สรุปตอน บทที่ 1385 แบ่งแยกสำนัก – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่
ตอน บทที่ 1385 แบ่งแยกสำนัก ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ทราบกันดีว่า ท่านอาจารย์ของเธอนั้น เป็นถึงยอดฝีมือขั้นยาทองระดับแปดเลยทีเดียว!
ทั่วทั้งโลกคุนชาง จะมียอดฝีมือขั้นยาทองระดับแปดจำนวนกี่คนกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอาจารย์ของเธอเคยพูดไว้ว่า อย่ามองว่าเธอคือยอดฝีมือขั้นยาทองระดับแปด แต่ต่อให้ต้องต่อสู้กับพวกยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเก้าแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถต่อสู้ได้!
แต่ แม้ว่าท่านอาจารย์ของเธอที่แข็งแกร่งระดับนี้ ก็ยังต้องพ่ายแพ้ลงด้วยน้ำมือของหลินหยุน!
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ตอนก่อนหน้านี้ที่อยู่เมืองมี่หยุน หลินหยุนไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้เลย!
หลินหยุนในตอนนั้น มีพลังบำเพ็ญแค่ขั้นยาทองระดับสามเท่านั้น!
แต่นี่เพิ่งจะผ่านไปนานเท่าไรเอง?
แม้แต่ท่านอาจารย์ของเธอก็ยังสามารถเอาชนะได้แล้ว!
ฉินชิงถงถึงกับบ้าคลั่งไปเลยทีเดียว!
ครั้งนี้ ก่อนหน้างานประลองยุทธเก้าสำนักจะเริ่มขึ้น เธอสามารถบรรลุพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับสามได้แล้ว ท่านอาจารย์ของเธอรู้สึกพึงพอใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
เพราะว่าเธอเหมาะสมกับการฝึกฝนวิชาของสำนักหยุนเยว่เป็นอย่างดี
กอปรกับการที่ท่านอาจารย์ได้จัดสรรทรัพยากรเอาไว้มากมาย ดังนั้นจึงก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ท่านอาจารย์ของเธอเคยพูดเอาไว้ว่า ถึงแม้จะกวาดสายตามองไปทั่วทั้งโลกคุนชางแล้ว ระดับการบรรลุขั้นแดนที่รวดเร็วของเธอนั้น ถือได้ว่าเป็นที่หนึ่งอย่างแน่นอน!
แต่มีเรื่องที่น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เธอเองนั้นไม่ใช่หญิงสาวพรหมจรรย์
ถ้าหากเธอคือหญิงสาวพรหมจรรย์แล้ว การก้าวหน้าของเธอจะยิ่งรวดเร็วมากขึ้นไปอีกขั้น
นี่ก็คือความแตกต่าง
แต่หลินหยุนทำไมถึงก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้ล่ะ?
ทราบกันดีว่า เดิมทีหลินหยุนก็อยู่ในขั้นแดนยาทองแล้ว นี่คือการเพิ่มระดับให้สูงขึ้น!
ไม่ใช่แบบเธอนั้น ที่เริ่มต้นจากขั้นแดนฝึกพลังขึ้นไปถึงขั้นแดนยาทอง
เวลานี้ หลินหยุนราวกับว่าได้กลายเป็นภูเขาสูงที่ยากจะข้ามผ่านอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ภูเขาสูงนี้ ถึงขนาดที่มีความสูงกว่าท่านอาจารย์ของเธอเองเสียอีก!
เธอคิดว่า เธอเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนเป็นเวลานานขนาดนี้ เพิ่มระดับพลังบำเพ็ญถึงขั้นยาทองระดับสาม ในที่สุดก็มีโอกาสที่จะแก้แค้นกับหลินหยุนแล้ว!
แต่ในความเป็นจริงนั้นเธอกลับต้องถูกตบหน้าอย่างรุนแรงอีกครั้ง!
ไม่เพียงแต่เธอไม่สามารถย่นระยะพลังความสามารถลงได้แม้แต่น้อย กลับยังจะถูกทิ้งระยะห่างไกลออกไปอีก
ห่างไกลถึงขั้นที่แม้แต่ท่านอาจารย์ของเธอเองก็ยังไม่สามารถต้านทานได้!
เวลานั้น สภาพจิตใจของฉินชิงถงถึงกับหมดสิ้นความหวังอย่างที่สุด!
ส่วนหลินหยุนในตอนนี้ไม่ได้สนใจพวกคนอื่นเลย โดยยืนอยู่ด้านหน้าของหอว่างหยุน แล้วมองไปยังสองเยว่ที่เพิ่งจะเหาะมาถึง และพูดขึ้นว่า “ขณะที่เดินทางกลับมานั้น ฉันเคยได้พูดถึงเรื่องของสำนักอริยสัจและสำนักเทียนหยุนแล้ว ซึ่งเธอต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง! ”
พูดจบ ยังไม่ทันรอให้สองเยว่พูด ก็หันหลังเดินไปยังหอว่างหยุน
หอว่างหยุนนี้ เป็นอาคารเดี่ยวสามชั้นขนาดเล็กหลังหนึ่ง
กุญแจล็อกที่ประตูนั้น มองดูแล้วเหมือนจะเป็นกุญแจล็อกทั่วไป โดยกุญแจล็อกนี้ไม่ได้มีรูกุญแจอะไรเลย
และที่ด้านหน้าประตูยังมีค่ายกลที่มองไม่เห็นด้วย
พูดให้ถูกต้องชัดเจนก็คือ หอหลังนี้ อยู่ท่ามกลางค่ายกล
หลินหยุนยกแขนขึ้น และปล่อยพลังที่มองไม่เห็นออกมา จากนั้นก็กำแม่กุญแจเอาไว้ในมือ
ทันใดนั้น แม่กุญแจที่ไม่มีรูกุญแจ ก็เปิดออก
หลินหยุนผลักประตูแล้วเดินเข้าไปด้านใน
ประตูหอก็ปิดตัวลงในทันที
ภายใต้ขั้นบันได
สองเยว่ถอนหายใจยาว ภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่นั้น ถึงกับทำให้เธอตกใจอย่างที่สุด
พลังความสามารถที่หลินหยุนแสดงออกมานั้น ช่างน่ากลัวมากยิ่งนัก!
และเธอก็มั่นใจว่า นั่นยังไม่ใช่พลังความสามารถทั้งหมดของหลินหยุน
ตอนนี้เธอเชื่อในตัวของเขาโดยสิ้นเชิง
สองเยว่เหมือนจะมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
โดยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เป็นคนลังเลตัดสินใจอะไรชักช้า
เธอพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ฉันได้ตัดสินใจแล้ว อีกทั้ง ทางเจ้าพระคุณนั้นก็พูดเอาไว้แล้วว่า จะสนับสนุนทุกการตัดสินใจของฉัน! พวกเธอไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว! ”
“สี่เยว่ บอกการตัดสินใจของเธอมาในตอนนี้ได้เลย! ”
สี่เยว่มีสีหน้าท่าทางที่หม่นหมองอย่างที่สุด และสูดหายใจลึก ซึ่งยังถือว่าเธอนั้นเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้เป็นอย่างดีที่สุด
ผ่านไปสักพัก เธอก็มองไปที่สองเยว่อย่างลึกซึ้ง และพูดขึ้นว่า “ตกลง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็เลือกที่จะแบ่งแยกสำนัก! สองเยว่ เธอจะต้องรู้สึกเสียใจภายหลัง กับการกระทำของเธอในวันนี้อย่างแน่นอน! ”
“สมบัติล้ำค่าสูงสุดของสำนัก ฉันต้องการเพียงแค่สามชิ้น! ”
“ชิ้นแรก บ่อล้างจันทร์! ”
“ชิ้นที่สอง ล้อจันทร์! ”
“ชิ้นที่สาม หินจันทร์! ”
ได้ยินที่เธอพูด สามเยว่ก็โกรธเคืองขึ้นทันที และตวาดเสียงแข็งว่า “สี่เยว่ เธอช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก! สมบัติล้ำค่าสามชิ้นนี้ คือสมบัติล้ำค่าสูงสุดที่สำคัญของสำนัก! เธอยังกล้าที่จะเอาไปอีก! ”
สี่เยว่หัวเราะเยาะ และไม่ได้มองไปยังสามเยว่เลย โดยมองไปที่สองเยว่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “พี่สอง ฉันจะเรียกเธอว่าพี่สองเป็นครั้งสุดท้าย คำพูดเมื่อครู่นี้ เธอเองเป็นคนที่พูดขึ้น ตอนนี้คงจะไม่เสียใจและไม่คิดจะกลับคืนคำหรอกนะ? ”
สองเยว่สีหน้าย่ำแย่อย่างมาก แต่ก็ยังกัดฟันพูดขึ้นว่า “ไม่อย่างแน่นอน! ตกลง สมบัติล้ำค่าสามชิ้นนี้ ตอนนี้เธอสามารถนำมันไปได้แล้ว! ฉันไม่อยากที่จะเห็นพวกเธอที่สำนักหยุนเยว่แห่งนี้อีก! ”
เมื่อได้ยินสองเยว่ตอบตกลงแล้ว ห้าเยว่และคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านข้างของสี่เยว่ ต่างก็มีแววตา ที่ตื่นเต้นดีใจกันทั้งหมด
สมบัติล้ำค่าสูงสุดสามชิ้นนี้ ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าของสำนักที่จัดอยู่ในลำดับต้น ๆ ซึ่งมีผลดีอย่างมากต่อการบำเพ็ญฝึกฝนพลังวิชา
แต่ในตอนนี้ คิดไม่ถึงว่าสองเยว่จะตอบตกลงแล้ว!
ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ!
สี่เยว่ไม่พูดอะไรต่ออีก บินเหาะไปยังด้านหลังของตำหนักในทันที
ผ่านไปชั่วครู่ ก็มีคลื่นพลังที่แข็งแกร่งปะทุขึ้น
ไม่นานนัก เธอก็กลับขึ้นไปอยู่ในอากาศอีกครั้ง
สุดท้ายก็ได้มองไปที่สองเยว่และคนอื่น ๆ เล็กน้อย จากนั้นก็พาห้าเยว่และคนอื่น ๆ จากไปโดยทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...