จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1337

สรุปบท บทที่ 1337 สองเยว่มาแล้ว: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 1337 สองเยว่มาแล้ว จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1337 สองเยว่มาแล้ว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

นิ่งโม่ไปแล้ว

มองแผ่นหลังของเขาที่จากไป

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างรู้สึกคาดไม่ถึง

แต่ละคนล้วนแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ

รวมทั้งหลินหยุนและซิงเฟย หรือแม้แต่โจวฮ่าวก็รู้สึกไม่ต่างกัน

โดยเฉพาะโจวฮ่าว ที่ตอนแรกเขาคิดว่าจะเกิดการปะทะกันขึ้นมากันแล้วจริงๆ

คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้

หลินหยุนเองก็คาดไม่ถึงว่าจะจบลงเช่นนี้

สายตาที่จดจ้องไปยังลู่หยู่พลันเผยแววเหนือความคาดหมายเล็กน้อย

ลู่หยู่เองก็ดูสถานการณ์ตรงหน้าออก พลางเหลือบมองหลินหยุนแวบเดียวด้วยเช่นกัน

จากนั้นก็กวาดสายตามองผู้คนโดยรอบ ก่อนจะเอ่ยเสียงกังวานว่า “งานประลองยุทธเก้าสำนัก คืองานอันทรงเกียรติที่หนึ่งแห่งโลกคุนชาง ดังนั้นย่อมต้องการผู้คนจากทั่วมุมทิศของโลกคุนชางมาเข้าร่วมพิธี ณ ที่นี่!”

“เพียงแต่ ทุกท่านเองน่าจะรู้ดี”

“แม้จะมีกฎกำหนดว่าต้องใช้น้ำชี่ทิพย์มาแลกชำระแผ่นหยกแสดงตัวตน แต่แท้จริงแล้วนี่ก็เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้ในการคัดเลือกคนเท่านั้น!”

“เก้าสำนักเองก็จะไม่ถือตัวเป็นใหญ่ ไปกดทับผู้ใดทั้งสิ้น!”

“ไม่เช่นนั้น เรายังจะเป็นหัวหอกแห่งโลกคุนชางได้อย่างไรกัน?”

“เมื่อกี้ที่สหายนิ่งโม่ลงมือโจมตี หนึ่งในเหตุผลก็เพราะเกี่ยวพันกับเรื่องบางอย่าง”

“ฉะนั้นหวังว่าทุกท่านโปรดอย่าได้ถือสา!”

“เอาล่ะ แจกแผ่นหยกแสดงตัวตนต่อได้!”

พูดเสร็จ เขาไม่ได้มองไปที่หลินหยุนต่อ กลับหมุนตัวกลับไปยังศาลานั่นอีกครั้งกับคนอื่นๆ

คนอื่นๆที่เหลือ ต่างมองหลินหยุนแวบหนึ่งแล้วจึงจะเดินตามไป

หลินหยุนพาซิงเฟยเดินออกจากแถว

ทว่า ก็ไม่มีใครเข้ามาซื้อเครื่องรางทิพย์ชั้นสูงสองชิ้นนี้กับพวกเขาอีก

แม้ว่าเรื่องจะไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่ก็ไม่นับว่าเล็กน้อยแน่นอน

คนที่อยู่ที่นี่ ต่างไม่ใช่คนโง่เขลา

นิ่งโม่นั่นทำไมจึงต้องลงมือ?

เหตุผลก็คงไม่พ้นเพราะต้องใจเครื่องรางทิพย์ชั้นสูงที่อยู่ในมือหลินหยุนก็เท่านั้น

ตอนนี้ ไม่ว่าจะอยากได้เพียงใด ก็ไม่อาจไปได้แล้ว มีเรื่องบาดหมางกับศิษย์อัจฉริยะแห่งสำนักเต๋าเฉินเซียว ก็ไม่ต่างกับมีเรื่องบาดหมางกับสำนักเต๋าเฉินเซียวเอง

หากนับตามพลังอำนาจที่พวกเขามีอยู่ในมือ สำนักเต๋าเฉินเซียวย่อมไม่ใช่สิ่งที่พวกเขากล้าดูเบาแน่ ๆ

แต่หากมองดูทั้งโลกคุนชาง

เมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของสำนักเต๋าเฉินเซียวแล้วนั้น แท้จริงแล้วคนเหล่านี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับมดแมลง

ตอนนี้ถ้าพวกเขาไปแลกซื้อเครื่องรางทิพย์กับหลินหยุน ก็ไม่ต่างจากกำลังรนหาที่ตาย

ซิงเฟยเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก หงุดหงิดขุ่นเคืองจนถึงขีดสุด

เธอถลึงตาใส่ไปยังทิศทางของศาลานั่น ก่อนจะละสายตามาถามหลินหยุนว่า “ตอนนี้ควรทำยังไง?”

สถานการณ์ ณ ตอนนี้ บอกตรงๆว่าเริ่มลำบากสำหรับพวกเขาแล้ว

หากไม่เข้าไป ก็ไม่อาจไปยังสุดหล้าทะเลได้

หากเข้าไป ก็เกรงว่านิ่งโม่และสำนักเต๋าเฉินเซียวต้องไม่ยอมรามือเสียแน่

อย่าว่าแต่เข้าไปข้างในเลย

กระทั่งแม้แต่หยุดอยู่ตรงนี้เป็นเวลานาน ก็คงจะเสี่ยงเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่

ครุ่นคิดสักพัก หลินหยุนก็เอ่ยเสียงเบาว่า “หากเราแลกแผ่นหยกแสดงตัวตนกับคนอื่น จะได้หรือเปล่า?”

ซิงเฟยชะงัก “อันนี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”

เพราะว่าไม่มีใครคิดจะทำเรื่องแบบนั้น มีที่ไหนที่ตัวเองซื้อแผ่นหยกแสดงตัวตนเสร็จ ก็เอาไปแลกซื้อกับคนอื่นต่อ

ตัวเธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบพวกนี้เหมือนกัน

หลินหยุนพยักหน้า เอ่ยว่า “ไม่ต้องรีบร้อน เช่นนั้น ก็รออยู่ที่นี่อีกครู่หนึ่งเถอะ ยังไงก็เข้าไปได้แน่นอน!”

หลินหยุนมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถเข้าไปได้

ซิงเฟยรีบเอ่ยถามทันทีว่า “นายยังมีวิธีอื่นอีกงั้นเหรอ? วิธีอะไร? ถ้าซื้อแผ่นแสดงตัวตนจากคนอื่นไม่ได้จริงๆ พวกฉันก็คงไม่มีทางเข้าไปได้แน่ ๆ!”

บอกตามตรง ว่าซิงเฟยเองก็คาดหวังว่าจะได้เข้าไปร่วมชมงานประลองยุทธเก้าสำนักอยู่เหมือนกัน

“ผู้อาวุโสสี่ท่านแห่งสำนักเทียนหยุนดูเร่งรีบขนาดนี้ น่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”

ขณะที่ผู้คนต่างกำลังหารือกัน

ก็พลันมีเงาร่างของผู้แข็งแกร่งอีกไม่กี่คนออกไปตาม

พวกเขาคือผู้แข็งแกร่งของสามสำนักในสิบแปดสำนักเต๋า

เมื่อเห็นผู้แข็งแกร่งเหล่านี้โผล่ออกมา ซิงเฟยก็พลันเผยแววประหลาดใจทันที

เธอหันไปเอ่ยกับหลินหยุนว่า “คงไม่ใช่เพราะกู่ยู่นั่นหรอกใช่ไหม? แต่กู่ยู่ก็ตายไปเป็นเวลานานแล้วนะ ทำไมพวกเขาถึงเพิ่งมารับรู้ตอนนี้?”

หลินหยุนส่ายหน้า ก่อนจะนั่งลงหลับตาทำสมาธิต่อ

เรื่องพวกนี้ เขาไม่อยากไปสนใจอีก

ทันใดนั้น ก็มีเงาร่างนับสิบเหาะเหินเดินอากาศมาจากทิศทางเหนือ

เงาร่างเหล่านั้น โดยเฉพาะพวกคนที่อยู่ด้านหน้าต่างมีกลิ่นอายที่ฉกาจ

พลันพบผู้อาวุโสแห่งสำนักเทียนหยุนมุ่งมาทางนี้พอดี

ทั้งสองฝั่งหยุดชะงักกลางอากาศเพียงชั่วครู่ ก่อนจะหลบทางไปกันคนละทาง

เงาร่างนับสิบนั่น ก็กำลังมุ่งมาทางนี้ด้วยเช่นกัน

ทันใดนั้น หลินหยุนก็พลันลืมตาขึ้น ก่อนจะมองไปยังซิงเฟยและเอ่ยเสียงเรียบว่า “เอาล่ะ พวกเราควรไปกันได้แล้ว!”

พูดเสร็จ ก็เดินไปยังทางเข้างานประลองนั่นอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน เงาร่างนับสิบนั่นก็หยุดลงตรงหน้าทางเข้าด้วยเช่นกัน

ต่างเป็นหญิงสาวสิบกว่าคน

ล้วนมีโฉมหน้างดงามจนสะเทือนบ้านสะเทือนเมือง

เมื่อเห็นเงาร่างเหล่านี้ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเห็นหัวหน้าหญิงสาวที่มีกลิ่นอายแกร่งกล้านั้นแล้ว ผู้คนต่างตะลึงงันจนแทบหยุดหายใจ กระทั่งมีคนไม่น้อยที่เผลอหลุดเสียงอุทานออกมา

“พระเจ้า นี่คือเจ้าสำนักสองเยว่แห่งสำนักเยว่หยุนนี่!”

“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเราจะมีวาสนาถึงปานนี้ ถึงมีบุญตาได้เห็นโฉมหน้าและท่วงท่าแสนสง่าของท่านสองเยว่ที่นี่!”

“ทั้งโลกคุนชางต่างเล่าลือ ว่าเจ้าสำนักสองเยว่แห่งสำนักหยุนเยว่คือโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งคุนชาง คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าจะได้พบเจอที่นี่!”

“เจ้าสำนักสองเยว่เหมาะสมกับฉายานี้อย่างแท้จริง!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์