เครื่องรางทิพย์ชั้นสูงสองชิ้นที่หลินหยุนเอาออกมา
แม้ว่าจะยังถูกนับอยู่ในหมวดของล้ำค่าชั้นสูง ทว่าแท้จริงนั้นก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับเครื่องรางทิพย์ชั้นยอดมากแล้ว
ของแบบนี้ ในตอนต้นก็เคยกล่าวไปแล้ว ว่าหากเทียบวัดด้วยน้ำชี่ทิพย์แสนหยด
จะว่ามากก็ไม่ได้มาก
จะว่าน้อยก็ไม่ได้น้อย
น้ำชี่ทิพย์แสนหยดคือเงินก้อนใหญ่ก็จริง
แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถหาซื้อของแบบนี้ได้
ไม่งั้นทั้งโลกคุนชางนี้ เครื่องรางทิพย์ชั้นสูงก็คงจะไม่มีจำนวนน้อยขนาดนี้หรอก ส่วนเครื่องรางทิพย์ชั้นยอดก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่เก้าสำนักเองก็คงมีนับชิ้นได้
ฉะนั้น หนึ่งชิ้นแลกแผ่นหยกแสดงตัวตนหนึ่งแผ่น ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ได้ยินซิงเฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร ศิษย์อัจฉริยะแห่งสำนักอริยสัจนั่นก็ไม่ได้โกรธอะไร เขาเพียงแค่เผยยิ้มอ่อนๆและเอ่ยว่า “หากเป็นเช่นนั้น งั้นก็คงต้องขออภัย เพราะนี่ถือว่าเป็นกฎ”
“หากพวกท่านใช้น้ำชี่ทิพย์ งั้นมันก็คือจำนวนหนึ่งแสน”
“ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะใช้ของล้ำค่าอะไร ก็ต้องคิดเป็นเจ็ดส่วนไม่ก็แปดส่วนในสิบของมูลค่าทั้งหมด”
“นี่ไม่ใช่การจงใจหาเรื่องใครทั้งนั้น”
“แต่เป็นกฎเกณฑ์ที่มีมานานแล้ว ส่วนท่านจะยอมรับหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องของท่านแล้วล่ะ!”
พูดเสร็จ อีกฝ่ายก็ยื่นเครื่องรางทิพย์ชั้นสูงทั้งสองชิ้นที่อยู่ในมือของตัวเองและในมือของหญิงสาวอีกคนกลับคืนมาให้
หลินหยุนพยักหน้า พลางยื่นมือรับไว้
จากนั้นก็หันกลับไปมองกลุ่มคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลัง พลันเอ่ยเสียงเรียบว่า “ทุกท่าน เครื่องรางทิพย์ชั้นสูงที่อยู่ในมือฉันตอนนี้ เป็นของล้ำค่าที่ใกล้เคียงกับเครื่องรางทิพย์ชั้นยอด หนึ่งชิ้นต่อน้ำชี่ทิพย์แสนหยด หากมีผู้ใดต้องการแลกก็สามารถเดินขึ้นมาได้เลย”
สิ้นเสียงของหลินหยุน ในศิษย์อัจฉริยะเก้าคนแห่งเก้าสำนัก ก็พลันมีชายคนหนึ่งทำเสียงขึ้นจมูกอย่างเยือกเย็น และปริปากตำหนิว่า “ที่นี่ใช่ที่สำหรับให้นายมาทำการค้าขายหรือยังไง?”
“หากต้องการแลกน้ำชี่ทิพย์ก็ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ซะ ไปแลกกันที่อื่น”
“อย่ามารบกวนกฎระเบียบของที่นี่!”
“ไม่งั้นนายได้เจอดีแน่!”
สิ้นเสียงชายหนุ่มเสื้อน้ำเงินคนนี้ ทำให้ผู้คนที่เดิมต่างตื่นตาตื่นใจเงียบสงบลงทันที
พวกเขามองไปยังเครื่องรางทิพย์ชั้นสูงสองชิ้นที่อยู่ในมือหลินหยุน
แม้ว่าดวงตายังคงเป็นประกายเผยแววอยากได้ ทว่ากลับไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่คนเดียว
เพราะพวกเขาฟังความหมายแฝงในคำพูดนั้นออก
มีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาต่างก็เป็นผู้แกร่งกล้าที่มีพลังบำเพ็ญเซียนอันแข็งแกร่ง
พวกเขาต่างเป็นคนฉลาดทันคน
ทันทีที่หนุ่มเสื้อน้ำเงินปริปากพูด พวกเขาก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ของสองชิ้นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะครอบครองได้!
ก็จริง
ของที่ผ่านการยืนยันมาจากศิษย์อัจฉริยะสองคนแห่งสำนักอริยสัจแบบนี้ ก็นับว่าเป็นของล้ำค่าที่ใกล้เคียงกับเครื่องรางทิพย์ชั้นยอดจริงๆ
คนอย่างพวกเขาต้องใจอยากได้
มีหรือที่ศิษย์อัจฉริยะผู้สูงส่งแห่งเก้าสำนักที่อยู่ตรงหน้านี่จะไม่ถูกตาต้องใจด้วย?
สำนักอริยสัจอาจยังดีหน่อย
เพราะยังไงก็เป็นถึงสำนักใหญ่อันดับหนึ่ง
อีกทั้งพวกเขายังเห็นแก่ภาพลักษณ์ของสำนักตัวเองเป็นอย่างมาก
คงไม่มีทางที่จะมาแก่งแย่งเป็นแน่
ทว่าคนอื่นๆนั้นก็ไม่แน่แล้ว
หลินหยุนได้ยินดังนั้นก็พลันเผยสีหน้าหม่นลง เขาหมุนตัวมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง แต่กลับไม่พูดอะไร เพียงพยักหน้าแล้วเอ่ยกับซิงเฟยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเราออกจากที่นี่ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีดีกว่า!”
พูดเสร็จ ก็หันไปเอ่ยเสียงกังวานอย่างเคร่งขรึมกับฝูงคนว่า “หากมีสหายผู้ใดต้องการเครื่องรางทิพย์สองชิ้นนี้ ก็สามารถนำน้ำชี่ทิพย์มาแลกได้”
สิ้นเสียง ก็พาซิงเฟยเดินออกจากฝูงคนออกไปยังที่ไกลๆ
ทว่าเพิ่งก้าวขาออกไปหนึ่งก้าว ชายหนุ่มเสื้อน้ำเงินนั่นก็ตวาดเสียงดุด้วยสีหน้าขุ่นเคืองว่า “บังอาจนัก! ทั้งที่ก็เคยเตือนไปแล้วว่าอย่ารบกวนกฎระเบียบของที่นี่ก็ยังจะพูดพล่ามไร้สาระอีก!”
“หากวันนี้ไม่สั่งสอนนายเสียหน่อย นายก็คงจะไม่รู้ถึงความน่าเกรงขามของเก้าสำนักสินะ!”
สิ้นเสียงชายหนุ่มเสื้อน้ำเงิน ฉับพลันนั้นเขาก็กระโดดลอยตัวขึ้น
แล้วพุ่งหมัดมายังหลินหยุน
หลินหยุนหันกลับไปทันที พลางพุ่งหมัดใส่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าหม่นหมองเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...