สูดหายใจลึกอีกครั้ง ปิงหลานพูดว่า “หรือเราจะ......หนีไป! ในเมื่อมู่เฉินตายแล้ว เราไปสู้แบบเอาเป็นเอาตาย ก็ไม่มีค่าอะไร!”
“ไม่ว่ายังไงรักษาชีวิตของเราเอาไว้ ก็สำคัญที่สุด!”
“ส่วนพี่เทียนไม่ต้องกังวล!”
“มีฉันอยู่ มู่หงไม่กล้าทำอะไรพี่หรอก!”
“พี่เทียนวางใจได้!”
“แค่เราหนีไปได้ ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน!”
ชิวเทียนส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “น้องปิงหลาน เธอจินตนาการเรื่องราวง่ายเกินไป มู่เฉินเป็นน้องแท้ๆ ของศิษย์พี่มู่หง ถึงต่อหน้าเขาไม่กล้าทำอะไรฉัน แต่เธอรับประกันว่าเขาจะไม่หาโอกาสลงมือฉันหรือเปล่า”
“ผลการฝึกตนของเขาแข็งแกร่งกว่าเราสองคนมาก!”
“ความสามารถก็แข็งแกร่งกว่าพวกเรามาก!”
“ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ”
“เรายิ่งห่างชั้นกับเขามาก”
“แค่เขายอม”
“ต้องไม่มีใครจับได้อย่างแน่นอน”
“เมื่อถึงตอนนั้น”
“เราคงไม่รู้แม้กระทั่งว่าตายยังไง!”
“อย่าว่าแต่ฉันเลย!”
“ถึงเป็นน้องปิงหลาน ปูมหลังแข็งแกร่ง! ก็คงหนีไม่พ้น!”
ปิงหลานหน้าเปลี่ยนสี สิ่งที่ชิวเทียนพูด ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
สูดหายใจลึก ปิงหลานพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “งั้นจะทำยังไง เราไม่มีความมั่นใจที่จะจัดการคนตรงหน้า งั้นเราไม่มีวิธีสักนิดเลยเหรอ”
“ฉันว่า......”
“ถ้าเราหนีออกไป หลังกลับถึงสำนัก หาโอกาสลงมือก่อน......”
ชิวเทียนยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องไม่ได้ง่ายอย่างที่พูด! เธอไม่รู้จักนิสัยของมู่หงหรือไง เขาไม่มีเบื้องหลัง แต่ระมัดระวังรอบคอบมาตลอด”
“ไม่งั้น”
“ถึงเขามีความสามารถแข็งแกร่งมาก”
“คงไม่มีทางมาถึงทุกวันนี้หรอก!”
“เขาจัดการพวกเราได้อย่างง่ายดาย!”
“แต่ถ้ามองกลับกัน”
“เราสองคนอยากจัดการเขา”
“เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ!”
“วางแผนแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า!”
“คงทำได้เพียงแจ้งผู้อาวุโสปิงหลิน อาของน้องปิงหลาน ส่วนเราสองคน ต้องพยายามยื้อเวลาอีกฝ่ายให้มากที่สุด”
“ต้องทำแบบนี้ถึงจะมีโอกาส!”
“เราอย่าเพิ่งผลีผลาม”
“ถ้าอีกฝ่ายลงมือ เราจึงค่อยรีบหนี!”
“ถ้าอีกฝ่ายไล่ตามมา เราต้องต้านทานอย่างสุดกำลัง!”
“ถ้ามีโอกาสก็หนีต่อ!”
“แต่ต้องเตรียมต่อสู้ตลอดเวลาด้วย!”
การที่ไม่กล้าเอาความคิดไปไว้กับการหนีทั้งหมด เพราะตอนนี้ชิวเทียนไม่แน่ใจ ว่าพวกเขาจะหนีรอดหรือเปล่า
ขณะที่ทั้งสองกำลังปรึกษากัน หมัดของคนชุดดำกระแทกเข้ามา
พลานุภาพของหมัดน่าตกใจมาก ชิวเทียนกับปิงหลานตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี
กระบี่ในมือออกจากฝัก ฟาดกระบี่ลงไป พลานุภาพถาโถมออกไป
พลังมหาศาลทำให้เขากับปิงหลานกระเด็นออกไป
แต่ก็เปิดเผยตำแหน่งอย่างชัดเจน ทั้งสองไม่ผลีผลาม
สูดหายใจลึก ชิวเทียนกับปิงหลานมองหน้ากัน ทั้งสองหายตัวออกมาจากในป่าทึบ
คนชุดดำหัวเราะหึหึ หันมามองซิงเฟยแล้วพูดว่า “สองคนนี้คงเป็นศิษย์พี่ที่เธอพูดถึงใช่ไหม”
ซิงเฟยสีหน้าไม่สู้ดี นับว่าเป็นการยอมรับไปโดยปริยาย
คนชุดดำนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นหันไปมองบนท้องฟ้าทางทิศเหนือ แล้วพูดว่า “ในเมื่อทั้งสองคนเป็นศิษย์พี่ของเธอ งั้นอีกคนคือใครล่ะ”
“นายไม่ออกมาหรือไง”
“ฉันเป็นคนพูดด้วยเหตุผล”
“แล้วฉันก็ชอบให้คนอื่นพูดด้วยเหตุผลกับฉัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...