อ่านสรุป บทที่ 1222 คุณหลอมเครื่องรางแบบนี้เหรอ จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่
บทที่ บทที่ 1222 คุณหลอมเครื่องรางแบบนี้เหรอ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จูผาซู่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
หลินหยุนไม่ได้ตอบอะไร กำลังขับเคลื่อนพลังฝึกฝน
จากนั้นก็มีเปลวไฟปรากฏเกิดขึ้นบนฝ่ามือของเขา
วัตถุดิบเสมือนจริงที่เพิ่งซื้อมาใหม่สองชนิด ก็ถูกหลินหยุนเอามาไว้ในมือ
เพ่งกระแสดวงจิต เปลวไฟก็เริ่มเผาวัตถุดิบทั้งสองนั้น
เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ซิงเฟยก็ถึงกับอึ้งไปทันที!
นี่คือการหลอมเครื่องรางเหรอ?
คุณบอกฉันมาว่านี่เรียกว่าหลอมเครื่องรางเหรอ?
นี่เรียกว่าสุรุ่ยสุร่ายดีกว่าไหม?
เพื่อหาซื้อวัตถุดิบเสมือนจริงพวกนี้แล้ว ต้องเสียค่าใช้จ่ายถึงหลายพันหยดชี่ทิพย์ไปเลย!
สิ้นเปลืองเปล่าๆอย่างนี้เหรอ?
ตระกูลไหนหลอมเครื่องรางแบบนี้กัน?
ซิงเฟยรีบตะคอกว่า “หลินหยุน! คุณบ้าแล้วเหรอ? คุณนี่เห็นว่ามีซี่ทิพย์มากเกินไป เกรงว่าเผาไม่ทันเหรอไง?”
สายตาหลินหยุนส่องประกายวับทันที แล้วพูดด้วยเสียงเข้มว่า “หุบปากเลย ไม่งั้นก็รีบออกไปซะ!”
จากนั้นก็ละสายตากลับมา แล้วใช้เปลวไฟบนฝ่ามือเผาวัตถุดิบต่อไป
ในไม่ช้า หลังจากที่เปลวไฟเผาไหม้แล้ว วัตถุดิบก็ค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
เศษผงเถ้าถ่านที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้นั้น ก็ถูกกำจัดออกไปจนหมด
วัตถุดิบนั้นก็กลายเป็นของเหลวที่ใสสะอาดหมดจด
หลินหยุนพลิกฝ่ามือไปหยิบขวดหยกใบหนึ่งออกมา แล้วใส่ของเหลวนั้นลงไปข้างใน
หลังจากนั้นก็เริ่มหลอมวัตถุดิบชนิดที่สอง
หลังจากวัตถุดิบชนิดที่สองถูกหลอมจนกลายเป็นของเหลวที่ใสสะอาดหมดจดเช่นเดียวกันแล้ว ซิงเฟยในตอนนี้ก็ช็อกจนอ้าปากค้าง
แต่ว่านี่ยังไม่จบ
ในขณะที่หลินหยุนกำลังหลอมเกล็ดมังกรนั้น เกล็ดมังกรในมือก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปทรงและสีสันอยู่ตลอดเวลา หลินหยุนก็เริ่มเอาของเหลวที่ได้มาเมื่อครู่นี้ทยอยเทลงไปในนั้นด้วย
อีกทั้งยังปล่อยตราประทับคาถาออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
ทุกครั้งที่ตราประทับคาถาออกมานั้น บนเกล็ดมังกรก็จะเกิดลายเส้นสีทองออกมาหนึ่งเส้น
ในไม่ช้า เกล็ดมังกรก็กลายเป็นใบไม้สีดำแผ่นขนาดเท่าฝ่ามือ
บนแผ่นสีดำนั้น ก็เกิดมีลายเส้นสีทองปกคลุมเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
หนึ่งเส้น
สองเส้น
สามเส้น............
ในไม่ช้าก็มากเกินกว่าสิบสองเส้นแล้ว
ทันทีที่เกิดลายเส้นสีทองเส้นที่สิบสามขึ้นนั้น ก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวระเบิดออกมา
ราวกับว่ามีพลังสายฟ้าที่มองไม่เห็น หมุนวนเวียนอยู่ข้างบน แล้วผ่าลงบนแผ่นสีดำนั้นอย่างต่อเนื่อง
ในมือของหลินหยุนก็ยังไม่ยอมหยุด ปล่อยตราประทับคาถาออกไปเรื่อยๆ ลายเส้นสีทองก็เกิดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
ในไม่ช้าก็เกิดเป็นลายเส้นสีทองมากกว่าสามสิบหกเส้นแล้ว
ในเวลานี้ สีหน้าหลินหยุนก็เริ่มเปลี่ยนเป็นขาวซีดด้วยเช่นกัน
บนหน้าผาก ก็เริ่มมีหยดเหงื่อเม็ดเล็กๆปรากฏขึ้นตลอดเวลา
ซิงเฟยก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ลายเส้นสีทองมีมากเกินกว่าสามสิบหกเส้นแล้วนะ!
การหลอมเครื่องรางในโลกคุนชางมีการแบ่งแยกระดับชั้นอย่างละเอียดมาก
ลายเส้นสีทองสิบสองเส้นเรียกว่า เครื่องราง
ถัดจากนั้นเพิ่มขึ้นอีกทุกๆสิบสองเส้น ก็ยกระดับขึ้นเป็นอีกเกรดหนึ่ง
ลายเส้นสีทองสามสิบหกเส้น นั่นก็คืออยู่ในระดับเครื่องรางชั้นสูงทั้งหมดแล้ว
แต่ว่าหลินหยุนก็ยังไม่ยอมหยุด และทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ในไม่ช้า
สี่สิบแปดเส้น
หกสิบเส้น
เจ็ดสิบสองเส้น
แปดสิบสี่เส้น.........
จนถึงลายเส้นสีทองเส้นที่แปดสิบเก้าปรากฏขึ้นนั้น
หลินหยุนจึงถอนหายใจเฮือกออกมา
ในที่สุดก็หยุดลง
ส่วนแผ่นที่เดิมทีเป็นสีดำนั้นเป็นเพราะว่ามีเส้นสีทองจำนวนมากปกคลุมอยู่ด้านบน จึงกลายเป็นสีทองแล้ว
กลายเป็นแผ่นทองไปแล้ว
ต่อให้ได้เห็นกับตาตัวเอง ต่อให้ได้สัมผัสด้วยตัวเอง เธอก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อเช่นเดิม
มีวิธีการหลอมเครื่องรางแบบนี้ด้วยเหรอ?
อีกทั้งเธอยังสงสัยว่าหลินหยุนกำลังใช้คาถาเวทมนตร์พรางตาอะไรด้วยซ้ำไป!
หลินหยุนก็ไม่อยากจะพูดอะไรอีก รีบไล่เธอกลับไปห้องของตัวเอง แต่ว่าเธอยังไงก็ไม่ยอม จะต้องให้หลินหยุนพูดมาว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่
หลินหยุนจนปัญญา จึงได้แต่แข็งขืนส่งเธอออกไปจนได้
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็เดินทางออกจากเมืองซิงหง นั่งรถเมฆมุ่งหน้าไปยังเมืองเทียนหยุนต่อไป
ซิงเฟยบังคับรถเมฆไปพลาง ก็ยังคงถามเรื่องของเมื่อวานกับหลินหยุนไปพลาง
เธอก็ยังคงไม่เชื่อว่าหลินหยุนนั้นเป็นการหลอมเครื่องรางจริงๆ
หลินหยุนกลับไม่ตอบอะไรเลย นั่งขัดสมาธิลงแล้วฝึกฝนยาทองระดับสองของเขาให้มั่นคงยิ่งขึ้น
หลังจากผ่านไปสิบกว่าวัน
ในที่สุดทั้งสองคนก็มาถึงเมืองเทียงหยุนแล้ว
แน่นอนที่ว่า เมืองเทียนหยุนนั้น ใหญ่โตและอลังการกว่าเมืองซิงหงมากจริงๆ
มองดูเมืองขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ซิงเฟยก็พูดอย่างเคร่งเครียดอีกครั้งว่า “คุณบอกความจริงกับฉันมาว่า คุณมาที่เมืองเทียนหยุนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่? ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ อย่างน้อยคุณก็ต้องให้ฉันได้เตรียมตัวเตรียมใจบ้างได้ไหม?”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “ฆ่าคน!”
ซิงเฟยได้ยินคำดังนั้น ดวงตาที่สะสวยก็เยือกเย็นทันที ในใจก็คิดว่าเป็นอย่างนี้จริงๆด้วย ฉันเดาออกแต่แรกแล้ว
แต่ว่าเมื่อได้ยินหลินหยุนพูดออกจากปากตัวเอง ก็ทำให้เธอรู้สึกกดดันมากยิ่ง
มาฆ่าคนถึงที่เมืองเทียนหยุนทางนี้
ฆ่าใครกัน?
เมื่อปะติดปะต่อเรื่องเกี่ยวกับสำนักฉีซานและสำนักเทียนหยุนที่หลินหยุนเคยได้สอบถามอย่างละเอียดก่อนหน้านั้นแล้ว
แทบจะไม่ต้องคิดอะไรมาก คนโง่ก็ยังคิดออกเลย
จะต้องเป็นคนของสำนักเทียนหยุนอย่างแน่นอน!
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาที่สะสวยส่องประกายวาววับ แล้วพูดเสียงแข็งว่า “ฉันจะต้องเตือนคุณอย่างเคร่งเครียดอีกครั้ง! สำนักเทียนหยุนไม่ใช่สำนักสุริยันนะ! ทั้งสองไม่สามารถเทียบกันได้เลยแม้แต่นิดเดียว!”
“สำนักเทียนหยุนคือหนึ่งในเก้าสำนักที่เป็นของจริงแท้แน่นอน!”
“เมื่อเปรียบเทียบสำนักสุริยันกับสำหนักเทียนหยุนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว มันก็เหมือนกับความแตกต่างระหว่างแสงหิ่งห้อยกับแสงพระจันทร์!”
“ถ้าคุณฆ่าคนของสำนักเทียนหยุนละก็!”
“แล้วก็ยังอยู่ในเมืองเทียนหยุนนี้อีกด้วย ถึงเวลานั้น ต่อให้พวกเราคิดจะหนีก็ไม่มีทาง เป็นไปได้เลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...