จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1221

สรุปบท บทที่ 1221 เมืองซิงหง: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 1221 เมืองซิงหง จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1221 เมืองซิงหง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“บอกมา ว่าคุณเป็นใครกันแน่? คุณมาจากไหนกันแน่?”

“ทำไมถึงรู้เรื่องที่เหลือเชื่อพวกนั้นมากขนาดนี้!”

“ทำไมแม้แต่เผ่ามังกรคุณยังรู้มากขนาดนี้เลย!”

“นี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่คุณถึงกับยังมีวิชาฝึกของวิญญาณอาฆาตอีกด้วย!”

“วิชาพินาศนิรยเหรอ?”

“ไม่ว่าจะเป็นชื่อของวิชานี้ หรือว่าจะเป็นวิธีที่คุณถ่ายทอดมา ก็มากพอที่จะบอกได้ว่า มันจะต้องเป็นวิชาฝึกฝนที่แข็งแกร่งมากจนเหลือเชื่อวิชาหนึ่ง!”

“ถ้าเป็นวิชาฝึกฝนธรรมดาละก็ ไม่จำเป็นจะต้องใช้จิตสำนึกในการถ่ายทอดวิชาเลย!”

“คุณสารภาพออกมาซะดีๆ คุณเป็นใครกันแน่?”

สำหรับความอยากรู้อยากเห็นในตัวของหลินหยุนนั้น ซิงเฟยทางนี้ก็ได้จุดประกายความสนใจขึ้นอย่างถึงที่สุดแล้ว

สำหรับหลินหยุนนั้น เธอรู้สึกแปลกใจมากจริงๆ!

หลังจากที่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับหลินหยุนยิ่งนานวันก็ลึกซึ้งมากขึ้น เธอคิดว่าเธอสามารถที่จะเข้าใจหลินหยุนได้ดียิ่งขึ้น

แต่กลับนึกไม่ถึงว่า กลับตรงกันข้ามกับความคิดของเธอโดยสิ้นเชิง

ไม่เพียงแต่ไม่ได้เข้าใจมากขึ้นแล้ว กลับรู้สึกว่าหลินหยุนยิ่งลึกลับมากขึ้นอีกด้วย

ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจแล้ว วันนี้จะต้องเค้นเอาความลับในตัวของหลินหยุนออกมาให้หมด ไม่งั้นก็จะไม่ยอมรามือเด็ดขาด!

เห็นท่าทางที่ซิงเฟยทำตาเขม็งใส่อย่างดุดัน หลินหยุนก็พูดอะไรไม่ออก

ได้แต่ทำตาถลนใส่เธอ แต่ไม่พูดอะไร

ซิงเฟยราวกับถูกทำร้ายอย่างแสนสาหัส บันดาลโทสะขึ้นมาทันที

“เออดีนะ คุณยังจะมาทำตาถลนใส่อีกเหรอ? เก่งมากนักสิ!”

“คุณไม่ใช่เย่อหยิ่งจองหองมากเหรอ?”

“นิสัยคุณไม่ใช่เยือกเย็นมากนักเหรอ?”

“แล้วยังไง คนที่เย่อหยิ่งขนาดนี้ คนที่เยือกเย็นขนาดนี้ ก็ยังรู้จักทำตาถลนใส่คนอื่นด้วยเหรอ?”

“รีบบอกมาเลย! ฉันขอบอกคุณไว้ก่อนเลยนะ อย่าคิดว่าจะทำมั่วผ่านไปแบบนี้ และอย่าคิดว่า ไม่ยอมพูดอะไรออกมาแล้วเรื่องก็จะจบลงด้วย!”

“ฉันบอกคุณเลย เป็นไปไม่ได้!”

“วันนี้คุณจะต้องเปิดเผยความลับในตัวของคุณออกมาให้หมด!”

ซิงเฟยเชิดหน้าจนคางชี้ขึ้นฟ้า แทบจะใช้จมูกมองดูหลินหยุน

หน้าอกที่เต่งตึงคู่นั้น ก็ตั้งชันสูงขึ้นเช่นกัน

ตอนนี้ ห่างจากหน้าอกของหลินหยุน ประมาณเพียงแค่ 0.03 เซนติเมตรเท่านั้นเอง.........

หลินหยุนพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง

มองไปยังซิงเฟยอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “ถ้าหากที่นี่เป็นที่อื่นละก็ พฤติกรรมของคุณแบบนี้ เกรงว่าคงตายไปหมื่นครั้งแล้วล่ะ!”

ซิงเฟยไม่ฟังเหตุผลใดเลย ทำเสียงฮื่อใส่แล้วพูดว่า “ยังไงฉันก็ไม่สน! คุณจะต้องบอกฉันมา!”

หลินหยุนเอามือของซิงเฟยที่วางอยู่บนแขนของเขาลงไป

ส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ไม่มีเรื่องอะไรที่คุณสามารถทำได้ดั่งใจทุกอย่างตามที่ตัวเองต้องการหรอก!”

อย่าว่าแต่ซิงเฟยเลย ต่อให้เป็นเขาเอง ที่เป็นถึงกษัตริย์เซียนเมื่อชาติที่แล้ว ก็ยังเป็นเช่นนี้เหมือนกันเลย!

หยุดชะงักไปสักครู่ หลินหยุนก็พูดว่า “ถ้าหากคุณอยากรู้จริงๆ งั้นก็ต้องรอให้ตอนที่คุณสามารถสู้ชนะฉันได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

ซิงเฟยได้ยินดังนั้น ก็เหลือบตามองบนทันที พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “งั้นก็ต้องรอชาติหน้าตอนบ่ายๆแล้วมั้ง? สงสัยรอให้ฉันตายแล้วก็ยังไม่รู้เลย!”

หลินหยุนก็ขมวดคิ้ว พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “ถ้าความเชื่อมั่นแค่นี้ก็ยังไม่มีเลย งั้นคุณก็ไม่ต้องฝึกฝนอีกต่อไปแล้ว!”

พูดพลางก็นั่งขัดสมาธิลง แล้วสำรวจดูเกล็ดมังกรที่อยู่ในมืออย่างละเอียดถี่ถ้วน

ซิงเฟยโกรธจนควันออกหู แต่ก็ทำอะไรหลินหยุนไม่ได้

นอกจากอาละวาดแล้ว เธอก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว

จะสู้กับเขาก็สู้ไม่ได้ อาละวาดก็ไม่ได้ผล จึงต้องจำยอมเลิกราไปด้วยความคับแค้นใจ

หลินหยุนสัมผัสหยั่งรู้เกล็ดมังกรสักพักหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองไปยังซิงเฟยแล้วถามว่า “รู้ไหมว่าข้างหน้ามีเมืองใหญ่อะไรอยู่หรือเปล่า?”

“ไม่รู้!”

ซิงเฟยทำตาค้อนใส่หลินหยุนด้วยความโกรธ แล้วสะบัดหน้าไปทางอื่น

“เลิกเล่นได้แล้ว ฉันต้องการหาซื้อของบางอย่าง!”

“ถ้าเป็นตลาดในเมืองเล็กๆ คงหาซื้อไม่ได้”

ซิงเฟยเบ้ปากแต่ก็หายโกรธลงบ้างแล้วจึงพูดว่า “จากนี้ไปอีกหลายร้อยลี้ ออกจากเทือกเขานี้ไปก็จะมีเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ชื่ออะไรฉันก็จำไม่ได้แล้ว!”

ถึงแม้ว่าเขามั่นใจในพลังฝึกฝนของตัวเองมากก็ตาม

แต่ในฐานะที่เป็นกษัตริย์เซียน จะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองต้องเสียโอกาสไปได้เลย

ประสบการณ์ทั้งหมดในชาติที่แล้วทำให้เขาเข้าใจว่า ไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม ต้องเหลือไพ่ใบสุดท้ายไว้บ้าง จึงจะสามารถรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้

เมื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้แล้วจึงจะมีโอกาสส่งเสียงพูดออกมาได้

เมื่อชาติที่แล้วหลินหยุนก็ทำเช่นนี้ จึงจะสามารถเป็นกษัตริย์เซียนได้ในที่สุด

เมื่อกลับชาติมาเกิดในชาตินี้แล้ว ก็ย่อมต้องเป็นเช่นนี้ ที่จะต้องพยายามเก็บรวบรวมไพ่ใบสุดท้ายไว้อย่างไม่หยุดหย่อน

แน่นอน เกล็ดมังกรของมังกรมืดชิ้นนี้หาได้ยากยิ่งนัก

ถ้าหากเพียงแค่ต้องการหลอมของวิเศษที่ใช้เหาะหนีชิ้นหนึ่งละก็ ไม่จำเป็นต้องใช้ วัตถุดิบอื่นอีกแล้ว

หลินหยุนคิดอยากจะเพิ่มพลังให้กับของวิเศษที่ใช้เหาะหนีมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องการซื้อหาวัตถุดิบบางอย่าง

ทั้งสองคนก็เดินไปตลาดขนาดใหญ่สี่ห้าแห่งแล้ว ในที่สุดก็หาซื้อวัตถุดิบหลายชนิดตามที่ต้องการได้แล้ว

หลังจากนั้นก็ไปหาโรงเตี๊ยมสำหรับผู้บำเพ็ญเซียนโดยเฉพาะ

ทั้งสองเข้าไปในห้องแล้ว หลินหยุนก็วางค่ายกลไว้ทันที จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลง

แล้วหยิบเอาเกล็ดมังกรและยังมีวัตถุดิบหลายชนิดที่เพิ่งหาซื้อมาได้ออกมาจนหมด

ซิงเฟยก็ถามขึ้นว่า “คุณบอกว่าคุณต้องการหลอมเครื่องรางเหรอ? คุณคงไม่ใช่จะเอาจริงใช่ไหม?” คุณหลอมเครื่องรางได้จริงเหรอ?”

ในระหว่างที่หาซื้อวัตถุดิบนั้น หลินหยุนบอกว่าจะเอาไปใช้กับเกล็ดมังกรในการหลอมเครื่องราง ซิงเฟยก็ยังไม่เชื่อ

ตอนนี้ แม้แต่วัตถุดิบจำเป็นที่จะต้องใช้ก็ได้หาซื้อมาครบแล้ว มิหนำซ้ำหลินหยุนก็กำลังลงมือแล้ว เธอก็ยังไม่ยอมเชื่ออีก

พูดเป็นเล่นไป หลอมเครื่องรางเหรอ?

นักหลอมเครื่องรางคนไหนไม่ใช่อายุแก่ขนาดเจ็ดแปดสิบปีกันทั้งนั้นล่ะ!

ถ้ามองในอีกแง่หนึ่ง การหลอมเครื่องรางก็ยังยุ่งยากกว่าการกลั่นยาเสียอีก

อีกอย่าง นั่นจะต้องใช้วัตถุดิบนับพันนับหมื่นชิ้นมากองรวมกันด้วยซ้ำไป

หลินหยุนเพิ่งจะอายุเท่าไหร่?

เขาสามารถหลอมเครื่องรางได้เหรอ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์