สำนักอริยสัจขึ้นเป็นสำนักใหญ่อันดับหนึ่งและเจ้าเหนือหัวแห่งโลกคุนชาง ระยะเวลานั้นไม่นับว่าสั้นแน่ ๆ
หนึ่งพันกว่าปี
สืบสานมามากกว่าห้ารุ่น
อีกทั้งรากฐานที่พวกเขาสั่งสมกันมาก็ยิ่งอยู่ยิ่งลึก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาต่างมีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่
เป้าหมายนี้ ไม่ได้ตื้นเขินอย่างการเป็นแค่เจ้าเหนือหัวแน่ ๆ
สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือการรวมโลกคุนชางเป็นหนึ่งเดียวกันต่างหาก!
กุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในมือ ปกครองฟ้าดินเป็นเอกภาพเสมือนฮ่องเต้ในสมัยโบราณกาล
นี่คือเป้าหมายที่มีมาแล้วหลายรุ่น
อีกทั้งพวกเขาเองก็ไม่เคยหยุดที่มุ่งสู่เป้าหมายนี้
ดังนั้น แม้สำนักอริยสัจจะดูวางตัวถ่อมตนมาโดยตลอด แต่ทุกครั้งที่โลกคุนชางเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น เงาร่างของสำนักอริยสัจก็ไม่เคยขาดหาย
ยกตัวอย่างเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ที่เกิดการสูญสิ้นของสำนักตุ้นโคง
แม้ดูทรงแล้วผู้ที่เป็นหัวหอกจะเป็นสำนักเต๋าเฉินเซียว แต่ขณะเดียวกันก็มีสำนักอริยสัจร่วมอยู่ภายในด้วย
นอกเหนือจากนี้
ก็ยังมีการแตกหักกันของสำนักปฏิบัติธรรมและสำนักธยานะ
เรื่องนี้ในตอนนั้น นับว่าสะเทือนไปทั่วโลกคุนชาง
บางทีเหตุอาจไม่ใช่เพราะสำนักอริยสัจ อาจเป็นเพียงเพราะแค่ทั้งสองฝั่งเกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในเรื่องหลักปรัชญาที่เห็นไม่ตรงกันก็เป็นได้
ทว่า ในเรื่องราวนั้นก็ยังคงมีเงาของสำนักอริยสัจ
เพราะตอนนั้น สำนักอริยสัจมีบทบาทเป็นผู้ที่คอยไกล่เกลี่ยและเจรจาให้ทั้งสองฝั่ง
ทว่าจะเป็นการไกล่เกลี่ยบังหน้า หรือเป็นการยุยงลับหลัง นั่นก็ไม่อาจล่วงรู้ได้แล้ว
อย่างไรก็ตามแต่
ก่อนที่จะมีสำนักอริยสัจเข้ามาร่วม
สำนักปฏิบัติธรรมและสำนักธยานะ อย่างน้อยต่อหน้าก็ยังคงมีความปรองดองต่อกัน
หรืออย่างน้อยก็ยังไม่ถึงขั้นทะเลาะกันจนใครๆก็รู้กันไปทั่ว
ทว่าการแทรกแซงของสำนักอริยสัจ ทำให้สายตามากมายถูกดึงดูดไปทันที
จากนั้นสำนักปฏิบัติธรรมและสำนักธยานะ ก็ถูกแขวนไว้บนกองไฟ
หลักปรัชญาของสำนักธยานะค่อนข้างมีความพิเศษกว่า จึงตัดสินใจแยกตัวออกจากสำนักปฏิบัติธรรมโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นสำนักปฏิบัติธรรมที่แต่เดิมยังพอเทียบกับสำนักอริยสัจได้อย่างสูสี หลังจากที่สำนักธยานะแยกตัวออกไป ก็ทำให้ศักยภาพพลันตกฮวบลงทันที
ยังมีสำนักฉิวซานและสำนักจวู้หลิง
สองสำนักนี้ แต่เดิมก็ถือเป็นหนึ่งในเก้าสำนักใหญ่
ตอนนั้นที่ยังไม่แบ่งแยกออกจากกัน ก็นับว่าเป็นหนึ่งในเก้าสำนักใหญ่ อีกทั้งยังเป็นสำนักที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งในบรรดาเก้าสำนัก
นอกจากนี้ วิชาของสำนักนี้เองก็ตรงไปตรงมาและเผด็จการเป็นอย่างมาก
เกณฑ์สำหรับพรสวรรค์ของผู้บำเพ็ญเซียนเองก็ไม่ได้สูงมาก
เน้นฝึกฝนมรรคาร่างกายเป็นหลัก
นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้สำนักอริยสัจเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น
เพราะสำนักนี้แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป
แต่ ณ เวลานั้น พวกเขาเองก็มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในเรื่องของหลักปรัชญาด้วยเช่นกัน
มีผู้แข็งแกร่งที่ต้องการลองมรรคาวิญญาณควบคู่ไปกับการฝึกมรรคาร่างกายในเวลาเดียวกัน
เพราะทั้งโลกคุนชางนี้ มรรคาร่างกายของพวกเขานั้นฉกาจแกร่งกล้ายิ่งกว่าใคร ไม่มีสำนักใดเทียบเคียงได้!
หากทวีความเก่งกาจของมรรคาวิญญาณเข้าไปอีก
งั้นพวกเขาก็จะยิ่งแข้งแกร่งมากขึ้น
ทว่านี่เป็นความย้อนแย้งที่ไม่อาจสมดุลกัน
เพราะวิชาฝึกฝนร่างกายนั้นแข็งแกร่งเกินไป ทำให้มรรคาวิญญาณนั้นแทบจะถูกละเลย
หากอยากเดินสายนี้ อุปสรรคนั้นใหญ่เกินไป
ณ ตอนนั้นเอง สำนักอริยสัจก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ถูกแบ่งออกเป็นสำนักจวู้หลิงและสำนักฉิวซาน
สำนักหนึ่งฝึกฝนมรรคาร่างกายต่อ ส่วนอีกสำนักก็เริ่มผนวกมรรคาวิญญาณเข้ามาใช้
เดิมทีในช่วงแรกที่เพิ่งแบ่งแยกออกจากกัน สองสำนักนี้ก็ยังอยู่ในเก้าสำนักใหญ่ แต่พอเวลาผ่านพ้นไป พวกเขาก็ตกขบวนออกจากเก้าสำนักใหญ่
อีกทั้งหลายปีมานี้ ก็ไม่อาจฟื้นฟูความรุ่งเรืองขึ้นมาได้อีก
สองสำนัก ไม่ว่าจะสำนักไหนก็ไม่อาจไปถึงระดับเดียวกับเมื่อครั้งยังเป็นหนึ่งเดียวกัน
สำนักนี้ก็นับว่าถูกชำแหละไปโดยปริยาย
ไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
และไม่อาจเป็นภัยคุกคามต่อสำนักอริยสัจได้อย่างสิ้นเชิง
หากไม่มีเรื่องพวกนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...