หลินหยุนในสายตาของเธอแล้ว
มีสภาพท่าทางที่หยิ่งยโสมาโดยตลอด แม้ว่าจะไม่ได้แสดงตัวว่าโอ้อวดโอหังมากมายอะไร แต่มักจะควบคุมกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างได้ในมือของตนเอง
ไม่มีผู้ใดที่เขาจะมองด้วยสายตาที่เคารพเลื่อมใส
เพราะว่าไม่มีผู้ใดที่มีคุณสมบัติแบบนี้
แต่ในเวลานี้
หลินหยุนเหมือนจะถึงขั้นที่หมดสิ้นหนทางแล้วจริง ๆ
เธอเคยได้กล่าวเตือนเขาไปแล้วหลายครั้ง่า อย่าได้มาเปิดเผยสถานะตัวตนแท้จริงที่นี่
ไม่อย่างนั้นคงอาจจะถึงตายได้
แต่ก็คาดคิดไม่ถึงว่า
จะตรงกับคำที่ตัวเองได้พูดเอาไว้
หลินหยุนยิ้มอย่างจำใจ และมองไปที่ซินเฟย
แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
ขณะนี้ถูกยอดฝีมือสี่คนรุมล้อม ดูแล้วเหมือนจะต้องตายสถานเดียว
แต่ในขณะนั้นเอง
เขากลับหัวเราะขึ้นอย่างกะทันหัน
ในขณะที่เขาหัวเราะ ร่างกายของเขาก็เริ่มที่จะสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
ยอดฝีมือทั้งสี่คนได้เห็นดังนั้นก็โมโหขึ้นโดยพลัน
ผู้อาวุโสสี่แห่งสำนักกวางยักษ์ก็ได้ตวาดใส่ว่า “หลินชางฉอง แกไอ้ปีศาจ วันนี้ถึงวันตายของแกแล้ว จนถึงตอนนี้ ยังจะมาหัวเราะอีกเหรอ? ”
หลินหยุนสูดหายใจลึก พร้อมกับมองไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้เรี่ยวแรง และพูดขึ้นว่า “พวกนายทั้งสี่คน เตรียมพร้อมหรือยังว่าใครจะเป็นคนตายก่อน? ”
เมื่อพูดอย่างนี้ออกมา ก็ทำให้ยอดฝีมือทั้งสี่คนมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปในทันที
นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ ด้วย
อย่าได้มองว่าหลินหยุนเป็นแหนที่อยู่ในทะเล เหมือนจะอ่อนแอไม่มีแรงพลังต้านทาน
แต่ว่าพวกเขากลับไม่กล้าที่จะเบาใจได้อย่างเด็ดขาด
การตายของผู้อาวุโสสามเมื่อครู่นั้น ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นกันอยู่อย่างชัดเจน
ถ้าหากหลินหยุนสู้อย่างสุดกำลัง เกรงว่าพลังบำพ็ญของพวกเขา ก็คงจะไม่มีใครสามารถต้านทานได้
ถ้าหากพวกเขาลงมือ หลินหยุนก็คงจะเลือกต่อสู้กับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่
โดยที่ใครต่างก็ไม่อยากเป็นผู้โชคร้ายคนนั้น
นี่ก็คือเหตุผลที่แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่คนจะโอบล้อมหลินหยุนเอาไว้ แต่กลับไม่มีใครเริ่มลงมือโจมตี
ทั้งสี่คนจ้องมองสบตาซึ่งกันและกัน
ยอดฝีมือตระกูลป๋ายที่มาจากเมืองกวางยักษ์นั้นพูดขึ้นว่า “ทำอย่างไรกันดี? เขาสามารถที่จะทำการโจมตีอย่างสุดกำลังครั้งสุดท้ายได้อีก! ”
“หรือไม่อย่างนั้น......”
“พวกเราไม่ลงมือก่อน รอให้ยอดฝีมือสำนักเทียนหยุนและสำนักอริยสัจมาถึงกันก่อนดีไหม? ”
“สำนักอริยสัจอาจจะเดินทางมาถึงช้าหน่อย แต่ทางสำนักเทียนหยุนใกล้จะเดินทางมาถึงแล้ว! ”
“เมื่อยอดฝีมือสำนักเทียนหยุนมาถึงแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องไปเสี่ยงอันตรายอีก! ”
เมื่อเขาพูดจบลง ยอดฝีมือตระกูลจางที่มาจากเมืองกวางยักษ์เช่นกันนั้นก็ส่ายศีรษะและพูดขึ้นว่า “ไม่เหมาะสม เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ตอนนี้ไอ้คนชั่วนี้จะไม่มีพลังการต่อสู้อีกแล้ว! ”
“ถ้าหากพวกเราลงมือจัดการกับเขาได้ ก็ถือว่าได้พยายามกระทำอย่างที่สุดแล้ว! ”
“แต่ตรงกันข้ามหากรอให้ยอดฝีมือสำนักเทียนหยุนมาถึง ส่วนพวกเรากลับไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย แล้วจะไปได้รับผลประโยชน์อะไรล่ะ? ”
“แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็คงจะไม่ได้รับ! ”
“อีกทั้ง อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่ไอ้หนุ่มนี้ได้แสดงออกมาก่อนหน้านี้นั้น พวกเราก็เคยเห็นกันแล้ว! ”
“ทุกท่านล้วนเป็นยอดฝีมือที่ท่องตระเวนไปทั่วโลกคุนชางมาเป็นเวลาช้านาน ไม่ทราบว่ามีใครเคยพบเห็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้บ้างไหม? ”
“จนถึงขณะนี้แล้ว ไอ้หนุ่มนี้ยังไม่มีผู้อารักขาใดปรากฏตัวขึ้นเลย ฉันคาดเดาว่า ไอ้หนุ่มนี้คงจะได้รับการสืบทอดอันน่าสะพรึงกลัวนี้มาจากโบราณ จึงทำให้มีพลังบำเพ็ญที่น่าสะพรึงกลัวมากขนาดนี้ได้! ”
“หรือว่าทุกท่านจะไม่สนใจวิชาการสืบทอดอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานนี้เลยอย่างนั้นเหรอ? ”
“แต่เมื่อรอให้สำนักเทียนหยุนหรือสำนักอริยสัจมาถึง แล้วจะไปหลงเหลือโอกาสของพวกเราได้อย่างไร? ”
กี่คนนั้นต่างก็ขมวดคิ้ว
พูดได้ถูกต้องเลย
คำพูดนี้ ได้แทงทะลุเข้าไปถึงจิตใจของพวกเขา
อะไรที่เรียกว่าคำขอบคุณของสำนักกวางยักษ์ มิตรภาพความสัมพันธ์ของสำนักเทียนหยุน และผลประโยชน์จากสำนักอริยสัจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...