จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 123

สรุปบท บทที่ 122 เจี่ยงสงโชคร้ายแล้ว: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปเนื้อหา บทที่ 122 เจี่ยงสงโชคร้ายแล้ว – จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บท บทที่ 122 เจี่ยงสงโชคร้ายแล้ว ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จูผาซู่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 122 เจี่ยงสงโชคร้ายแล้ว

เมื่อได้เห็นท่าทางเย่อหยิ่งของคุณฉี เจี่ยงสงก็ทำได้แค่ยิ้มไปกับเขาเท่านั้น เพราะต่อจากตอนนี้ไป เขาจำเป็นจะต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่คุณฉีแล้ว

แต่ผลประโยชน์ในการประลองยุทธครั้งนี้ มันมากเหลือเกินจริงๆ ยังไงก็จำเป็นต้องทำให้ถึงขั้นไร้ข้อผิดพลาดให้จงได้

อารมณ์ตอนนี้ของเจี่ยงสง สามารถตีความได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยบทเพลงบทหนึ่งที่ชื่อว่า《Coming Back Soon》

"คุณหลิน! คุณรีบกลับมาเร็วๆเข้าเถอะ!" เจี่ยงสงแอบอธิษฐานในใจเงียบ ๆ

ในเวลานั้น ในโซนที่นั่งชมด้านหลังแถวที่แปด ชายซึ่งสวมสร้อยทองเส้นใหญ่ที่คอ อายุอานามน่าจะราวๆห้าสิบ ก็ชี้ไปที่อัฒจันทร์ของผู้ทรงอิทธิพลทั้งสี่ซึ่งอยู่ด้านหน้า พูดด้วยสีหน้าและแววตาที่เลื่อมใสว่า

"เห็นหรือยัง ผู้ชายที่มีเคราเต็มหน้าคนนั้นแหล่ะ คือเจี่ยงสง ขาใหญ่ของหลินโจวล่ะ "

ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งที่อยู่ถัดไป คือคู่พี่น้องเฉินฟาง

คนที่พูดแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จัก คือพ่อของพวกเขา เฉินต้าเจียง

"นอกจากนี้ ยังมีผู้ชายที่กำลังหมุนวอลนัทสองลูกเล่นในมือนั่นอีกคน เขาคือขาใหญ่แห่งเมืองเหมียนหยาง เจิ้งเทียนหว้า"

พวกเฉินหมิงวั่งทั้งสอง ไม่ได้มองไปที่เจิ้งเทียนหว้า แต่มองไปที่สาวสวยชุดขาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เจิ้งเทียนหว้าแทน

"พี่ชาย นั่นเจิ้งหงยู่ไม่ใช่เหรอ?"

"เป็นเธอจริง ๆ นั่นแหล่ะ! ช่างโดดเด่นเหนือใครจริงๆ! ให้ความรู้สึกเหมือนนกกระเรียนที่ยืนอยู่ในฝูงไก่เลยเนอะ!" แววตาของเฉินหมิงวั่งลุกเป็นประกายเจิดจ้า แต่เขาก็รู้ดีว่าชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีหวังจะเอื้อมไปถึงเธอได้แน่

ตระกูลเฉินนับเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี แม้ว่าจะทำธุรกิจได้ไม่เลว แต่ก็ยังห่างชั้นจากผู้ทรงอิทธิพลตัวจริง ชนิดที่เรียกได้ว่าห่างกันไกลราวฟ้ากับดิน

ตลอดชีวิตนี้ เจิ้งหงยู่ไม่มีวันเห็นเขาในสายตาได้

ที่นั่งในสนามประลองยุทธ ก็มีความพิถีพิถันมากเช่นกัน

พูดแบบเปิดเผยเลยก็คือ ใครก็ตามที่ทรงอำนาจและสถานะสูง คนนั้นก็จะได้นั่งอยู่ในแถวหน้า

ที่นั่งของตระกูลเฉินอยู่แถวที่แปด เช่นเดียวกับหลี่เมิ่งที่เล่นพนันกับเฉินหมิงวั่งไปเมื่อวาน ที่นั่งของพวกเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในแถวที่ห้า

แน่นอนว่า ที่ด้านหลังยังมีอันดับที่เก้า ที่สิบไปจนถึงที่ยี่สิบเลยด้วยซ้ำ

หลังจากขาใหญ่ทั้งสี่มาถึง คนสวมหน้ากากและเสื้อคลุมแบบยาวหลายคน ก็ก้าวขึ้นไปบนสังเวียน

อันดับแรก คือการทำพิธีสักการะในท่วงท่าพ่นฟ้าพ่นดินพ่นอากาศ ตามด้วยการพูดอะไรอีกมากมายหลายอย่างที่ฟังไม่รู้เรื่อง จากนั้นคือการดื่มเหล้าสาบานผสมเลือด ต่อด้วยการจุดธูป หลังจากผ่านพ้นพิธีการอันวุ่นวายซับซ้อนไป ในที่สุด การประลองก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเสียที

ขาใหญ่แห่งเมืองเหมียนหยาง เจิ้งเทียนหว้าเป็นคนแรกที่เอ่ยปากพูด เขากับเจี่ยงสงเป็นคู่ปรับเก่าแก่กันมานานแล้ว

อีกทั้งคราวนี้เป็นข้อพิพาทที่ใหญ่ที่สุดของทั้งสองคน ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มากที่สุดอีกด้วย

“ท่านเจี่ยง ดูเหมือนคุณจะแย่งอำเภอจินซานไปจากมือผมราว ๆ สามปีได้แล้วสินะ วันนี้ถึงเวลาที่ควรจะคืนมาให้ผมได้แล้วล่ะมั๊ง?”

อำเภอจินซานเป็นเพียงอำเภอเล็ก ๆ แต่มีภูเขาอยู่มากมาย การที่มีภูเขาหลายลูก ไม่ได้ทำให้ทั้งสองแก่งแย่งแข่งขันกันได้ แต่เป็นเพราะสายแร่มากมายในภูเขาต่างหาก

นักธุรกิจจำนวนมาก พากันเดินทางมาที่อำเภอจินซานเพื่อขุดเหมือง ขับเคลื่อนให้เกิดชุดโรงงานที่ซัพพอร์ตการสร้างอุปกรณ์สายหลักสายหนึ่งขึ้นมา

ในที่สุด ก็กลายเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางกลุ่มหนึ่ง

จากนั้นอำเภอจินซาน ก็กลายเป็นชิ้นเนื้ออันแสนอุดมสมบูรณ์ ที่ทั้งเจี่ยงสงและเจิ้งเทียนหว้าอยากจะกัดให้แน่นชนิดไม่ยอมปล่อย

นับตั้งแต่อำเภอจินซานกลายเป็นเค้กก้อนโต การต่อสู้ของเจี่ยงสงกับเจิ้งเทียนหว้า ก็ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยว่างเว้นอีกเลย

แต่เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจี่ยงสงเป็นฝ่ายที่เอาชนะได้มาโดยตลอด ดังนั้นอำเภอจินซานจึงอยู่ภายใต้เงื้อมมือของเจี่ยงสงเสมอมา

จนถึงตอนนี้ อำเภอจินซานนั้น ถือได้ว่าเป็นแหล่งรายได้หนึ่งในสามของเจี่ยงสงไปแล้ว

ดังนั้น เจี่ยงสงจึงไม่อาจยอมเสียมันไปได้อย่างเด็ดขาด

เจี่ยงสงคร้านจะพูดเรื่องไร้สาระกับเจิ้งเทียนหว้า แค่พูดออกไปตรงๆว่า "เจิ้งเทียนหว้า หยุดพูดเรื่องไร้สาระเถอะน่า ถ้าแกชนะ อำเภอจินซานจะเป็นกรรมสิทธิ์ของแก"

"ดี!" เจิ้งเทียนหว้าหันหน้าไป แล้วมองชายวัยกลางคนในชุดกังฟูสีดำที่อยู่ข้างๆเขา

“คุณหลี คราวนี้ต้องพึ่งคุณแล้วนะ!”

"ท่านเจิ้งโปรดวางใจได้" คุณหลีกระโดดขึ้นไปข้างหน้า แล้วร่อนลงบนขอบสังเวียนอย่างราบรื่น งามสง่าราวกับห่านป่าสยายปีกเหินบิน

เจี่ยงสงมองไปที่คุณฉี เอ่ยถามขึ้นว่า "คุณฉี คุณแน่ใจว่าจะสู้ชนะเขาได้ไหม?"

คุณฉีสีหน้าเย่อหยิ่งไม่เปลี่ยน "คุณเจี่ยงวางใจเถอะ ต่อให้ใช้การไม่ได้ยังไง  ก็ยังแข็งแกร่งกว่าไอ้เด็กที่ผมไฟเพิ่งงอกที่คุณเชิญมาคนนั้นแน่นอน!"

พูดจบ คุณฉีก็กระโดดไปข้างหน้า ท่วงท่าปราดเปรียวแผ่วเบาเหมือนแมว เหินทะยานขึ้นไปบนสังเวียนอย่างรวดเร็ว

กรรมการผู้ตัดสินรีบวิ่งเข้าไปถามอาการของคุณฉี แต่คุณฉีแค่ยกมือขึ้นสูง แล้วพูดออกมาว่า "ฉันขอยอมแพ้!"

คุณหลีเอามือทั้งสองประสานกันแล้วยกขึ้นในระดับหน้าอก พูดขึ้นว่า "ขอน้อมรับไว้แล้ว!"

กรรมการผู้ตัดสินจึงประกาศผลว่า เจิ้งเทียนหว้าเป็นฝ่ายชนะ

เจิ้งเทียนหว้าหัวเราะร่าอย่างมีชัย "ฮ่าๆๆ ท่านเจี่ยง ทางนี้เองก็ขอน้อมรับไว้ล่ะนะ!"

สีหน้าเจี่ยงสงมืดมนสุดขีด พูดอย่างเย็นชาว่า "ไม่ต้องมาทำหน้าไหว้หลังหลอกหน่อยเลย นับจากนี้อำเภอจินซานเป็นของแก!"

ในอัฒจันทร์ของฝั่งเมืองลี่ชวน หานกั๋วเฉียงที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของเขาเงียบ ๆ ถามชายชราที่อยู่ข้างๆเขา "ลุงฉิน คนคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ถ้าคุณต้องประมือกับเขา คุณพอจะมีโอกาสชนะเขาได้สักกี่ส่วน?"

แม้ว่าลุงฉินจะเป็นคนหลังค่อม แต่สายตาที่เขามองคุณหลีกลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง "คุณหานโปรดวางใจเถอะ เขาไม่ใช่คู่มือของผมหรอก!"

"ถ้าอย่างนั้นก็ดี!" หานกั๋วเฉียงแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เจิ้งเทียนหว้าชนะไปแล้วตาหนึ่ง พูดด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวาว่า "ท่านเจี่ยง ปัญหาของอำเภอจินซานแก้ไขได้เรียบร้อยแล้ว แต่ปัญหาทางทิศตะวันออกของหยางกวงยังไม่ได้รับการแก้ไขเลยนะ ไม่สู้พวกเรามาตัดสินกันวันนี้ไปเลยดีกว่ามั้ย!"

"เจิ้งเทียนหว้า อย่าให้มันมากเกินไปนัก!" เจี่ยงสงผุดลุกขึ้นยืนทันที ต่อให้คิดจะค้ากำไรเกินควรจากใคร ก็ไม่น่าจะมาคิดเอาเปรียบจากเจ้าเดิมซ้ำๆอย่างนี้หรอกมั้ง?

อำเภอจินซานก็ยกให้แกแล้วไง นี่แกยังคิดได้คืบจะเอาศอกอีกเรอะ!

เจิ้งเทียนหว้าหัวเราะอย่างลำพองใจ "ท่านเจี่ยง ทำไมถึงต้องโมโหโกรธาขนาดนั้นด้วยล่ะ? หรือเพราะท่านเจี่ยงไม่มีใครในมือแล้วอย่างนั้นเหรอ?"

เจี่ยงสงหันไปมองคุณฉี ที่เดินกลับมาในสภาพสะบักสะบอม ถามอย่างวิตกกังวลว่า

"คุณฉี ยังพอจะสู้อีกสักครั้งไหวไหม?"

คุณฉีส่ายหน้า "ขอโทษด้วยท่านเจี่ยง ผมไม่มีแรงพอจะสู้ได้อีกแล้ว!"

เจี่ยงสงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง คุณฉีสูญเสียพลังที่จะใช้ต่อสู้ไปจนหมดแล้ว หลินหยุนก็ไม่อยู่อีก ในการศึกครั้งนี้ไม่มีใครที่เขาจะเรียกใช้ได้อีกแล้ว!

"ได้! เจิ้งเทียนหว้า ถือว่าฉันยอมจำนน อาณาเขตทั้งหมดที่อยู่ทางตะวันออกของหยางกวงเป็นของแก!"

"ฮ่าๆๆ ผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ ท่านเจี่ยงช่างเป็นคนที่ฉลาดเสียจริง!" ในใจของเจิ้งเทียนหว้านึกลำพองสุดขีด ในที่สุดคราวนี้ก็เหยียบเจี่ยงสงลงไปไว้ใต้ฝ่าเท้าได้ซะที!

เจี่ยงสงกัดฟันระงับความโกรธไว้ในใจ "ไอ้คนแซ่เจิ้ง เชิญแกลำพองใจไปก่อนเถอะ รอให้คุณหลินกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะเอาคืนให้หมดทั้งต้นทั้งดอกเลยคอยดู!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์