จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1336

สรุปบท บทที่ 1336 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 1336 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

ตอน บทที่ 1336 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

มีผู้คนนับพันที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า

นอกจากศิษย์อัจฉริยะแห่งเก้าสำนักคนอื่นๆที่มีตำแหน่งเช่นเดียวกับเขา

คนที่เหลือที่มาแลกแผ่นหยกแสดงตัวตน

ก็ล้วนแต่เป็นคนมีหน้ามีตาในโลกคุนชางทั้งนั้น

ถูกทำให้อับอายขายขี้หน้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้

หากอีกฝ่ายเป็นตาแก่หรือผู้อาวุโสที่สยบลูกรักสวรรค์แห่งสำนักเต๋าเฉินเซียวเช่นเขาได้ก็ยังพอถูไถได้บ้าง

ทว่า

นี่กลับเป็นการพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มนิรนามที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา

นี่เป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้เด็ดขาด

สำหรับเขาแล้ว นี่ถือเป็นความอัปยศอดสูครั้งใหญ่

“ไอ้คนอมิตร ฉันไม่สนว่าแกคือใคร แต่วันนี้ฉันนิ่งโม่ต้องขย้ำแกจนแหลกให้จงได้!”

พูดเสร็จ มือของเขาก็มีแสงสว่างส่องขึ้น พลันปรากฏกระบี่สีน้ำเงินยาวอยู่ในมือ

กระบี่ออกจากฝัก

ปลายกระบี่ชี้ขึ้นฟ้า

“แควก...”

ทั้งที่เมฆครึ้มและสายฟ้าที่อยู่เหนือฟ้าได้ถูกหลินหยุนขจัดไปหมดสิ้นแล้ว

บนกลางอากาศ

ด้านหลังของนิ่งโม่พลันปรากฏเงาขนาดใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัว

เมื่อเห็นเงานี้ ผู้คนต่างเบิกตาโพลงและสันหลังเย็นเยียบ

“นี่......นี่คือร่างรางเทพฟ้าร้อง!”

“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ......ว่าหนิงโมผู้นี้ที่มีพลังบำเพ็ญเพียงแดนยาทองระดับสาม จะสามารถอัญเชิญร่างรางเทพฟ้าร้องได้!”

“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”

“ไม่ใช่ว่ากันว่า ในสำนักเต๋าเฉินเซียว มีเพียงยอดฝีมือแดนยาทองระดับหกขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถอัญเชิญร่างรางเทพฟ้าร้องได้เมื่อยามสำแดงวิชาฟ้าร้องเสินเซียวงั้นหรอกหรือ? นิ่งโม่ผู้นี้ทำได้ยังไงกัน?”

“หึ เกรงว่าก็คงมีราคาที่ต้องจ่ายไม่น้อยเลยสินะ!”

เมฆและสายฟ้าก่อตัวขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด พลางปกคลุมเหนืออากาศ

ประหนึ่งมีวัตุมืดครึ้มกดทับศีรษะ ดูใกล้จนสัมผัสได้ด้วยมือ

ทันใดนั้น

ศิษย์หนุ่มแห่งสำนักอริยสัจก็กระโดดเหินขึ้นอากาศ ก่อนจะขวางหน้านิ่งโม่เอาไว้

เขามองนิ่งโม่และเอ่ยว่า “พี่นิ่ง เหตุใดต้องทำถึงขนาดนี้ ระงับโทสะเสียก่อน!”

นิ่งโม่เบิกตากว้าง ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยเสียงอำมหิตว่า “น้องลู่ นายจะห้ามฉันงั้นเหรอ?”

ลู่หยู่ที่ถูกขานว่าน้องลู่เอ่ยตอบว่า “พี่นิ่ง ระงับโกรธไว้ก่อนเถอะ พี่น่าจะรู้ดี ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสหายที่อยู่ด้านล่างผู้นี้ เหตุใดจึงจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย!”

“ดังคำกล่าวที่ว่า สันติภาพนำมาซึ่งขุมทรัพย์!”

"ที่เรามาเฝ้าที่นี่ เป้าหมายหลักก็คือลุล่วงภารกิจให้สำเร็จ!”

"เหตุใดพี่นิ่งจึงจะก่อปัญหาเพิ่มให้ได้!”

ลู่หยู่ผู้นี้ไม่รู้ ว่าหลินหยุนก็คือฆาตกรที่สังหารเสิ่นปิงชิง อัจฉริยะแห่งสำนักอริยสัจคนนั้น

ไม่งั้นแล้วล่ะก็

ต่อให้ถูกตีจนตายเขาก็คงไม่มีทางห้ามนิ่งโม่แน่ๆ

นิ่งโม่เอ่ยเสียงขรึมว่า “น้องลู่ ฉันนิ่งโม่เดิมก็คือจะรักษากฎระเบียบของที่นี่ ก็เพื่อที่จะลุล่วงภารกิจให้สำเร็จตามที่ว่า ทว่า น้องลู่และทุกๆท่าน ไม่เพียงแค่ไม่ลงมือช่วยสังหารเจ้าคนอมิตรนี่ด้วยกัน กลับมาห้ามปรามฉันเสียซะงั้น ไม่ทราบว่านี่นับเป็นเหตุผลอะไรของน้องลู่งั้นหรือ?”

“หรือว่าน้องลู่กับเจ้าคนอมิตรนี่ มีความสัมพันธ์ที่บอกคนไม่ได้?”

ลู่หยู่ได้ยินดังนั้นก็ไม่โกรธ กลับเอ่ยว่า “พี่นิ่ง ไม่มีใครโง่เขลาทั้งนั้น ในใจพี่นิ่งวางแผนอะไรไว้ เราทุกคนต่างทราบกันดี ทว่า ต่อหน้าคนมากมาย แม้พี่นิ่งยืนยันจะทำ ก็ไม่ควรที่จะแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ พี่นิ่งคิดว่าอย่างไร?”

“อีกอย่าง ที่ฉันมาห้ามพี่นิ่ง ก็แค่ไม่ต้องการเห็นพี่นิ่งเสียเปรียบเท่านั้น!”

“หากพี่นิ่งคิดว่าจะฆ่าอีกฝ่ายได้ งั้นพวกเราก็จะไม่ยุ่งเรื่องนี้อีก ปล่อยให้พี่นิ่งลงมือได้ตามใจ แบบนี้ว่าอย่างไร?”

นิ่งโม่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันสับเปลี่ยนไปมา ในใจก็ยิ่งโกรธแค้นจนแทบจะระเบิด

สิ่งที่เขาลอบวางแผนไว้ในใจ เดิมคือหากเขาแสดงท่าทีไม่รบให้ตายกันไปข้างก็จะไม่หยุด คนอื่นๆที่เหลือก็ย่อมต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเขาแน่ ๆ

ถึงเวลาเขาค่อยพยายามฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย

จากนั้นก็จะได้ยึดถุงเก็บของมาโดยปริยาย

นิ่งโม่สูดหายใจเข้าลึก ก่อนหันไปเอ่ยกับลู่หยู่ว่า “น้องลู่ ในเมื่อนายพูดมาขนาดนี้แล้ว งั้นฉันนิ่งโม่ก็คงไม่อาจหักหน้าน้องลู่ได้ ทว่า คนคนนี้ทำให้ฉันบาดเจ็บ ไม่เพียงแค่หยามหน้าฉัน ทว่ารวมถึงสำนักเต๋าเฉินเซียวฉันด้วย!”

“ฉันนิ่งโม่เสียหน้าคนเดียวเป็นเรื่องเล็ก!”

“แต่สำนักเต๋าเฉินเซียวเสียหน้านั้นจะว่าอย่างไร!”

“น้องลู่ ฉันเพียงอยากได้คำอธิบาย เท่านี้ไม่ถือว่ามากไปหรอกใช่ไหม?”

ลู่หยู่เผยแววตาไหววูบ ในใจกลับเย้ยหยันเป็นที่สุด พลางลอบแค่นยิ้มเสียงเย็น

กล่าวในใจว่า หากไม่ใช่เพราะนายจะหาเรื่องให้ได้ มีหรือที่จะเสียหน้าแบบนี้?

ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ลู่หยู่ส่ายหน้าเบาๆ และเอ่ยว่า “หากพี่นิ่งพูดแบบนี้ งั้นเรื่องนี้ ฉันก็คงไม่อาจยุ่งได้! จากนี้ไป พี่นิ่งก็จัดการเองเถอะ!”

“หากพี่นิ่งยังยืนยันจะลงมือต่ออีก ฉันขอแนะนำให้พี่นิ่งส่งสารบอกกล่าวผู้อาวุโสรุ่นใหญ่ในสำนักพี่ด้วยเถอะ!”

“ไม่งั้น พี่นิ่งอาจจะเป็นอันตรายได้”

สิ้นเสียง ลู่หยู่ก็หมุนตัวจากไปทันที

นิ่งโม่ที่อยู่กลางอากาศเผยสีหน้าไม่สู้ดี

จู่ๆก็มีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

หากเรียกผู้อาวุโสรุ่นใหญ่ของสำนักมาตอนนี้ งั้นก็คงจะยิ่งสียหน้าหนักกว่าเดิม

คิดได้ดังนั้น

เขาก็ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างเยือกเย็น

กระบี่เล่มยาวในมือพลันชี้ไปที่หลินหยุน และเอ่ยเสียงเหี้ยมว่า “เจ้าคนเหลือขอ แกรอดูไว้ หากฉันฟันแกไม่ได้ ฉันนิ่งโม่ก็ไม่อาจเดินอยู่ที่โลกคุนชางได้อีก!”

“น้องลู่ และทุกท่านจงฟัง!”

“คนผู้นี้ก่อกวนกฎระเบียบของที่นี่ ฉันนิ่งโม่ออกตัวปกป้อง ทว่าพวกท่านกลับไม่ลงมือลงแรง!”

“งั้นฉันก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่ออีก!”

“ที่นี่ก็ปล่อยให้พวกท่านดูแลจัดการกันเองแล้วกัน!”

“ฉันนิ่งโม่ขอตัวลา!”

พูดเสร็จ

นิ่งโม่ก็หมุนตัวเหาะเหินเดินอากาศไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้วยสีหน้าขุ่นเคือง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์