เขากับเจียซิน ได้ทำสัญญากันไว้แต่แรกแล้ว
หรือถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือข้อแลกเปลี่ยน
เขาไม่มีหน้าที่อะไร ที่จะต้องมอบหินตัวกลางก้อนนี้ให้อีกฝ่าย
หลินหยุนถือหินตัวกลางไว้ในมือ พลันนั่งขัดสมาธิลงบนเตียงโดยปราศจากความลังเลใดๆ จากนั้นก็เริ่มทำการหล่อหลอมยาทองขึ้นอีกครั้ง
ในหินตัวกลางก้อนนี้ มีกฎเกณฑ์ของต้าเต๋าคงอยู่
ดังนั้นหลินหยุนจึงหล่อหลอมยาทองได้เร็วกว่าครั้งก่อน
เร็วกว่ากระทั่งสามถึงสี่เท่า
ในขณะที่หลินหยุนกำลังหล่อหลอมยาทอง นอกสำนักหยุนเยว่ในตอนนี้ มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมุ่งมารวมตัวกันทางนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
นำโดยสำนักอริยสัจ
พร้อมทั้งสำนักเทียนหยุน และยอดฝีมือแห่งสำนักฉีซาน
นอกจากสามสำนักใหญ่นี้ กระทั่งสำนักเต๋าเฉินเซียวเอง ก็มีการมาเยือนของผู้แข็งแกร่ง
ผู้ที่เป็นหัวหอก ย่อมเป็นเจ้าสำนักยอดฝีมือแดนยาทองระดับเก้าแห่งสำนักอริยสัจ
จากนั้นก็เป็นเจ้าสำนักเทียนหยุน
ยอดฝีมือแดนยาทองระดับเก้าสองคน
ตามหลังด้วยเสิ่นฉง เฉินฉางเฟิง และยังมีผู้อาวุโสหนึ่งท่านของสำนักเต๋าเฉินเซียว ผู้อาวุโสหนึ่งท่านของสำนักฉีซาน และรองเจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนหยุน
ยอดฝีมือแดนยาทองระดับแปดห้าคน
นอกจากยอดฝีมือชั้นยอดเจ็ดคนนี้แล้ว ก็มีบุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจ บุตรธยานะแห่งสำนักธยานะ บุตรกระบี่แห่งสำนักกระบี่เป่ยโต่ว และหวงฉาวแห่งสำนักเทียนหยุน
คนเหล่านี้เองก็ต่างปรากฏตัวที่นี่
นอกจากผู้บำเพ็ญเซียนจากเก้าสำนักใหญ่ ยังมีที่มากกว่านั้นคือเหล่าผู้บำเพ็ญเซียนจากสิบแปดสำนักเต๋า
และยังมีผู้บำเพ็ญเซียนอิสระ
ณ ตอนนี้ ทางด้านฝั่งนี้นั้นอื้ออึงเอิกเกริก
ยังมีผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยที่กำลังมุ่งหน้ามา
หนึ่งในนั้นมีผู้บำเพ็ญเซียนฉกาจสองคน พวกเขาแต่งกายด้วยเสื้อคลุมยาวสีดำทั้งตัว บนศีรษะสวมหมวกสาน
มองเห็นใบหน้าไม่ชัด
สองคนนี้ต่างมีพลังบำเพ็ญแดนยาทองระดับแปด
ทันทีที่เห็นสองคนนี้ สายตาของคนไม่น้อยก็พลันจับจ้องมาที่พวกเขา
วิหารผนึกวิญญาณ!
การแต่งกายแบบนี้ คือสัญลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุดของวิหารผนึกวิญญาณ
คิดไม่ถึงเลย ว่ากระทั่งผู้แข็งแกร่งของวิหารผนึกวิญญาณเองก็ยังมา
ณ ตอนนี้ ก็ยังคงมีผู้แข็งแกร่งกำลังมุ่งมาอย่างไม่ขาดสาย
ไม่นาน ก็มีลำแสงสว่างปรากฏขึ้น นั่นคือผู้บำเพ็ญเซียนแห่งสำนักสุริยัน
ผู้ที่นำอยู่หน้าสุด คือผู้บำเพ็ญเซียนแดนยาทองระดับเจ็ด
คนคนนี้มีคนรู้จักไม่มาก แต่ก็ไม่อาจนับว่าน้อย
เขาคือฉิวหรง เจ้าสำนักแห่งสำนักสุริยัน ที่กักตัวฝึกฝนมาเป็นเวลายาวนาน
เขาออกมาแล้ว!
ทว่าที่ทำให้ทุกคนต่างคาดไม่ถึงคือ เขาฝึกฝนพลังบำเพ็ญไปจนถึงขั้นแดนยาทองระดับเจ็ดแล้ว!
ไม่ใช่แดนยาทองระดับหก
ผู้บำเพ็ญเซียนบางส่วนที่รู้จักหรือมีความสัมพันธ์บางส่วนกับสำนักสุริยัน ณ เวลานี้ ตอนที่มองไปยังฉิวหรงต่างก็รู้สึกหนังตากระตุก
พลันรู้สึกสันหลังเย็นเยียบ
“นี่คือฉิวหรง!”
“เขากักตัวฝีกฝนออกมาแล้ว”
“แต่กลิ่นอายบนตัวเขา ทำไมถึงได้แกร่งกล้าขนาดนี้?”
“ก็นี่มันแดนยาทองระดับเจ็ด!”
“เจ้าหมอนี่ ซ่อนไว้ลึกเกินไปหรือเปล่า!”
“ทุกคนต่างนึกว่า ที่เขากักตัวฝึกฝนก็เพื่อที่จะบรรลุแดนยาทองระดับหก แต่กลับไม่มีใครคาดคิด ว่าเดิมทีเขาก็มีพลังบำเพ็ญแดนยาทองระดับหกอยู่แล้ว ที่เขาต้องการบรรลุคือแดนยาทองระดับเจ็ดต่างหาก!”
เจ้าหมอนี่เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว
ทันใดนั้น ก็มีคนบางส่วนกำลังมุ่งมาทางสำนักหยุนเยว่ จากทิศทางเดียวกันกับสำนักสุริยัน
เงาร่างนับสิบนั้น พวกเขามาจากเมืองมี่หยุน
หนึ่งในนั้นมีเจ้าเมืองมี่หยุน และผู้บำเพ็ญเซียนของตระกูลฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...