จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1386

สรุปบท บทที่ 1386 เจตนารมณ์: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 1386 เจตนารมณ์ จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1386 เจตนารมณ์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

สี่เยว่จากไปแล้วจริงๆ

พร้อมพาฉินชิงถง ลูกศิษย์ของเธอไปด้วย

ห้าเยว่ หกเยว่ แปดเยว่ เก้าเยว่ และสิบเอ็ดเยว่ก็ไปด้วยเช่นกัน

รวมถึงเหล่าลูกศิษย์ของพวกเธอเอง

ส่วนคนของสำนักอื่นๆที่เหลือ ก็อาจจะมีคนของพวกสี่เยว่อยู่ในนั้น

ทวาสี่เยว่กลับไม่ได้ไปสนใจ

ประหนึ่งว่าเธอไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแม้เพียงเวลาธูปดอกเดียว

เธอจากไปอย่างเร่งรีบมาก

บางที อาจเป็นเพราะเธอเองก็ไม่มีหน้าจะอยู่ในสำนักต่อไปได้

เพราะเธอที่เป็นถึงยอดฝีมือแดนยาทองระดับแปด กลับไม่อาจเอาชนะได้แม้แต่ชายหนุ่มคนหนึ่ง ช่างน่าอับอายขายหน้ายิ่งนัก

แน่นอนว่าก็ไม่มีใครคาดคิด ที่ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้

ทว่าฉับพลันนั้น ก็มีเงาร่างหนึ่งที่หวนกลับมาใหม่

เธอคือห้าเยว่!

ผู้สนับสนุนที่ยึดมั่นในตัวสี่เยว่ที่สุด!

พลังบำเพ็ญแดนยาทองระดับเจ็ด!

เมื่อเห็นการกลับมาของห้าเยว่ เหล่าศิษย์สำนักหยุนเยว่ต่างนึกว่าเธอต้องการจะทำอะไรบางอย่าง สายตาของคนส่วนใหญ่ที่จับจ้องไปยังเธอนั้นไม่สู้ดีนัก

ห้าเยว่ลอยตัวลงมา สามเยว่ก็พลันทำเสียงเย็นขึ้นจมูก เอ่ยว่า “ทำไม หรือยังอยากจะเอาของอะไรอีกงั้นเหรอ?”

“อย่ามากกันเกินไปหน่อยเลย!”

ห้าเยว่กวาดตามองสามเยว่แวบหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอย่างขุ่นเคือง เอ่ยว่า “พี่สาม เหตุใดจึงต้องพูดแบบนี้ด้วย!”

พูดเสร็จ เธอก็หันไปมองสองเยว่ เอ่ยว่า “พี่สอง ฉันลองคิดดูแล้ว ฉันว่า ฉันอยู่ที่นี่ต่อจะดีกว่า!”

สองเยว่เผยสีหน้าหม่นหมอง เอ่ยว่า “ในเมื่อเธอตัดสินใจจะติดตามสี่เยว่ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนความคิดอีก!”

ห้าเยว่ได้ยินดังนั้น ก็แค่นเสียงยิ้มลำบากใจ เอ่ยว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร ฉันเติบโตมากับที่นี่ตั้งแต่เด็ก คนส่วนใหญ่ในพวกฉัน ต่างเป็นพี่ใหญ่ที่ช่วยเลี้ยงดูจนโต!”

“พี่ใหญ่ก็เสมือนเป็นแม่ของพวกเรา!”

“ส่วนสำนัก ก็เสมือนเป็นบ้านหลังหนึ่ง!”

“แม้พี่ใหญ่จะไม่อยู่แล้ว แต่บ้านหลังนี้ก็ยังคงอยู่!”

“ไม่ว่าใครก็ตามที่อยากจะทำลายบ้านของฉัน ฉันก็จะสู้สุดชีวิตกับมัน!”

“ฉันไม่อาจมองดูให้ใครคนอื่นมาทำลายบ้านของฉัน มาฆ่าคนในครอบครัวของฉันต่อหน้าต่อตา ส่วนตัวเองนั้นกลับได้แต่ดูอยู่ห่างๆ!”

“ฉันคิดแล้วคิดอีก เรื่องแบบนี้ ฉันไม่อาจทำได้!”

คำพูดของเธอ สองเยว่นั้นเข้าใจเป็นอย่างดี ทว่า พวกสามเยว่กลับไม่มีใครตระหนักได้ในทันที

พวกเธอไม่รับรู้ ว่าสำนักหยุนเยว่ในตอนนี้ กำลังจะเผชิญกับมรสุมแบบไหน!

เดิมที พวกห้าเยว่เองก็มองไม่ออกว่าสถานการณ์มันเป็นยังไงกันแน่

ทว่าหลังจากที่พวกเธอจากไป สี่เยว่ก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างออกมาอย่างหมดเปลือก

การกระทำทั้งหมดนี้ของสองเยว่ ไม่ใช่เพราะต้องการจะเนรเทศพวกสี่เยว่ออกไปจากสำนักจริงๆ

หากแต่เพราะต้องการเก็บคนบางส่วนไว้เพื่อสืบสานสำนักหยุนเยว่ต่อไปต่างหาก

คนอื่นไม่อาจเข้าใจได้ แน่นอนว่าสี่เยว่ไม่มีทางที่จะไม่รับรู้

นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม เธอจึงได้จากไปอย่างเร่งรีบขนาดนั้น

เพราะยิ่งอยู่ที่นี่นานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

ครั้งนี้ อาจจะเป็นวาระสุดท้ายของสำนักหยุนเยว่แล้วจริงๆ

เดิมที สี่เยว่นั้นไม่ต้องการที่จะเอ่ยถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของสองเยว่ ทว่าสุดท้ายเธอก็เล่ามันออกมาอยู่ดี เหตุผลก็ง่ายๆ เพราะเธอไม่อาจไปตัดสินใจแทนใคร เมื่อยามที่สำนักกำลังเผชิญกับความเป็นความตายแบบนี้!

แม้ว่าจะเป็นห้าเยว่ คนที่สนิทกับเธอมากที่สุด และคอยยืนหยัดเคียงข้างเธอมาโดยตลอดก็ตาม

แต่เธอก็ไม่มีสิทธ์ที่จะไปตัดสินใจแทนห้าเยว่!

ดังนั้น เธอจึงพูดมันออกมา!

ส่วนพวกห้าเยว่ที่หลังจากได้ฟังคำบอกเล่าของสี่เยว่แล้วก็ต่างรู้สึกตกตะลึง

พวกเธอเข้าใจแล้ว ว่าการที่สองเยว่ให้พวกเธอจากไป บนตัวของพวกเธอนั้นกำลังแบกรับภาระอันหนักอึ้งเพียงใด!

ทว่า ยังไงพวกเธอก็ยังอยากกลับมาอยู่ดี!

จนในที่สุด สี่เยว่ก็ให้ห้าเยว่กลับไปที่สำนัก

เพราะคนอื่นๆที่รวมถึงหกเยว่ ต่างมีพลังบำเพ็ญเพียงแดนยาทองระดับหกเท่านั้น

แม้จะกลับมา ก็คงจะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก

ไม่ต่างอะไรกับมารนหาที่ตาย

แต่ก็ไม่ใช่ระดับแกร่งกล้าเป็นสุดยอดอัจฉริยะเหนือมนุษย์แน่นอน

ไม่เพียงแค่ไม่ใช่ แต่ยังอีกห่างไกลเลยต่างหาก

ตอนนี้มองดูเจียงอิ้งเยว่ที่อยู่ตรงหน้า สองเยว่ก็พลันรู้สึกเลื่อนลอยเล็กน้อย

ประหนึ่งว่าหวนกลับไปถึงตอนนั้น ตอนที่เธอเพิ่งพบกับเจียงอิ้งเยว่ เด็กน้อยคนนั้นที่ยังอยู่ในผ้าห่อเด็ก

ผ่านไปเนิ่นนาน สองเยว่จึงจะเอ่ยถามเสียงเบาว่า “กลัวไหม?”

เจียงอิ้งเยว่ได้ยินดังนั้นก็ส่ายหัวปฏิเสธอย่างหนักแน่น เอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ ฉันไม่กลัวค่ะ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอันตรายแบบไหน ฉันก็ไม่กลัวทั้งนั้น!”

สองเยว่พยักหน้ายิ้มๆ เอ่ยว่า “ไปรักษาแผลเถอะ!”

พูดเสร็จ สองเยว่ก็เหาะเหินเดินอากาศไปยังหอว่างหยุน

มาถึงหน้าประตู เธอก็นั่งขัดสมาธิ

และเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บด้วยเช่นกัน

อาการเธอไม่หนัก ทว่าก็ไม่เบา ตอนนี้ ยังไงก็ต้องรีบรักษาให้หายเสียก่อน

จากนี้ไป จะมีการสู้รบครั้งใหญ่กำลังรอเธออยู่!

เพียงแต่ไม่มีใครรู้ ว่าการสู้รบในครั้งนี้ จะมาถึงตอนไหน

ส่วนหลินหยุน ณ ตอนนี้ ก็เข้าไปยังด้านในของหอว่างหยุนแล้ว

ชั้นแรกเป็นเพียงห้องโถงที่เรียบง่าย

ทว่าในห้องโถงนี้ กลับมีเพียงเก้าอี้สองตัว

โต๊ะอีกหนึ่งตัว

นอกนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว

ส่วนตรงกำแพงด้านทิศเหนือ ก็มีภาพวาดคนแขวนอยู่บนนั้น

นั่นคือภาพของผู้ชายคนหนึ่ง

ชายหนุ่มคนหนึ่ง

ดูแล้วคล้ายคลึงกับหลินหยุนถึงเก้าส่วน

คนคนนั้นก็คือหลินหยุนนั่นเอง

ทุกขีดและทุกเส้นบนภาพนี้ ต่างซ่อนไปด้วยความคิดถึงและความอ่อนโยนที่มากล้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์