ชั่ววินาทีที่เห็นภาพตัวเอง ใจของหลินหยุนก็พลันถูกสะกิดขึ้นมาอีกครั้ง
ทว่านั่นไม่ได้รั้งให้เขาหยุดอยู่ที่นี่
ชายหนุ่มยืนมองอยู่ที่เดิมเพียงชั่วครู่ ก็ก้าวขาเดินไปยังชั้นสองเลยทันที
ที่นี่คือห้องสมุด
มีชั้นวางหนังสืออันเล็กที่ประณีตสวยงาม และเปลนอนเล็กๆที่ถูกแขวนไว้
วินาทีที่เห็นเปลนอน หลินหยุนก็พลันเผยรอยยิ้ม
ยิ้มเพราะรู้ดี
ว่านี่คือสิ่งที่เธอชอบมากที่สุด
เย่เยว่มักจะชอบนอนบนเปลคนเดียวอย่างเงียบสงบ บ้างก็เหม่อลอย บ้างก็อ่านหนังสือ เหมือนว่านี่จะเป็นงานอดิเรกหลักของเธอไปแล้ว
ดังนั้นตอนที่เห็นเปลนอนอันเล็กนั่น หลินหยุนจึงได้ยิ้มออกมา
พลันยิ่งรู้สึกคิดถึงหญิงสาวคนนั้น
เขาก้าวขาเดินไปยังโต๊ะหนังสืออันเล็กที่อยู่หน้าเปลนอน บนนั้นมีหนังสือเก่าเล่มหนึ่งถูกวางไว้
และยังมีกระดาษสีเหลืองอีกไม่กี่แผ่น
หลินหยุนหยิบหนังสือเก่าขึ้นมา แล้วพลิกเปิดเบาๆ
บนนั้นมีแต่ตัวอักษรเล็กทว่าดูสวยงามสบายตาเต็มไปหมด
มันคือลายมือของเย่เยว่
วินาทีที่เห็นตัวหนังสือเล็กเหล่านี้ หลินหยุนก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย
เสมือนว่าเขาไม่เคยอยู่ใกล้เย่เยว่ถึงเช่นนี้มาก่อนเลย
กระทั่งวิญญาณของเย่เยว่เมื่อครั้งก่อน ก็ไม่อาจให้ความรู้สึกคุ้นเคยเทียบกับตอนนี้ได้
หนังสือเล่มนี้ คือสมุดบันทึกประจำวันของเย่เยว่
คือสิ่งที่เธอได้พบเจอหลังจากที่เกิดใหม่
คือทุกประสบการณ์ที่เธอได้พบเห็น
และคือความคิดถึงอันลึกซึ้งของเธอที่มีต่อหลินหยุน
ทุกหน้าจะมีชื่อของเขา มีความคิดถึงและเสน่หาที่มีต่อเขา
หลินหยุนเปิดดูคร่าวๆไปสองหน้า ก็เก็บหนังสือเข้าไปในถุงเก็บของของเขาอย่างเบามือ
ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมามัวอืดอาด
หลินหยุนกวาดตามองทั่วทั้งชั้นสอง
ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วก้าวเดินขึ้นไปยังชั้นสามต่อ
เมื่อมาถึงตรงปากบันไดชั้นสาม พลันมีค่ายกลแกร่งกล้าอันหนึ่งขัดขวางอยู่ตรงหน้า
เพียงแต่ค่ายกลนี้ สำหรับหลินหยุนแล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่ปัญหา
ไม่นาน หลินหยุนก็ก้าวเดินขึ้นไปยังชั้นสามต่อ
ก่อนจะมาถึงชั้นสามที่เป็นชั้นสุดท้าย
ชั้นสาม คือห้องส่วนตัวของเธอ
มีเตียงนอนนุ่มหนึ่งเตียง ตรงหน้าต่างมีโต๊ะแปดเหลี่ยมหนึ่งตัว บนโต๊ะก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งถูกวางไว้
เมื่อเห็นกระดาษแผ่นนี้ หรือถ้าจะพูดให้ถูก คือเมื่อเห็นตัวอักษรบนกระดาษแผ่นนี้แล้ว หลินหยุนก็พลันเผยแววซาบซึ้งอีกครั้ง
เพราะบนกระดาษแผ่นนี้ คือข้อความของเย่เยว่ถึงเขา
บนกระดาษ มีจี้หยกสีขาวอันหนึ่งทับวางไว้
หลินหยุนเดินเข้าไปทีละก้าว ยื่นมือหยิบจี้หยกขึ้นมา ก่อนจะใช้ญาณสัมผัสเล็กน้อย ทันใดนั้น จี้หยกก็พลันปลดปล่อยขุมพลังที่น่าพรั่นพรึงออกมา
ทำให้หลินหยุนต้องรีบเก็บพลังทิพย์ทันที
นี่คือของวิเศษเพื่อการโจมตีเพียงครั้งเดียวที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐม
เพียงแต่นี่น่าจะเป็นของที่ผู้บำเพ็ญเซียนที่เพิ่งบรรลุแดนจิตปฐมได้ไม่นานทิ้งเอาไว้
นี่ก็แปลว่า
ตอนนั้นที่เย่เยว่จากไป พลังบำเพ็ญเซียนของเธอ ต้องบรรลุแดนจิตปฐมแล้วอย่างแน่นอน
หลินหยุนเก็บจี้หยกสีขาว
แล้วหยิบกระดาษบนโต๊ะขึ้นมาดู
เห็นเพียงบนนั้นเขียนไว้ว่า:
หยุน เห็นตัวหนังสือประหนึ่งพบหน้า
ตอนที่นายมาถึงที่นี่ ฉันก็คงน่าจะจากไปแล้วล่ะ!
ฉันไม่รู้ว่านายจะมาได้จริงๆหรือเปล่า แต่ยังไงฉันก็หวังว่านายจะมานะ ฉันหวังว่านายจะเห็นร่องรอยเหล่านี้ที่ฉันทิ้งไว้ให้
พวกเราแยกจากกันนานเกินไป......
ฉันรู้ว่าเป้าหมายของนายคืออะไร และยิ่งเข้าใจถึงเจตจำนงของนาย
ดังนั้น ฉันจึงเก็บจี้หยกอันหนึ่งทิ้งไว้ที่นี่ บางทีนายอาจไม่ได้ใช้มัน หรือบางทีก็อาจจะได้ใช้
นอกเหนือจากนี้ ก็คือของล้ำค่าสองชิ้นที่ฉันหามาได้ในหลายปีมานี้
นี่คือของล้ำค่าที่สามารถหล่อหลอมยาทองระดับเทพขึ้นมาได้
ฉันคิดว่านายคงต้องการมันมากแน่ ๆ
อีกอย่างหนึ่งก็คือ แม้ว่าฉันจะหานายไม่เจอ ทว่าฉันกลับสามารถมองเห็นเงาของนายได้ทุกที่บนดาวไกอาแห่งนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...