จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1314

สรุปบท บทที่ 1314 เกินไปแล้วโยม: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

อ่านสรุป บทที่ 1314 เกินไปแล้วโยม จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บทที่ บทที่ 1314 เกินไปแล้วโยม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จูผาซู่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ยอดฝีมือขั้นยาทองระดับหกสามคน ย่อมมีความเร็วพอสมควร ซึ่งก็ได้ไล่ตามชายหนุ่มชุดดำกับหลินหยุนสามคนนั้นได้ทันแล้ว

ชายหนุ่มชุดดำหันหน้ากลับมามองเล็กน้อย ยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า “จะไล่ตามมากันทำไมล่ะ? จะต้องให้ฉันลงมือสังหารพวกเขาอย่างนั้นเหรอ? แม้ว่าฉันจะโปรดปรานในสิ่งนี้ แต่ทำไมถึงจำเป็นต้องทำสิ่งนี้ด้วย? ”

“วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะกระทำสิ่งนี้นะ! ”

หลินหยุนส่ายศีรษะไปมา โดยที่ไม่ได้พูดอะไร

ส่วนซินเฟยเองจนถึงตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออกว่า ทำไมคนผู้นี้ถึงได้ตัดสินใจลงมือ ช่วยเหลือหลินหยุนและตัวเธอเองด้วย

ถูกต้อง ชายหนุ่มหัวล้านชุดดำที่อยู่เบื้องหน้านี้ ไม่ใช่คนอื่นไกล ก็คือบุตรธยานะแห่งสำนักธยานะที่ดูเหมือนจะมีสติฟั่นเฟือน และยังเคยปะทะต่อสู้กับหลินหยุนมาแล้วครั้งหนึ่งด้วย

เธอคิดที่จะสอบถามหลินหยุนในทันที ว่าได้ไปมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบุตรธยานะที่สติฟั่นเฟือนนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

แต่เธอเองก็รู้ว่า เวลานี้ยังไม่เหมาะสม

ด้านหลังยังมีผู้คนไล่ล่าอยู่ ซึ่งห้ามที่จะก่อเรื่องเพิ่มขึ้นอีกเป็นอันขาด

ไม่นาน ยอดฝีมือทั้งสามคนก็ไล่ตามมาจนทันแล้ว

ยอดฝีมือตระกูลป๋ายคนนั้นตวาดเสียงดังขึ้นทันทีว่า “สหายชุดดำที่อยู่เบื้องหน้า ปล่อยตัวหลินชางฉองออกมาจะเป็นการดีที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้ว วันนี้นายกับไอ้ปีศาจหลินชางฉองนั้น จะต้องพบกับความตายไปพร้อมกัน! ”

บุตรธยานะถึงกับจำใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก็เลยหันหลังกลับมาปล่อยพลังหมัดสีทองเข้าใส่

ทั้งสามคนที่อยู่ด้านหลังต่างก็พากันตกใจ

จากนั้นก็พลันพบว่า ยอดฝีมือตระกูลป๋ายผู้นั้น หลังจากที่ถูกโจมตีด้วยพลังหมัดสีทองแล้ว ร่างกายและยาทองของเขาก็แหลกละเอียดในพริบตา แม้แต่คลื่นพลังเพียงเล็กน้อยก็ไม่มีปรากฏ

เห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว ยอดฝีมือตระกูลจาง รวมถึงผู้ฝึกอิสระผู้นั้น ต่างก็จิตใจสั่นสะเทือน ในสมองล้วนมีแต่ความว่างเปล่า

ทันใดนั้นก็หันหลังเพื่อหลบหนีเอาตัวรอดอย่างเร่งรีบ

เห็นเงาร่างทั้งสองนั้นได้หนีจากไป บุตรธยานะก็พูดพล่ามขึ้นว่า “ทำไมจะต้องเป็นแบบนี้ด้วยล่ะ! ”

ครึ่งวันผ่านไป ที่บริเวณในภูเขาลึก

หลินหยุนนั่งขัดสมาธิอยู่ในวิมาน

เวลานี้สีหน้าของเขาขาวซีดอย่างที่สุด และอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอย่างมาก

ส่วนบุตรธยานะกับซินเฟยนั้นก็อยู่ด้านข้าง

ซินเฟยอยู่ในสภาพที่เคร่งเครียดอย่างที่สุดมาโดยตลอด เข้าไปใกล้หลินหยุน แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูดกับคนบ้าสติฟั่นเฟือนนั้น

บุตรธยานะพูดขึ้นอย่างจำใจว่า “ทำไมเธอถึงดูเหมือนว่าจะเกรงกลัวฉันล่ะ? ฉันคือนักบวช มีจิตใจเมตตากรุณา ตรงไหนกันที่ทำให้เธอหวาดกลัวมากขนาดนี้? ”

ซินเฟยพูดอะไรไม่ออก

นายน่ะเหรอเป็นนักบวช?

และยังจะมีจิตใจเมตตากรุณาอีก?

หากนายมีจิตใจเมตตากรุณา ถ้าอย่างนั้นในใต้หล้านี้ก็คงจะไม่มีคนที่มีจิตใจเมตตากรุณาอีกแล้ว!

เธอยากที่จะเชื่อว่า บุตรธยานะแห่งสำนักธยานะที่ยิ่งใหญ่ ทำไมถึงได้อยู่ในสภาพเช่นนี้

เห็นซินเฟยไม่พูดไม่จา บุตรธยานะก็พูดขึ้นว่า “เธออย่าได้วิตกเคร่งเครียดไป ทำอย่างกับว่าฉันเป็นเสือกินคนอย่างไรอย่างนั้น น่าเบื่อมากเลย? ”

ซินเฟยก็ยังไม่กล้าที่จะพูด โดยที่สายตาได้จับจ้องมาที่ร่างของหลินหยุนโดยตลอด

สามวันผ่านไปแล้ว หลินหยุนก็ยังคงรักษาอาการบาดเจ็บอยู่เช่นเคย

แต่ดูจากสภาพแล้ว เหมือนจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไร

ทนทรมานแบบนี้มาอีกสองวัน ในที่สุดหลินหยุนก็รักษาอาการบาดเจ็บจนเสร็จสิ้น และลืมตาสองข้างขึ้นมาอีกครั้ง

สูดหายใจยาว พร้อมกับลุกยืนขึ้น

หลินหยุนที่สีหน้าขาวซีดได้มองไปยังบุตรธยานะ “ครั้งนี้ ต้องขอบคุณอย่างมาก! ”

บุตรธยานะกำลังคาบต้นหญ้าอยู่ที่ปาก ยืนพิงที่ประตูวิมานอย่างสบายใจ ในมือถือนิยายเล่มหนึ่งที่เหมือนจะมีชื่อว่าจักรพรรดิเซียนเกิดใหม่พร้อมกับเปิดอ่านอย่างมีอรรถรส

ได้ยินที่หลินหยุนพูด ก็คายต้นหญ้าที่ปากทิ้งและพูดขึ้นว่า “โยมไม่ต้องเกรงใจฉันก็ได้ นักบวชมีจิตใจที่เมตตากรุณา เมื่อเห็นโยมใกล้ที่จะเสียชีวิต ฉันเองจะปล่อยไปโดยที่ไม่สนใจได้อย่างนั้นเหรอ? ”

“แน่นอน โยมอย่าได้หลงลืม เรื่องที่ได้ตกลงกับฉันเอาไว้ก็พอแล้ว! ”

หลินหยุนพยักหน้า “ไม่ลืมอย่างแน่นอน! ”

ได้ยินที่สองคนพูดกัน ซินเฟยก็รีบมองไปที่หลินหยุนและถามขึ้นว่า “นายตกลงรับปากเรื่องอะไรกับเขาเหรอ? ”

หลินหยุนพูดว่า “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น! ใช่แล้ว สถานการณ์ที่เมืองกวางยักษ์เป็นอย่างไรบ้าง? ”

ซินเฟยรีบพูดขึ้นว่า “คนของสำนักเทียนหยุนกับสำนักอริยสัจต่างมาถึงแล้ว! ตอนนี้กำลังตามหานายไปทั่วทุกแห่งหน! อีกทั้ง คนของสำนักอริยสัจยังได้ประกาศไล่ล่าอีกด้วย! ”

“ทุกคนที่แจ้งเบาะแสรายละเอียดเกี่ยวกับนายนั้น จะได้รับเครื่องรางทิพย์ชั้นยอดคนละหนึ่งชิ้น! ”

หลินหยุนส่ายศีรษะไปมา

ในตอนนี้เขาก็ยังคงมีสีหน้าที่ซีดขาวอยู่เช่นเคย

“ทางเดินของเลือดลมนั้นได้ฟื้นฟูกลับเป็นปกติแล้ว”

“อาการบาดเจ็บก็ฟื้นฟูแล้วทั้งหมด แต่ก็ยังต้องใช้เวลาพักรักษาตัวอีกสักระยะ”

“แต่ว่า ไม่เป็นปัญหาใหญ่แล้ว! ”

ขณะที่พูด สายตาของหลินหยุนก็จ้องมองไปยังบุตรธยานะ

และได้ปล่อยเส้นลำแสงตรงเข้าใส่บุตรธยานะทันที

บุตรธยานะก็คว้าเอาไว้ในมือได้ในพริบตา

ในขณะเดียวกัน พลังอันพิสดารก็ได้แผ่กระจายปกคลุมไปทั่วทั้งภายในวิมาน

ซินเฟยตกใจขึ้นอย่างกะทันหัน รีบหันหน้ามองไปที่หลินหยุนและถามขึ้นว่า “นี่คืออะไร? ”

หลินหยุนพูดว่า “ไม่มีอะไร พวกเราไปกันเถอะ! ”

เมื่อพูดจบ ก็พาซินเฟยออกมาจากวิมาน

ซินเฟยพูดขึ้นว่า “พวกเราไม่สนใจเขาแล้วเหรอ? ”

หลินหยุนพยักหน้า “ไปเถอะ พวกเราไปกันที่ทะเลกวางยักษ์! ”

เวลานี้เขายิ่งรับรู้ได้อย่างลึกซึ้งว่า พลังบำเพ็ญของตนเองนั้นไม่เพียงพอแล้ว

เหตุการณ์แบบที่เกิดขึ้นในเมืองกวางยักษ์นั้น เขาจะไม่ยินยอมให้เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างเด็ดขาด

แน่นอนว่า ถ้าหากไม่มีบุตรธยานะยื่นมือเข้าช่วย เขาเองก็ยังคงมีไพ่เด็ดใบสุดท้ายหลงเหลืออยู่

แต่ถ้าหากแม้แต่ไพ่ใบสุดท้ายยังจะต้องใช้ออกไป ผลลัพธ์ของการที่เขากระทำไปทั้งหมดนั้น ก็คงจะหนักหนาสาหัสอย่างมากเลยทีเดียว

แผนการที่ดีที่สุดในตอนนี้ จำต้องอยู่ที่ทะเลกวางยักษ์ จึงจะสามารถทำให้เขาพบเจอกับปาฏิหาริย์ได้

ดังนั้น ต่อให้จะมีความเสี่ยงต่ออันตรายบ้าง ก็คงไม่เป็นอะไรแล้ว

และในขณะเดียวกันนั้น ยอดฝีมือของสำนักอริยสัจ สำนักเทียนหยุน และสำนักกวางยักษ์ รวมถึงยอดฝีมือผู้ฝึกอิสระอีกจำนวนมาก ต่างก็พากันสืบเสาะค้นหาแหล่งพักพิงของหลินหยุนกันอย่างไม่หยุด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์