จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 124

สรุปบท บทที่ 123 ปรมาจารย์กู่ผู้สร้างความตกตะลึงแก่ผู้ชมทั้งสนาม: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

บทที่ 123 ปรมาจารย์กู่ผู้สร้างความตกตะลึงแก่ผู้ชมทั้งสนาม – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอนนี้ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 123 ปรมาจารย์กู่ผู้สร้างความตกตะลึงแก่ผู้ชมทั้งสนาม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 123 ปรมาจารย์กู่ผู้สร้างความตกตะลึงแก่ผู้ชมทั้งสนาม

เจิ้งเทียนหว้าชนะไปเลยสองตาติด จิตใจจึงเต็มไปด้วยความกระชุ่มกระชวยสุดขีด ทำท่าทางราวกับว่าใต้หล้านี้ไม่มีใครชนะตัวเองได้อีกแล้ว

"ยังมีใครอีกมั้ย?" เจิ้งเทียนหว้าตะโกนถาม

สีหน้าของเจี่ยงสงเขียวคล้ำแทบดูไม่ได้ แต่เพราะหลินหยุนยังไม่กลับมา เขาจึงทำได้เพียงปล่อยให้เจิ้งเทียนหว้าหยิ่งผยองไปก่อน

"เสี่ยวยู่ รีบไปโทรหาคุณหลินเดี๋ยวนี้เลย ถ้าคุณหลินกลับมาเมื่อไหร่ ให้แจ้งฉันทันที!"

"ได้ค่ะ!" เสี่ยวยู่หันหลังแล้ววิ่งออกไปทันที

ลุงฉินที่อยู่ถัดจากหานกั๋วเฉียงเริ่มจะทนดูต่อไม่ไหว คิดจะออกไปสู้สักฉาก แต่ก็ถูกหานกั๋วเฉียงหยุดเอาไว้

"ไม่ต้องรีบร้อนไป รอก่อน ฉันเอาแต่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเจียงจงโหยว เมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นคนสุขุมนิ่งเงียบอะไรขนาดนี้"

ลุงฉินเหลือบมองเจียงจงโหยวด้วยแววตาแฝงความดูถูก "คุณหาน ที่อัฒจันทร์ของเขาไม่มีนักบู๊พรสวรรค์แม้แต่คนเดียว ผมว่าครั้งนี้เขาไม่น่าจะมีความหวังอะไรแล้วล่ะ!"

หานกั๋วเฉียงพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำว่า “ เป็นเพราะสาเหตุนี้แหล่ะ ดังนั้นฉันถึงได้คิดว่าเขาแปลกไป ไม่อย่างนั้นแล้วด้วยนิสัยของเขา เมื่อมาเข้าร่วมการประลองยุทธที่สำคัญขนาดนี้ ทำไมถึงไม่พานักบู๊พรสวรรค์ หรือกระทั่งยอดฝีมือติดตัวมาด้วยเลยแม้แต่คนเดียวล่ะ?”

ลุงฉินถูกหานกั๋วเฉียงยับยั้งไว้ จึงอดใจไม่เคลื่อนไหวใดๆ

ลุงฉินพอจะอดใจไว้ได้ แต่เจียงจงโหยวกลับเป็นฝ่ายอดใจไว้ไม่ได้แทน เขาหัวเราะเย้ยหยันเย็นชา "ท่านเจิ้งชนะติดกันสองตาแบบนี้ ออกจะลอยลำไปหน่อยมั้ย?"

เจิ้งเทียนหว้าหันไปมองเจียงจงโหยว เรื่องที่เจียงจงโหยวใช้ไข่มุกควบคุมศพ หลอกพวกเจี่ยงสงเมื่อครั้งก่อน เขาเองก็ได้ยินมาแล้วเหมือนกัน

แม้ว่าเขาจะมีความขัดแย้งกับเจี่ยงสงก็จริง แต่เขาก็เกลียดพฤติกรรมบัดซบของเจียงจงโหยวชนิดเข้ากระดูกดำด้วยเช่นกัน

“นี่ท่านเจียง ต่อให้ทางนี้จะชนะลอยลำแค่ไหน ก็คงไม่ใช้ของใช้คนตายมาทำร้ายคนอื่นหรอกมั๊ง!”

ปัง!

เจียงจงโหยวตบเก้าอี้ผาง แล้วลุกขึ้นยืนทันที ชี้ไปที่เจิ้งเทียนหว้าพลางแผดเสียงตะโกนลั่นว่า "ไอ้คนแซ่เจิ้ง นี่แกหมายความว่ายังไง?"

เมื่อเห็นเจียงจงโหยวระเบิดโทสะรุนแรง เจิ้งเทียนหว้าก็หัวเราะแล้วพูดว่า "ทำไมเหรอ? เกิดไปสะกิดจุดเจ็บของท่านเจียงเข้ารึไง? หรือว่าอายจนกลายเป็นโกรธซะแล้วล่ะ? ถ้ามีปํญญาก็ขึ้นสังเวียนประลองไปสู้ดูสักตั้งเป็นไง!"

เมื่อพูดถึงขึ้นสังเวียน จู่ ๆ เจียงจงโหยวก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูแปลกประหลาดอย่างมาก

"เจิ้งเทียนหว้า ดูเหมือนว่าแกจะตัวลอยไปแล้วจริงๆสิท่า แกคิดเหรอว่าอาศัยแค่เขาคนเดียว ก็จะเอาชนะทุกคนที่นี่ได้หมดแล้วน่ะ?"

"ฉันจะสอนให้แกรู้เอง ว่ายอดฝีมือที่แท้จริงเป็นยังไง!"

หลังจากที่เจียงจงโหยวพูดจบ จู่ ๆเขาก็ประสานมือกำเป็นหมัดขึ้นฟ้า แล้วตะโกนว่า "ขอเชิญท่านปรมาจารย์กู่!"

หือ?

ทุกคนต่างสงสัยว่าเจียงจงโหยวกำลังทำอะไรกันแน่?

ในวินาทีต่อมา ทุกคนต่างพากันเบิกตากว้างอย่างอดไม่ได้ ดวงตาของพวกเขาแทบจะหลุดออกจากเบ้าด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด

ชายชราในชุดสีเทา ที่เท้าเหยียบก้อนเมฆสีขาวพิสุทธิ์ เหินบินเข้ามาจากไหนก็ไม่อาจทราบได้

ไม่ผิด เป็นการบินมาจริงๆ!

ทันใดนั้น ความเงียบงันก็เข้าปกคลุมสนามประลองทั้งสนาม เงียบจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่า ถ้ามีเข็มหล่นลงพื้นสักเล่ม ก็คงได้ยินกันหมดเป็นแน่!

รอจนปรมาจารย์กู่ร่อนลงสู่สังเวียนต่อสู้ ปฏิกริยาสนองตอบทั้งหมดของผู้ชม จึงค่อยฟื้นคืนมาได้ ผู้ชมทั้งสนามพากันส่งเสียงหวีดร้องเซ็งแซ่

ผู้ชมนับไม่ถ้วนต่างลุกขึ้นยืน แผดเสียงตะโกนร้องด้วยความตกใจ "สวรรค์! นี่ฉันเพิ่งได้เห็นอะไรไปเนี่ย มีคนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า!"

“นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยเนี่ย! นั่นคือเทพเจ้าใช่มั้ย?”

ถึงขั้นมีคนโทรศัพท์หาคนที่บ้าน "ฮัลโล เมียจ๋า ฉันได้เห็นคนบินอยู่บนฟ้าจริงๆแล้วนะ เดี๋ยว! อย่าเพิ่งวางสายเซ่ ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงนะ ... "

เจี่ยงสงตกตะลึงอึ้งค้างไปแล้ว เขาคิดว่าเขาได้อยู่ทำงานรับใช้ควีนจินมานาน ได้เห็นหลินหยุนตอกกลีบดอกไม้เข้าใส่ลำต้นของต้นไม้ใหญ่ได้ มันก็เป็นอะไรที่น่าทึ่งมากแล้ว

แต่มาตอนนี้ เจี่ยงสงได้รู้แล้วว่า อะไรที่เขาเรียกกันว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!

เจี่ยงสงถึงกับมีข้อกังขาขึ้นมาแล้วว่า ต่อให้หลินหยุนกลับมา แล้วเขาจะเอาชนะคนระดับเทพเซียนตรงหน้านี้ได้หรือเปล่าเถอะ?

หานกั๋วเฉียงจ้องไปที่ปรมาจารย์กู่เป็นนานสองนาน อดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ว่า "ฉันเดาว่าเจียงจงโหยวมันมีอะไรแปลก ๆ ก็จริง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า มันจะเก็บซ่อนคนที่มีพลังยิ่งใหญ่ขนาดนี้เอาไว้!"

“ ลุงฉิน คุณรู้สึกยังไงกับความแข็งแกร่งของคนคนนี้บ้าง?”

ลุงฉินจ้องมองที่ปรมาจารย์กู่ แล้วส่ายหน้า "คุณหาน ผมมองไม่ออกจริงๆ!"

"กระทั่งคุณก็ยังมองไม่ออก นี่มันพิสูจน์ได้ชัดแล้วว่าเขาแข็งแกร่งมากจริงๆ! " หานกั๋วเฉียงถอนหายใจ

รอยยิ้มบนใบหน้าเจิ้งเทียนหว้าเลือนหายไปทันที ใช้สายตาไม่อยากเชื่อมองไปที่ปรมาจารย์กู่ที่อยู่บนสังเวียน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในโลกใบนี้ จะมีคนที่บินอยู่บนท้องฟ้าได้จริง ๆ

"นี่คนหรือเซียนกันแน่? คนจะไปบินอยู่บนท้องฟ้าได้ยังไงกัน?"

คุณหลีทำได้เพียงเบิกตาโพลง จ้องมองหมัดของปรมาจารย์กู่ที่เหวี่ยงเข้าใส่อย่างทำอะไรไม่ได้ ความรุนแรงของหมัดนั้น อัดกระแทกจนไม่รู้ว่า กระดูกในร่างแตกหักไปกี่ท่อนต่อกี่ท่อนแล้ว

“กระบวนท่าที่สาม”

ท่าทางตอนที่พูดของปรมาจารย์กู่ ช่างดูไร้อารมณ์ความรู้สึกอย่างยิ่ง เตรียมจะเหวี่ยงหมัดที่สามออกไปอีกครั้ง

คุณหลีรีบร้องบอกทั้งที่กระอักเลือดจนกบปากว่า “เดี๋ยวก่อน ฉันขอยอมแพ้!”

“สายไปแล้ว!” ปรมาจารย์กู่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดใด ๆ ทั้งสิ้น เหวี่ยงอีกหนึ่งหมัดสุดท้ายออกไปทันที

คุณหลีนอนนิ่งอยู่บนพื้นในสภาพไม่กระดุกกระดิกสักนิด ที่บริเวณช่วงอก ปรากฏรอยยุบเป็นหลุมเข้าไปจนลึก คนน่าจะไม่รอดแล้วแน่นอน

ปรมาจารย์กู่ยืนจังก้าอยู่บนสังเวียน ไพล่มือทั้งสองข้างไปไว้ด้านหลัง กวาดตามองไปยังกลุ่มผู้ชม แล้วพูดด้วยท่าทีเย็นชาว่า “ยังมีใครอยากเอามาชีวิตมาทิ้งอีกมั้ย?”

ทั้งสนามเงียบกริบ!

ไม่มีใครส่งเสียงแม้แต่คนเดียว มีเพียงเสียงลมหายใจ ที่พยายามกลั้นให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้

สามหมัด แค่สามหมัด ก็ต่อยคุณหลีจนตายอย่างอเนจอนาถได้แล้ว น่าเสียดายที่คุณหลี ยอดฝีมือผู้ฝึกบู๊จนใกล้เคียงระดับพรสวรรค์โดยกำเนิด เมื่อมาอยู่ต่อหน้าปรมาจารย์กู่ กลับไร้พลังที่จะต่อต้านได้แม้เพียงเศษเสี้ยว!

ช่างน่าตกตะลึงเหลือเกิน นี่มันน่าตกตะลึงเกินไปแล้ว!

ปรมาจารย์กู่คนนี้คือใครกันแน่ ? พลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้มันคืออะไรกัน?

เจียงจงโหยว เคยลองคาดเดาความแข็งแกร่งของปรมาจารย์กู่มาก่อนว่า เขาจะต้องแข็งแกร่งมาก แต่คาดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อขนาดนี้!

"ปรมาจารย์กู่พลังยุทธเหนือมนุษย์คนไหนในใต้หล้า กระผมขอยกย่อง!" เจียงจงโหยวยืนขึ้น แล้วโค้งคำนับให้ปรมาจารย์กู่ที่อยู่บนเวที นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกริ่งเกรง

ปรมาจารย์กู่หัวเราะเสียงดังก้อง เสียงนั้นสะท้านก้องไปทั่วสนามประลอง สั่นสะเทือนไปถึงแก้วหูของทุกคนจนอื้อไปหมด

"มีใครที่ยังไม่ยอมแพ้ก็ยืนขึ้นมา!" ปรมาจารย์กู่พูดอย่างเย็นชา

ไม่มีคนตอบรับ

ไม่มีใครอยากออกไปตายเปล่าอยู่แล้ว

“ในเมื่อไม่มี ถ้างั้นนับจากนี้ไป ทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งฉันแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทำได้ใช่ไหม?” เสียงของปรมาจารย์กู่เต็มไปด้วยแววคุกคาม

ทุกคนตกตะลึงกันไปหมด คำพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์