ส่วนในสถานที่เกิดเหตุนั้น มู่เฉินเองราวกับว่าถูกคลื่นยักษ์ซัดโหมกระหน่ำเข้าใส่อย่างรุนแรง
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ลุงหยูที่เป็นถึงยอดฝีมือขั้นยาทองระดับสามนั้น จะพ่ายแพ้ให้กับหลินหยุนในพริบตาเดียวอย่างคาดไม่ถึง
เมื่อมองไปที่หลินหยุนอีกครั้ง ดวงตาของเขา ก็แสดงอาการท่าทางที่หวาดกลัวออกมา
ไม่มีทางที่จะไม่หวาดกลัว
คนแบบนี้ พลังบำเพ็ญที่แข็งแกร่งขนาดนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไรกัน?
พลังบำเพ็ญระดับนี้ คงจะไม่ด้อยไปกว่าพี่ชายของเขาแน่
ทราบดีว่าตอนนี้มู่หงพี่ชายของเขา มีพลังบำเพ็ญแค่ขั้นยาทองระดับสามเท่านั้นเอง
ต่อให้จะสามารถเอาชนะลุงหยูได้ แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!
ที่สำคัญที่สุดคือ อายุของคนผู้นี้ ยังน้อยว่าพี่ของเขา ตัวเขา อยู่มากเลยทีเดียว
นี่ก็คืออัจริยะที่เก่งกาจขั้นสุดยอด!
มู่เฉินมองไปที่หลินหยุน โดยที่พูดจาอะไรไม่ออกอยู่เป็นเวลานาน
หลินหยุนกลับพูดขึ้นว่า “หากต้องการที่จะแก้แค้น ก็มาหาฉันได้ตลอดเวลา”
ขณะที่พูด เขาก็ชี้ไปที่ซิงเฟย และพูดว่า “หล่อนสามารถพานายมาพบฉันได้! ”
พูดจบก็พูดกับซิงเฟยว่า “ฉันขอตัวไปก่อน มีเรื่องอะไร ก็มาหาฉันได้! ”
เมื่อพูดจบลง หลินหยุนก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาเดินจากออกไป ภายใต้แววตาที่ตื่นตะลึง และตกใจของทุกคน
เชิงเขา ลูกศิษย์ในชุดสีส้มที่มีอายุน้อยนั้นได้พูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ ทำอย่างไรดี? พวกเราจะขัดขวางไอ้หนุ่มนี้เอาไว้ไหม? ”
ศิษย์พี่ที่อายุมากกว่านั้นเหลือกตาขาวใส่ ส่งเสียงฮึขึ้นและพูดว่า “พวกเราจะเอาอะไรไปขัดขวางเขา? อย่าได้เอะอะโวยวายไป ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน! ไม่อย่างนั้น สำนักอาจจะลงโทษพวกเราในข้อหาที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องได้! ”
ลูกศิษย์หนุ่มได้ยินดังนั้น ก็หดคอลง และก็ได้ยกเลิกความคิดที่จะไปขัดขวางหลินหยุนเอาไว้
หลินหยุนจากไป โดยเมื่อทุกคนมองไปที่ซิงเฟยอีกครั้งนั้น สายตาก็เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด
ว่าแล้วไง มิน่าล่ะที่หญิงสาวที่สวยงดงามแบบนี้ ถึงจะเตรียมแต่งงานกับคนที่ธรรมดาทั่วไปแบบนั้นได้
เดิมทีเขาก็แค่ดูว่าเป็นคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงมีพลังบำเพ็ญที่น่าตกตะลึง ซึ่งแข็งแกร่งถึงขั้นที่น่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว
ซิงเฟยโล่งอกลงบ้าง โชคดีที่ไม่เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ไม่อย่างนั้น คงยากที่จะแก้ไข ซึ่งทางซิงเฟยเองคิดแบบนี้อยู่ในใจ
ซิงเฟยรีบมองไปยังมู่เฉิน และพูดว่า “พี่มู่เฉิน คุณ.....คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? คือฉันเองที่ผิด ที่คาดคิดไม่ถึงว่า เหตุการณ์จะบานปลายถึงขั้นนี้! ฉันเองก็ไม่รู้ว่า เขานั้นจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้! ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้เข้าใจในตัวตนของเขามากนัก! ”
มู่เฉินพยักหน้าด้วยสีหน้าย่ำแย่ และพูดว่า “น้องเสี่ยวหลิงอย่าพูดแบบนี้เลย แต่ว่า คนผู้นี้ตกลงคือใครกันแน่? พลังบำเพ็ญของเขา......ทำไมถึงได้แข็งแกร่งมากขนาดนี้? ”
ซิงเฟยพูดว่า “เขามาจากที่ไหน ฉันเองก็ไม่ทราบ ซึ่งกี่เดือนก่อนหน้านี้ ได้ถูกคุณพ่อพากลับมาที่ตระกูล จากนั้นก็ให้ฉันหมั้นหมายเพื่อที่จะแต่งงานกับเขา ฉันเองคัดค้านอย่างที่สุด แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร”
“ครั้งนี้ฉันต้องการจะมาเข้าร่วมทดสอบของสำนักฉีซาน คุณพ่อจึงให้ไอ้คนนี้ปกป้องและพาฉันมาส่งที่นี่! ”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าคนผู้นี้ตกลงผุดออกมาจากที่ไหนกันแน่! ”
“ยิ่งไม่รู้ว่า คนผู้นี้จะมีพลังบำเพ็ญที่แข็งแกร่งขนาดนี้! ”
“หวังว่าพี่มู่เฉินจะไม่กล่าวโทษฉัน! ”
มู่เฉินได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าเล็กน้อย
พร้อมกับสูดหายใจลึก และพูดขึ้นว่า “เป็นอย่างนี้นี่เอง น้องเสี่ยวหลิงอย่าได้วิตกกังวลไป อดีตก็ให้มันผ่านไปเถอะ! น้องเสี่ยวหลิง การทดสอบจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว พวกเราเข้าไปเตรียมตัวกันเถอะ! พยายามทดสอบผ่านให้ได้ในครั้งเดียว แล้วเข้าสู่สำนัก! ”
ซิงเฟยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ทั้งสองคนเดินไปยังบริเวณเชิงเขาด้วยกัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบบ่นในใจอย่างลับ ๆ
มู่เฉินคนนี้ ไม่ได้โง่เขลาแบบเจียงเผิง ดูเหมือนว่า จะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวในใจพอสมควร
ขนาดเสียหน้าครั้งใหญ่ ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เวลานี้กลับดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างได้จบสิ้นผ่านพ้นไปอย่างง่ายดาย
ความอดทนแบบนี้ ไม่ใช่ว่าลูกหลานตระกูลผู้ดีมีเงินทองทั่วไปจะสามารถมีได้
ดูเหมือนว่าสิ่งที่จะต้องทำต่อหลังจากนี้ จะต้องลงมือในระดับที่สูงขึ้นอีกถึงจะได้ผล
แผนการที่ตื้นเขินเกินไป เกรงว่าจะไม่เกิดผลอะไร กับคนเบื้องหน้าผู้นี้แน่
จากนั้นไม่นาน การทดสอบก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...