอนว่า เพื่อความปลอดภัยของพวกเราสองคน ฉันก็จะเปลี่ยนแปลงใบหน้าตัวเองเหมือนกัน!"

เนื่องจากตลอดทาง เธอเดินตามหลังหลินหยุนตลอด

ถ้าคนอื่นจำหลินหยุนได้ แน่นอนว่าจะต้องจำเธอได้อย่างแน่นอน

หลินหยุนพยักหน้า เขารีบใช้มือลูบใบหน้าของตัวเอง และเขาก็กลายเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่หน้าตาธรรมดาทันที

ส่วนซิงเฟยก็ไม่รอช้า เธอหยิบหน้ากากอ่อนนุ่มอันหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของ

เมื่อใส่หน้ากากบนใบหน้าแล้ว ใบหน้าของซิงเฟยก็เปลี่ยนไปทันที แต่เธอยังคงเป็นสาวงามอยู่

เธอดูฉลาดและซุกซนกว่าเมื่อก่อน แต่ก็ทำให้คนที่เคยเห็นเธอไม่สามารถลืมเธอได้

หลินหยุนลองใช้พลังสัมผัสดู ทำให้เขาอุทานด้วยความประหลาดใจ

ซิงเฟยที่ใส่หน้ากากแล้ว แม้แต่เขาก็ไม่สามารถสัมผัสได้ว่าเธอใส่หน้ากากอยู่

ซิงเฟยพูดด้วยความภาคภูมิใจ "เป็นไงบ้าง น่าตกใจใช่ไหม? นี่คือวิธีการของตระกูลซิง! ถึงแม้คุณจะอยู่แดนยาทอง แต่ถ้าไม่ได้สัมผัสด้วยมือจริงๆ คุณก็ไม่มีทางค้นพบว่ามันเป็นหน้ากาก!"

"สิ่งของเหล่านี้ของตระกูลซิงได้รับความนิยมมากๆ"

"เพียงแต่ผู้อาวุโสในตระกูลเป็นคนที่ขี้เกียจมากๆ เวลาทำหน้ากากก็ยุ่งยากมากๆ ทำให้หน้ากากแบบนี้ขายออกไปน้อยมากๆ!"

หลินหยุนพยักหน้า เขาเข้าใจได้ทันที มันเป็นของที่ไม่ธรรมดาจริงๆ

ซิงเฟยเดินนำอยู่ด้านหน้า ส่วนหลินหยุนเดินตามอยู่ด้านหลัง

ทั้งสองคนเดินไปยังทางเข้าทันที

เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินมา เนื่องจากซิงเฟยไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป สายตาของคนส่วนใหญ่ต่างมองไปที่พวกเขา

หูหลงรีบเดินมาทันที และถามซิงเฟยเบาๆ "ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมาจาก……"

ซิงเฟยพูดอย่างธรรมดาโดยไม่สนใจใคร "ตระกูลซิงจากเมืองเทียนเฟิง!"

ขณะพูด เธอก็หยิบป้ายประจำตระกูลซิงออกมาทันที

เมื่อเห็นป้ายประจำตระกูลแล้ว สีหน้าของหูหลงเปลี่ยนไปทันที สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคารพและพูด "คุณเป็นคนของตระกูลซิงนี่เอง คุณน่าจะเป็นคุณหนูของตระกูลซิงใช่ไหม? ข้าน้อยหูหลงขอคารวะ!"

"คุณหนูซิงเฟยเชิญขึ้นเขาได้!"

ขณะพูด เขาก็รีบหลีกทางให้เธอทันที

แต่ในเวลานี้ ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆหูหลง เขามองดูซิงเฟยทันที จากนั้นเขาก็เดินมากระซิบข้างหูของหูหลงทันที

สีหน้าของหูหลงเปลี่ยนไปทันที เขายืนขวางทางไว้อีกครั้งและมองไปที่ซิงเฟยแล้วพูด "คุณผู้หญิง ลูกน้องคนนี้ของฉัน เมื่อก่อนเคยเห็นหน้าคุณหนูซิงเฟยครั้งหนึ่ง แต่คุณผู้หญิงกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลซิงในความทรงจำของลูกน้องฉัน มันไม่เหมือนกันเลย!"

"คุณผู้หญิง สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เอาชื่อคนอื่นมาใช้ก็สามารถเข้าไปได้!"

"และสถานที่แห่งนี้ ไม่ได้มีแค่พวกเราตึกปาอิน ยังมียอดฝีมือของตระกูลใหญ่และสำนักต่างๆด้วย!"

"ถ้าคุณผู้หญิงต้องการมาหาเรื่อง ฉันคิดว่าคุณมาผิดที่แล้ว!"

เมื่อซิงเฟยได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที เธอพูดอย่างเย็นชา "พวกคุณตาบอดไปแล้วเหรอ! ตอนนี้ตึกปาอินอวดดีมากเกินไปแล้ว?"

"ตอนนี้พวกคุณกล้าขวางทางฉันที่เป็นคนของตระกูลซิงเหรอ"

"ฉันรู้สึกว่าตึกปาอินของพวกคุณไม่อยากอยู่อย่างสบายๆแล้วใช่ไหม?"

"ถ้าคุณสามารถเป็นตัวแทนของตึกปาอินได้ ถ้างั้นฉันจะพูดตรงนี้เลย!"

"แต่ถ้าคุณเป็นตัวแทนไม่ได้ ก็รีบไสหัวออกไปจากด้านหน้าฉันเดี๋ยวนี้!"

ขณะพูด ซิงเฟยก็ดึงกระบี่ยาวสีฟ้าที่อยู่บนเอวออกมาทันที

รังสีกระบี่ก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันที

ทำให้สีหน้าของผู้คนที่อยู่ข้างๆเปลี่ยนไปทันที

หูหลงรีบถอยหลังหนึ่งก้าวทันที เขาจำกระบี่เล่มนี้ได้

"กระบี่หลิงสุ่ย!"

"เธอคือคุณหนูซิงเฟยจริงๆ!"

ค่ายกลอันนี้ลึกล้ำมากๆ

แค่มองจากค่ายกลนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่สร้างค่ายกลนี้ขึ้นมาจะต้องเป็นผู้ชำนาญด้านค่ายกลมากๆ

และค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นมานานแล้ว

เนื่องจากมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าค่ายกลนี้ได้สูญเสียพลังจำนวนมากไปแล้ว

สายตาของหลินหยุนเปล่งประกายทันที

ถ้าพึ่งสร้างค่ายกลนี้เสร็จ ค่ายกลอันนี้จะไม่ใช่แบบนี้อย่างแน่นอน

หลินหยุนคาดเดาว่า คนที่สร้างค่ายกลอันนี้ออกมาน่าจะเป็นยอดฝีมือแดนยาทองบริบูรณ์ และกำลังจะเข้าสู่แดนจิตปฐมแล้ว!

สถานที่ลึกลับอันนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

เมื่อผางเห้อพูดจบ มีชายชราที่มีรูปร่างซูบผอมก็เดินออกมาทันที

"ฉันเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ผาง!"

"พวกเราสำนักสุริยันก็เห็นด้วย!"

"ถ้าพวกเรายังรออยู่แบบนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย!"

"พวกเรารวมพลังกันทำลายค่ายกลดีกว่า!"

ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้ซิงเฟยพูดอธิบาย หลินหยุนก็จำชายชรารูปร่างซูบผอมได้ทันที เขาคือคนของสำนักสุริยัน

เนื่องจากเขาสวมใส่ชุดสีแดง มันคือชุดที่บ่งบอกถึงฐานะของเขา

ซิงเฟยพูดเบาๆอีกครั้ง "คนๆนี้คือผู้อาวุโสรองของสำนักสุริยัน! เขาฝึกฝนถึงแดนยาทองระดับสาม เขาน่าจะเข้าสู่แดนยาทองระดับสี่ในไม่ช้า!"

หลินหยุนพยักหน้าและไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลย

แม้แต่คนของสำนักสุริยันก็ตอบตกลงแล้ว ทุกคนก็เริ่มก้มหน้าครุ่นคิดทันที

อย่าคิดว่าซ่านเต้าที่เป็นรองเจ้าสำนักสุริยันได้เสียชีวิตแล้ว

เรื่องนี้สำหรับสำนักสุริยัน แม้แต่ทุกคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มันก็เป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงมากๆ!

แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกดูแคลนสำนักสุริยันเลย เพราะสำนักสุริยันยังมีเจ้าสำนักใหญ่ที่เก็บตัวฝึกฝนอยู่ และสำนักสุริยันก็ยังคงเป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์