จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1199

สีหน้าของหลินหยุนเย็นชาทันที

ผางเห้อคนนี้หาเรื่องเขามาหลายรอบแล้ว เดิมทีเขาไม่ค่อยอยากจะใส่ใจเรื่องนี้ เพราะเขาไม่อยากมีปัญหาเพิ่ม

แต่คาดคิดไม่ถึงจริงๆว่าคนๆนี้จะหาเรื่องเขาอีก!

หลินหยุนมองผางเห้อด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยปากพูด "อาศัยคุณเหรอ?"

หลินหยุนเปล่งเสียไม่พอใจออกมาและพูดอย่างดูถูก "คุณก็เป็นแค่มดตัวเล็กๆเท่านั้น เดิมทีฉันไม่อยากจะสนใจคุณเลย แต่คุณปากมากเกินไป ถ้าคุณกล้าเอ่ยปากพูดอีก ฉันจะสังหารคุณตอนนี้เลย!

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหยุน ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

สายตาของทุกคนที่มองหลินหยุนราวกับมองดูคนโง่!

คนๆนี้บ้าไปแล้วใช่ไหม?

เขาเป็นคนรับใช้ของตระกูลซิง ทำไมเขาถึงใจกล้าและพูดกับผางเห้ออย่างนี้?

เด็กหนุ่มคนนี้สติฟั่นเฟือนไปแล้วเหรอ?

ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นแค่คนรับใช้ของตระกูลซิง ถึงแม้ผู้นำตระกูลซิงอยู่ตรงนี้ เขาก็ไม่กล้าพูดแบบนี้กับผางเห้ออย่างแน่นอน!

ผางเห้อโกรธมากๆ เขาหรี่สายตาทันที มองไปที่หลินหยุนและพูด "เด็กหนุ่ม เมื่อสักครู่คุณพูดอะไรนะ? ฉันฟังไม่ค่อยชัด คุณพูดอีกครั้งได้ไหม?"

สายตาของหลินหยุนเย็นชามากๆ เขาไม่ได้เอ่ยปากพูด แต่ต่อยหมัดออกไปทันที

ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าหลินหยุนจะกล้าลงมือกับผางเห้ออย่างนี้

หมัดที่ทรงพลังจนสามารถทำลายฟ้าดินถูกต่อยออกมาทันที

ทำให้ทุกคนตกตะลึงมากๆ

ทูตวิญญาณอู๋อิ่งและคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆผางเห้อ พวกเขารีบถอยหลังทันที

สายตาของพวกเขาต่างแสดงความตกตะลึงออกมา

คิ้วของผางเห้อกระตุกขึ้นมาทันที เขาคาดคิดไม่ถึงจริงๆ คนรับใช้ของตระกูลซิงคนนี้ จะมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้!

อย่างไรก็ตาม เขาเป็นยอดฝีมือแดนยาทองระดับสี่!

เขาเปล่งเสียงไม่พอใจออกมาและพูดอย่างดูถูก "คุณก็เป็นแค่คนรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น ยังกล้าลงมือกับฉันอีก คุณหาเรื่องตายชัดๆ!"

ขณะพูด เขาเอาแท่นค่ายกลผนึกพลังอันหนึ่งออกมาทันที จากนั้นก็โยนออกไป

จู่ๆแท่นค่ายกลก็ปลดปล่อยพลังที่มองไม่เห็นออกมา ราวกับว่ามันกลายเป็นตาข่าย และโอบล้อมพลังหมัดของหลินหยุนเอาไว้ด้านใน

เนื่องจากหมัดของหลินหยุนทรงพลังมากๆ ทำให้ตาข่ายโดนกระแทกจนแตกออกจากกัน

แต่ผ่านไปไม่นานก็มีตาข่ายอันใหม่เกิดขึ้นทันที และมันก็โอบล้อมพลังของหมัดเอาไว้ด้านในอีกครั้ง

ตาข่ายโดนกระแทกจนแตกสลายและเกิดขึ้นใหม่ถึงสามครั้ง ตาข่ายถึงสามารถต้านทานพลังหมัดของหลินหยุนเอาไว้ได้

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของผางเห้อในตอนนี้ขาวซีดขึ้นมาทันที

เห็นได้ชัดว่าเขาสูญเสียพลังไปไม่น้อย

เขาในเวลานี้ เมื่อมองไปที่หลินหยุน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเกรงกลัว

ผางเห้อเปล่งเสียงไม่พอใจออกมาและพูดอย่างเคร่งขรึม "ไม่แปลกใจเลยที่คุณกล้าพูดจาอวดดีอย่างนี้ คุณเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งนี่เอง! ฉันประเมินคุณต่ำไปจริงๆ!"

สายตาของทุกคนแสดงความตกตะลึงออกมา

และเข้าใจได้ในทันที

ไม่แปลกใจเลยที่เขาเดิมตามคุณหนูใหญ่ของตระกูลซิง

เขาเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากๆนี่เอง

ดูจากพลังของหมัดเมื่อสักครู่ อย่างน้อยเขาก็น่าจะเป็นยอดฝีมือแดนยาทองระดับสามแล้ว!

หลินหยุดพูดอย่างเย็นชา "ถ้าคุณกล้าพูดมากอีก ฉันจะสังหารคุณตอนนี้เลย!"

เมื่อผางเห้อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็พูดอย่างเย็นชา "งั้นคงต้องดูว่าคุณมีความสามารถขนาดนี้หรือเปล่า!"

ถึงแม้เขาจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ไม่กล้าดูถูกหลินหยุนเลย

ถึงแม้เขาจะเป็นยอดฝีมือแดนยาทองระดับสี่ แต่ความสามารถของเขาจะอยู่ด้านค่ายกลมากกว่า

ถ้าจะใช้ค่ายกลกักขังศัตรูเอาไว้ เรื่องนี้เขาถนัดมาก

แต่ถ้าต้องการสังหารศัตรู ถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือแดนยาทองระดับสาม เขาก็สังหารศัตรูได้ยาก

ถ้าใช้ค่ายกลกักขังศัตรู เขาอาจจะมีวิธีกักขังศัตรูแดนยาทองระดับห้าที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งได้!

แต่ถ้าสังหารศัตรู เขาสังหารยอดฝีมือแดนยาทองระดับสามที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งได้เท่านั้น!

ถึงแม้เขาจะไม่กลัวหลินหยุน แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าหลินหยุนแข็งแกร่งจริงๆ

ในเวลานี้ ทูตวิญญาณอู๋อิ่งที่อยู่ข้างๆหัวเราะออกมาและพูดกับหลินหยุน "พ่อหนุ่ม เมื่อสักครู่คุณบอกว่าค่ายกลนี้ชื่อว่าค่ายกลเกาะตัว และมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ทราบว่าจะทำลายค่ายกลนี้ยังไง?"

หลินหยุนพูดเบาๆ "มันไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลย พวกเราสามารถแบ่งคนเป็นสองกลุ่ม คนกลุ่มแรกโจมตีจุดๆหนึ่งของค่ายกล ก็เหมือนกับที่พวกคุณทำก่อนหน้านี้!"

"หลังจากคนกลุ่มแรกโจมตีแล้ว คนกลุ่มที่สองก็โจมตีไปยังอีกจุดหนึ่ง"

"เมื่อทำแบบนี้ การทำลายค่ายกลจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที!"

เมื่อได้ยินดังนี้ สายตาของทุกคนก็เปล่งประกายทันที

อู๋อิ่งพูดด้วยรอยยิ้มทันที "ดีเลย! ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉันคิดว่าพวกเราควรใช้วิธีของเด็กหนุ่มคนนี้! ทุกคนมีความเห็นอย่างไร?"

เมื่อได้ยินคำถามของอู๋อิ่ง ทุกคนต่างพยักหน้าทันที

สายตาของผางเห้อเปล่งประกายทันที แต่เขาก็ไม่ได้พูดปฏิเสธ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อคำพูดของหลินหยุนอยู่แล้ว

อะไรคือค่ายกลเกาะตัว!

เขาศึกษาค่ายกลมาเกือบทั้งชีวิต แต่เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย

ภายใต้คำสั่งของอู๋อิ่ง ทำให้พวกเขาแบ่งเป็นสองกลุ่มทันที

คนกลุ่มแรกมีทั้งหมดเกือบยี่สิบคน ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม

ผางเห้อเป็นผู้นำกลุ่มแรกในการโจมตี

เมื่อที่คนกลุ่มแรกกำลังโจมตีแล้ว ทูตวิญญาณอู๋อิ่งก็กลายเป็นผู้นำกลุ่มที่สองและพวกเขาปลดปล่อยพลังออกมา และหาตำแหน่งอีกจุดหนึ่ง และโจมตีใส่ทันที

การโจมตีของทั้งสองกลุ่มต่อๆกัน

เดิมทีค่ายกลที่แข็งแกร่งมากๆ จู่ๆมันก็สั่นไหวอย่างรุนแรง

ภูเขาเริ่มสั่นไหวและโยกเยกไม่หยุด

สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เลย

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกคนตื่นเต้นดีใจทันที

"มันมีประโยชน์จริงๆ!"

"ถ้าโจมตีอีกสองสามครั้ง ค่ายกลต้องโดนทำลายอย่างแน่นอน!"

มียอดฝีมือแดนยาทองระดับหนึ่งพูดด้วยความดีใจ

ทุกคนพยักหน้าทันที และรู้สึกตกตะลึงในใจ

มีสายตาของคนจำนวนไม่น้อยแอบมองไปที่หลินหยุน

ต่างก็แสดงความประหลาดใจออกมาเหมือนกัน

ทูตวิญญาณอู๋อิ่งรีบตะโกนพูดอย่างเคร่งขรึม "ทุกคนห้ามหยุด รีบโจมตีต่อเลย!"

การโจมตีต่อเนื่องอีกครั้ง

ภายหลังจากการโจมตีทุกๆครั้ง ค่ายกลที่มองไม่เห็นนั้นก็สั่นไหวอย่างรุนแรงมากขึ้น

เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง

"ตูม!"

มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้นทันที

ค่ายกลที่มองไม่เห็นนั้นโดนทำลายทันที

ในเวลานี้ ทุกคนเบิกสายตากว้าง

เดิมทีพวกเขาเห็นภูเขาที่อยู่ด้านหลังค่ายกล ตอนนี้มันเปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นสำนักร้างทันที

"อ๊าก……"

เมื่อมองเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ทุกคนอดไม่ไหวและอุทานออกมาทันที

สำนักร้างแห่งนี้ ถึงแม้มันจะถูกทำลายจนทรุดโทรมก็ตาม แต่ก็สามารถมองเห็นอย่างชัดเจน เมื่อก่อนมันเคยเป็นสำนักที่รุ่งเรืองมากๆ

ทุกคนตกใจมากๆจนหายใจเร็วขึ้นทันที

"คือ……"

"ที่นี่เคยเป็นสำนักยุคโบราณกาลเหรอ?"

"อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีบันทึกในตำราเลย สถานที่แห่งนี้เคยมีสำนักมาก่อน?"

โลกคุนชางมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากๆ

แต่ยุคโบราณกาลของโลกคุนชางเป็นยังไงนั้น ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย

สำหรับสำนักที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน พวกเขามีบันทึกเกี่ยวกับยุคโบราณกาลอยู่บ้าง

แต่ถึงแม้จะมีบันทึก แต่มันก็เป็นเพียงแค่ประโยคสั้นๆ มันไม่ได้มีข้อมูลที่สมบูรณ์เลย

ดังนั้นก็เลยทำให้นักบำเพ็ญเซียนในโลกคุนชางรู้เรื่องเกี่ยวกับยุคโบราณกาลจากการคาดเดาเท่านั้น

ผางเห้อหายใจลึกๆหนึ่งครั้ง เขาพูดพึมพำว่า "ที่นี่น่าจะเป็นสำนักแห่งหนึ่งอย่างแน่นอน!"

ผางเห้อกลืนน้ำลายตัวเอง สายตาของเขาเปล่งประกายและเอ่ยปากพูดทันที "ทุกท่าน! ข้างในมีอันตรายหรือไม่นั้น ไม่มีใครรู้ ใครสามารถได้ของล้ำค่าก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเองแล้ว! ฉันขอตัวเข้าไปก่อนละกัน!"

เมื่อพูดจบ ทุกคนเห็นร่างกายของเขาขยับและหายไปทันที



ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์