ตอน บทที่ 1362 ต้องสังหารหลินชางฉองให้ได้ จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1362 ต้องสังหารหลินชางฉองให้ได้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ชายวัยกลางคนคนนี้ใส่ชุดสีเขียวอ่อน เขามีเส้นผมที่พลิ้วไสว ในมือของเขาถือพัดอยู่ เขาเป็นคนที่สง่างามมากๆ
พลังบนร่างกายของเขาดูลึกล้ำ แต่พลังไม่ได้น่ากลัวเลย ให้ความรู้สึกเหมือนนิ่งสงบและอบอุ่น ทำให้คนอื่นๆอยากเข้าใกล้
เมื่อได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคน รองเจ้าสำนักเทียนหยุนที่อยู่ข้างๆก็พูดอย่างเคร่งขรึม "สหายฉางเฟิง คุณพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก สำนักอริยสัจไม่เคยต่อสู้กับหลินชางฉอง พวกคุณไม่รู้จักความร้ายกาจของเขาเลย!"
"ตอนนี้นักบำเพ็ญเซียนทุกคนในโลกคุนชางต่างเรียกเขาว่าเทพสังหาร อสุรกาย มันไม่ได้โอเวอร์เลย!"
"คนๆนี้มีพลังที่แข็งแกร่งมากๆ ไม่เพียงเป็นคนเลือดเย็น ยังมีรังสีฆ่าฟันที่ร้ายกาจมากๆ และเป็นคนที่โชคดีมากๆ"
"ตอนนี้ คนเลือดเย็นอำมหิตคนนี้ กลับปรากฏตัวที่สุดหล้าทะเล"
"นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่จะสังหารเขา โอกาสนี้พวกเราไม่ควรพลาด!"
"สหายฉางเฟิง ถึงแม้สำนักเทียนหยุนของเราจะสู้สำนักอริยสัจไม่ได้ แต่อย่างน้อย พวกเราก็เป็นสำนักอันดับต้นๆของโลกคุนชาง"
"ก่อนหน้านี้ ตอนที่สู้กับหลินชางฉอง พวกเราก็คิดเหมือนกับสหายฉางเฟิง นึกว่าสามารถฆ่าหลินชางฉองได้อย่างง่ายดาย"
"สหายฉางเฟิงรู้ไหมว่าผลลัพธ์เป็นยังไง สุดท้ายแล้วหลินชางฉองก็ยังมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้!"
"ในทางกลับกัน สำนักเทียนหยุนของพวกเรา กลายเป็นตัวตลกของโลกคุนชางเลย"
"สหายฉางเฟิง ฉันหวังว่าคุณจะมีจิตใจที่แน่วแน่มากๆในการสังหารหลินชางฉอง!"
ดวงตาของชายวัยกลางคนกระตุกทันที เขานิ่งไปชั่วครู่และพูดเบาๆ "สหายจวูโม่ คำพูดของคุณมีเหตุผลมากๆ อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรเสียเวลาเพราะหลินชางฉองเพียงคนเดียว ทำให้การประลองเก้าสำนักใหญ่ต้องล่าช้า"
"หลินชางฉองคนนั้น จะฆ่าเมื่อไหร่ก็ได้"
"การประลองเก้าสำนักใหญ่จะล่าช้าไม่ได้"
"ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อหลินชางฉองโดนขังอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ก่อนที่การประลองเก้าสำนักจะสิ้นสุด เขาไม่มีทางหนีรอดไปได้ พวกเราให้เขามีชีวิตรอดอีกไม่กี่วันเท่านั้น!"
"ไม่ต้องพูดถึงสำนักอื่นๆ แค่พวกเราสองสำนักอยู่ตรงนี้ คนๆนี้ก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้อยู่แล้ว!"
ในเวลานี้ มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากๆพุ่งมาจากสถานที่ประลองเก้าสำนักใหญ่และตรงมาที่นี่อย่างรวดเร็ว
คนยังไม่ได้มาถึง แต่เสียงของเธอก็ดังมาถึงแล้ว
"นักบำเพ็ญเซียนทุกคนของสำนักอริยสัจ ห้ามใครออกจากที่นี่! วันนี้ต้องหาหลินชางฉองให้เจอและสังหารเขาให้ได้!"
"สำหรับยอดฝีมือของสำนักอื่นๆและผู้ฝึกอิสระทุกคน!"
"ถ้าพวกคุณช่วยสำนักอริยสัจของเราค้นหาหลินชางฉองจนเจอก็พอ พวกคุณไม่จำเป็นต้องลงมือสังหารเขา แค่นี้สำนักอริยสัจของเราก็มีค่าตอบแทนให้พวกคุณ!"
"ถ้าพวกคุณไม่อยากจะช่วย งั้นก็ไสหัวออกไปไกลๆหน่อย!"
"ถ้ามีใครกล้าขัดขวางฉัน ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร ฉันก็จะสังหารเขาทันที!"
คนที่มาคือหญิงวัยกลางคน เธอใส่ชุดขาว พลังของเธอเยือกเย็นมากๆและเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
เมื่อทุกคนเห็นหน้าของเธอ พวกเขาก็รีบหลบหนีทันที
เมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนมาถึง ชายวัยกลางคนที่ถือพัดเมื่อสักครู่ เขายิ้มอย่างขมขื่นและพูด "ศิษย์พี่ คุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเลย! สำนักอริยสัจเป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกคุนชาง อย่าทำเรื่องเล็กจนเสียเรื่องใหญ่ไปเลย"
"ถ้าทำให้การประลองเก้าสำนักล่าช้า จะทำให้เก้าสำนักเสียหน้าต่อนักบำเพ็ญเซียนทุกคนในโลกคุนชาง!"
หญิงวัยกลางคนบินมาถึงด้านหน้า เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็มองไปที่ฉางเฟิงทันที "เฉินฉางเฟิง คุณกำลังสั่งสอนฉันอยู่เหรอ?"
เฉินฉางเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นทันที จากนั้นเขาก็คำนับผู้หญิงวัยกลางคนและพูด "ศิษย์พี่ คุณรู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!"
ผู้หญิงวัยกลางคนยิ้มอย่างเย็นชา และพูดอย่างโหดเหี้ยม "ฉันไม่สนใจว่าคุณจะคิดยังไง ในเมื่อฉันอยู่ตรงนี้ คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจอะไรตรงนี้ ถ้าคุณยังคิดว่าฉันเป็นศิษย์พี่ งั้นก็ยืนอยู่เฉยๆ และรีบๆหาตัวหลินชางฉองให้เจอ!"
"ถ้าคุณไม่อยากฟังคำพูดของฉัน ถ้างั้นคุณก็ไสหัวออกไปเหมือนคนพวกนั้น!"
"ถ้าคุณยังพูดจาไร้สาระอีก ก็อย่าหาว่าศิษย์พี่อย่างฉันไม่เกรงใจละกัน!"
ด้านในวิมานในเวลานี้ หลินหยุนกับซิงเฟยกำลังนั่งฝึกฝนอยู่
ด้านในหลิงไถ น้ำเสียงของเจียซินก็ดังขึ้นอีกครั้ง "คุณล่วงเกินผิดใจกับยอดฝีมือกี่คนกันแน่? ด้านนอกถูกล้อมเหมือนกรงเหล็กแล้ว ครั้งนี้คุณคงหนีรอดได้ยาก!"
พลังจิตของเธอแข็งแกร่งมากๆ เทียบเท่ายอดฝีมือแดนจิตปฐมระดับสูงสุด ถึงแม้ก่อนหน้านี้ หลินหยุนเคยยืมพลังจิตของเธอมาใช้ ตอนนี้พลังจิตของเธอลดลงมาเยอะ แต่ก็เทียบเท่ายอดฝีมือแดนจิตปฐมระดับกลาง
เมื่อปลดปล่อยพลังจิตทั้งหมดออกมา ทุกซอกทุกมุมของสุดหล้าทะเลจะอยู่ในประสาทรับรู้ของเธอ
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไรอีก เขายังคงนั่งฝึกฝนอยู่
เจียซินพูด "รอดูแล้วกันว่าจะสามารถหลบซ่อนได้ไหม! ถ้าหลบซ่อนไม่ได้จริงๆ คุณ……คุณรีบหนีไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ฝั่งเดียวกับแท่นบูชา เมื่อถึงสถานที่แห่งนั้น บางทีอาจจะมีทางรอดก็ได้"
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ หลินหยุนก็ลืมตาขึ้นมาทันที
สายตาของหลินหยุนเปล่งประกายและถามในใจ "ทำไมถึงพูดแบบนี้?"
เจียซินลังเลเล็กน้อย เธอนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แต่เธอก็เอ่ยปากพูด "แท่นบูชาตรงนั้น เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าฉัน สมัยนั้นตอนที่จักรพรรดิชือโหยวปกครองโลกใบนี้ เขาใช้สถานที่แห่งนั้นบูชาสวรรค์ แน่นอนว่ามันไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอยู่แล้ว"
"ถ้าแท่นบูชาไม่ถูกทำลาย อาจจะสามารถยืมพลังบางส่วนจากแท่นบูชาได้"
"เนื่องจากเวลาผ่านมานานมากแล้ว ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแท่นบูชาถูกทำลายหรือยัง ไม่รู้เหมือนกันว่าสามารถยืนพลังได้ไหม"
"ถ้าสามารถยืมพลังได้ คุณมีโอกาสสูงมากๆที่จะรอดชีวิต!"
"ถ้าไม่สามารถยืมพลังได้ มันก็ไม่มีวิธีอื่นๆอีกแล้ว! ทุกอย่างคงต้องอาศัยคุณเพียงคนเดียวแล้ว!"
หลินหยุนพยักหน้าทันที เขาเข้าใจความหมายของเจียซิน ในจิตใจของเขาก็มีแผนการบางอย่างอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาคิดแค่ชั่วครู่เท่านั้น ไม่ได้คิดว่ามันเป็นทางรอดเพียงทางเดียวเท่านั้น
สำหรับเรื่องไม่แน่นอน เรื่องที่ไม่สามารถรู้ก่อน สำหรับหลินหยุนแล้ว เขาไม่ได้คิดอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตของตัวเองด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...