ได้ยินหวงฉาวพูดแบบนี้
ทุกคนต่างก็พากันเบิกตาโพลงอย่างไม่น่าเชื่อ
สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เพราะพวกเขามองว่า
หวงฉาวกับบุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจท่านนั้น ไม่ได้มีความแตกต่างห่างไกลอะไรมากนัก
อย่างน้อย
ความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบระหว่างพวกเขากับหวงฉาวแล้ว
คงจะน้อยกว่ากันมาก
แต่หวงฉาวกลับไม่ได้พูดอย่างนั้น
ซึ่งทำให้พวกเขายากที่จะยอมรับได้
เพราะว่าแม้แต่หวงฉาวก็พูดแบบนี้
อย่างนั้นถ้าหากนำพวกเขาไปเปรียบเทียบกับบุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจท่านนั้นแล้ว
ก็คงจะแตกต่างห่างไกลอย่างมหาศาลเลยทีเดียวล่ะสิ?
เป็นไปได้อย่างไร?
หวงฉาวถอนหายใจเบา ๆ อีกครั้ง
แล้วก็มองไปยังทิศทางที่หลินหยุนหายตัวไป
ผ่านไปชั่วครู่
จึงพูดขึ้นว่า “พวกนายสามารถที่จะรับรู้สัมผัสถึง แดนพลังบำเพ็ญของบุตรอริยสัจท่านนี้ได้ไหม? ”
ทุกคนพลันตกใจขึ้น
จากนั้น
ก็ตั้งสติกลับคืนมาได้
นิ่งเป่ยเฉินรีบถามขึ้นว่า “ศิษย์พี่หวง จากพลังอานุภาพของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่บุตรอริยสัจได้แสดงออกมานั้น เหมือนว่าจะไม่ใช่ขั้นยาทองระดับหก หรือว่าจะเป็นขั้นแดนเดียวกันกับศิษย์พี่หวงอย่างนั้นเหรอ? ”
“ใช่เลย! ”
“ถูกต้องเลย! ”
ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็ทยอยพากันอุทานตามขึ้นมา
เพราะว่าด้วยพลังบำเพ็ญของพวกเขาแล้ว
ไม่สามารถที่จะรับรู้สัมผัสได้ถึงพลังบำเพ็ญที่แท้จริงของหลินหยุนได้
ดังนั้น
ทำได้เพียงวินิจฉัยอย่างคร่าว ๆ จากพลังอานุภาพของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
ที่จริงแล้ว
หวงฉาวเองก็เช่นเดียวกัน
เขาไม่สามารถที่จะมองออกถึงพลังบำเพ็ญที่แท้จริงของหลินหยุน
แต่หลินหยุนดูเหมือนว่าจะไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอะไรเลย
ทั้ง ๆ ที่แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ระดับนั้นออกมา
เหมือนว่าจะไม่ได้สูญสิ้นพลังงานไปมากเท่าไร
นั่นหมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าภายใต้สถานการณ์ต่อสู้ที่ไม่ถึงขั้นเอาเป็นเอาตายนั้น
เขาใช้พลังอย่างเต็มที่
แต่ไม่สามารถทำลายพลังการป้องกันของฝ่ายตรงข้ามลงไปได้
และก็ไม่สามารถที่จะต้านทานพลังการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้
สำหรับท่านบุตรอริยสัจนั้น
ไม่ได้ออกแรงใช้พลังอะไรมาก
ง่ายดายอย่างที่สุด
ราวกับว่าเป็นการโจมตีทั่วไป
แต่เขาไม่สามารถที่จะต้านทานได้
นั่นแสดงว่า
ฝ่ายตรงข้ามน่าจะมีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับเจ็ด
อีกทั้ง
ระดับขั้นยาทองนั้น
คงจะไม่ต่ำกว่าเขาอย่างเด็ดขาด
ส่ายศีรษะเล็กน้อย
หวงฉาวพูดขึ้นว่า “บุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจท่านนี้ น่าจะมีพลังบำเพ็ญถึงขั้นยาทองระดับเจ็ดแล้ว! และถึงขนาดเป็นไปได้ว่า เป็นการหลอมยาทองระดับฟ้า”
“ซี๊ดดดด----”
ทุกคนสูดหายใจลึก
ขั้นยาทองระดับเจ็ด
แม้จะมองว่าเหนือกว่าหวงฉาวเพียงแค่ขั้นแดนเดียว
แต่กลับน่าสะพรึงกลัวมากยิ่งนัก
เพราะว่าบุตรอริยสัจท่านนี้ มีอายุน้อยกว่าหวงฉาวอีก
หวงฉาวถอนหายใจอีกครั้ง และยกมือแสดงความเคารพ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “พวกศิษย์น้องทั้งหลาย เมืองมี่หยุนนั้น ศิษย์พี่ไม่ต้องการไปแล้ว หากพวกนายยังคงอยากที่จะไป ก็ไปกันเถอะ”
“ศิษย์พี่จะเดินทางกลับไปยังสำนักเทียนหยุนแล้ว! ”
“ขอตัวก่อน! ”
เมื่อพูดจบลง
ร่างกายก็กะพริบหายไป ย่ำขึ้นไปในอากาศแล้วก็จากไป
หลงเหลือเพียงแค่นิ่งเป่ยเฉินกับเด็กหนุ่มหัวล้านและอีกไม่กี่คน
ทุกคนต่างจ้องหน้าสบตาซึ่งกันและกัน
เด็กหนุ่มหัวล้านพูดขึ้นว่า “ทุกท่าน แล้วพวกเรายังจะไปกันอีกไหม? ”
นิ่งเป่ยเฉินเองก็เหมือนจะถูกทำร้ายจิตใจบ้างเล็กน้อย
ครุ่นคิดชั่วครู่ และพูดขึ้นว่า “ไม่ไปแล้ว! แม้แต่ศิษย์พี่หวงฉาวก็ยังไม่ไปแล้ว ศิษย์พี่หวงคงจะกลับไปสำนักเพื่อเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนแล้ว ฉันว่า งานประลองยุทธเก้าสำนักในครั้งนี้ บางทีศิษย์พี่หวงอาจจะไม่เข้าร่วมก็เป็นได้! ”
เด็กหนุ่มหัวล้านพูดขึ้นว่า “คงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง? ในเมื่อบุตรอริยสัจถือกำเนิดขึ้นแล้ว เชื่อว่าพระบุตร บุตรธยานะ หรือบุตรกระบี่ของสำนักศิษย์น้องโม่หยู่ ก็คงใกล้จะถือกำเนิดขึ้นเช่นกัน ศิษย์พี่หวงฉาวคงน่าจะเข้าร่วม! ”
นิ่งเป่ยเฉินส่ายศีรษะ
โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก
แล้วก็ยกมือแสดงความเคารพไปยังคนอื่น ๆ
จากนั้นก็ย่ำขึ้นไปในอากาศแล้วก็จากไป
เหลืออีกไม่กี่คนต่างก็ได้ทยอยแยกย้ายกันไปเช่นกัน
ไม่นาน
ข่าวการปรากฏตัวขึ้นของบุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจ และการต่อสู้กับหวงฉาว
ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกคุนชางอย่างรวดเร็ว
นี่คือข่าวดังที่ผู้คนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...