เมื่อสี่เยว่พูดจบลง ก็นำตัวของฉินชิงถงโยนไปที่ด้านข้าง จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า พุ่งตัวออกไปยังด้านนอกของตำหนัก
หลินหยุนเองก็ติดตามออกไปด้วยเช่นกัน
จากนั้นสองเยว่และคนอื่น ๆ ก็รีบออกมาจากตำหนักกันทั้งหมด
สามเยว่ขมวดคิ้วขึ้น และพูดว่า “พี่สอง! ”
พี่สองพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ให้เจ้าพระคุณสั่งสอนบ้างก็ดี สี่เยว่นั้นชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว! ”
สามเยว่ถึงกับชะงักพูดอะไรไม่ออก
ฉันหมายความว่าแบบนี้น่ะเหรอ?
เจ้าพระคุณน่าจะมีพลังบำเพ็ญที่แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า กว่าตอนที่มายังสำนักในครั้งก่อน
แต่ต่อให้แข็งแกร่งมากขึ้นขนาดไหน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสี่เยว่อยู่ดี!
พลังบำเพ็ญของสี่เยว่ ตัวเธอเองนั้นแอบที่จะประมาณการณ์เอาไว้บ้างแล้ว
ถึงแม้จะเป็นสองเยว่ ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถหยุดยั้งได้
พวกหล่อนทั้งสองคนมีพลังการต่อสู้ ที่สามารถปะทะกับยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเก้าได้
นอกเสียจากว่าเป็นผู้ที่สำเร็จขั้นยาทองระดับเก้าเป็นเวลานานแล้ว ถึงจะสามารถหยุดยั้งได้
แต่เจ้าพระคุณเพิ่งจะมีอายุเท่าไรเองล่ะ!
ต่อให้จะบรรลุขั้นแดนเร็วมากขนาดไหน ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของสี่เยว่ได้?
ในขณะนั้นเอง ทั้งสองคนได้ลอยตัวอยู่กลางอากาศ
สี่เยว่ส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา และยื่นมือออกไปจับตัวของหลินหยุน พลังอันมืดมิดและเยือกเย็นก็ได้โหมกระหน่ำขึ้น
หลินหยุนกระพริบตา จากนั้นก็ชี้นิ้วออกไป และเกิดระเบิดเสียงดังตูมตามขึ้นอย่างกึกก้อง
หลินหยุนลอยตัวอยู่บนอากาศ ผมยาวพลิ้วไสว โดยที่สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร
ส่วนทางสี่เยว่นั้นถึงกับต้องหรี่ตาลง
แม้ว่าเมื่อครู่นี้เธอยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่ก็ได้ใช้พลังบำเพ็ญที่เทียบเท่ากับขั้นยาทองระดับเจ็ด
แต่ คิดไม่ถึงว่าจะถูกหลินหยุนรับมือเอาไว้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ซึ่งเธอคาดคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ
ช่างง่ายดายเกินไปหน่อย
แต่ว่า สี่เยว่เองก็ส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา มองไปที่หลินหยุนและพูดว่า “มิน่าล่ะถึงได้คุยโวโอ้อวด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ให้ฉันดูสักหน่อยว่า ตอนนี้นายมีพลังความสามารถถึงขั้นไหนกันแน่! ”
“พระจันทร์มืด! ”
หลังจากที่สี่เยว่ได้ตะโกนขึ้นนั้น เธอก็ชูมือทั้งสองข้างขึ้น ตรงระหว่างคิ้วก็ได้มีลำแสงที่เยือกเย็นปรากฏขึ้นมาทันที
สี่เยว่ในเวลานี้ ยิ่งดูเข้มขลัง และยิ่งมีความเย็นชามากขึ้นแล้ว
เดิมทีเป็นช่วงเวลาเที่ยงที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างจ้า แต่ทันใดนั้น สีของท้องฟ้าก็กลับมืดมิดลงอย่างที่สุด
พระจันทร์มืดที่เยือกเย็น ได้ผุดขึ้นมาจากทะเลเมฆ
อุณหภูมิทั่วทั้งชั้นฟ้าชั้นดินได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
แสงพระจันทร์สาดส่องมายังพื้นดิน ราวกับว่ามีเกล็ดหิมะโปรยปราย ร่วงหล่นลงมาแล้ว
เกล็ดหิมะนั้น ก็คือแสงทรงกลด โดยในแต่ละชิ้นต่างแฝงด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แทบจะทำให้หายใจไม่ออก
หลินหยุนเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ย มองไปที่สี่เยว่และพูดขึ้นว่า “เหมือนว่าเธอจะลืมสถานะของฉันไปแล้ว การสืบทอดของสำนักหยุนเยว่ที่เธอได้รับนั้น ก็เป็นเพียงแค่วิชาบางส่วนเท่านั้นเอง! ”
“วันนี้ยังกล้าที่จะมาแสดงพลังต่อหน้าของฉันอีก! ”
“ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริงเลย! ”
วิชาพระจันทร์มืดที่สี่เยว่แสดงออกมานั้น ทรงพลังไร้เทียมทาน ถึงขนาดทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี มองดูแล้วราวกับว่าเป็นเวลากลางคืนอย่างไรอย่างนั้น
แต่มีเพียงแค่ผู้บำเพ็ญเซียนสำนักหยุนเยว่เท่านั้น ที่รู้ว่าการกระทำได้ถึงขั้นนี้ จำเป็นจะต้องใช้พลังบำเพ็ญอย่างมหาศาลมากเพียงใด
แต่ทุกคนในเวลานี้รวมถึงสองเยว่ด้วย ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
สี่เยว่ ช่างแข็งแกร่งมากเสียจริง!
โดยสามารถที่จะแสดงวิชาพระจันทร์มืดได้ถึงขั้นนี้ ต่อให้ในตอนที่สองเยว่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็เหมือนจะพอแสดงวิชานี้ได้บ้างเท่านั้น
ดังนั้นเวลานี้พวกเธอจึงอดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไป
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้เห็น พลังบำเพ็ญของสี่เยว่ ซึ่งคิดไม่ถึงว่าจะน่าสะพรึงกลัวมากถึงขั้นนี้แล้ว
หลินหยุนหัวเราะเยาะ แล้วก็ก้าวเดินออกมา
“พระจันทร์มืด! ”
เมื่อเขาได้พูดสองคำนี้ออกมา ทั่วทั้งฟ้าดินก็มืดมิดลงไปในทันที จากนั้นทุกคนก็ได้มองเห็นปรากฏการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ พระจันทร์สว่างอีกหนึ่งดวง ก็ผุดพุ่งขึ้นในท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
พระจันทร์สว่างดวงนี้ ดูเหมือนว่าจะมีขนาดเล็กกว่าดวงก่อนหน้านี้เล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...