จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1389

สำนักอริยสัจขึ้นเป็นสำนักใหญ่อันดับหนึ่งและเจ้าเหนือหัวแห่งโลกคุนชาง ระยะเวลานั้นไม่นับว่าสั้นแน่ ๆ

หนึ่งพันกว่าปี

สืบสานมามากกว่าห้ารุ่น

อีกทั้งรากฐานที่พวกเขาสั่งสมกันมาก็ยิ่งอยู่ยิ่งลึก

ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาต่างมีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่

เป้าหมายนี้ ไม่ได้ตื้นเขินอย่างการเป็นแค่เจ้าเหนือหัวแน่ ๆ

สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือการรวมโลกคุนชางเป็นหนึ่งเดียวกันต่างหาก!

กุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในมือ ปกครองฟ้าดินเป็นเอกภาพเสมือนฮ่องเต้ในสมัยโบราณกาล

นี่คือเป้าหมายที่มีมาแล้วหลายรุ่น

อีกทั้งพวกเขาเองก็ไม่เคยหยุดที่มุ่งสู่เป้าหมายนี้

ดังนั้น แม้สำนักอริยสัจจะดูวางตัวถ่อมตนมาโดยตลอด แต่ทุกครั้งที่โลกคุนชางเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น เงาร่างของสำนักอริยสัจก็ไม่เคยขาดหาย

ยกตัวอย่างเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ที่เกิดการสูญสิ้นของสำนักตุ้นโคง

แม้ดูทรงแล้วผู้ที่เป็นหัวหอกจะเป็นสำนักเต๋าเฉินเซียว แต่ขณะเดียวกันก็มีสำนักอริยสัจร่วมอยู่ภายในด้วย

นอกเหนือจากนี้

ก็ยังมีการแตกหักกันของสำนักปฏิบัติธรรมและสำนักธยานะ

เรื่องนี้ในตอนนั้น นับว่าสะเทือนไปทั่วโลกคุนชาง

บางทีเหตุอาจไม่ใช่เพราะสำนักอริยสัจ อาจเป็นเพียงเพราะแค่ทั้งสองฝั่งเกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในเรื่องหลักปรัชญาที่เห็นไม่ตรงกันก็เป็นได้

ทว่า ในเรื่องราวนั้นก็ยังคงมีเงาของสำนักอริยสัจ

เพราะตอนนั้น สำนักอริยสัจมีบทบาทเป็นผู้ที่คอยไกล่เกลี่ยและเจรจาให้ทั้งสองฝั่ง

ทว่าจะเป็นการไกล่เกลี่ยบังหน้า หรือเป็นการยุยงลับหลัง นั่นก็ไม่อาจล่วงรู้ได้แล้ว

อย่างไรก็ตามแต่

ก่อนที่จะมีสำนักอริยสัจเข้ามาร่วม

สำนักปฏิบัติธรรมและสำนักธยานะ อย่างน้อยต่อหน้าก็ยังคงมีความปรองดองต่อกัน

หรืออย่างน้อยก็ยังไม่ถึงขั้นทะเลาะกันจนใครๆก็รู้กันไปทั่ว

ทว่าการแทรกแซงของสำนักอริยสัจ ทำให้สายตามากมายถูกดึงดูดไปทันที

จากนั้นสำนักปฏิบัติธรรมและสำนักธยานะ ก็ถูกแขวนไว้บนกองไฟ

หลักปรัชญาของสำนักธยานะค่อนข้างมีความพิเศษกว่า จึงตัดสินใจแยกตัวออกจากสำนักปฏิบัติธรรมโดยสิ้นเชิง

ดังนั้นสำนักปฏิบัติธรรมที่แต่เดิมยังพอเทียบกับสำนักอริยสัจได้อย่างสูสี หลังจากที่สำนักธยานะแยกตัวออกไป ก็ทำให้ศักยภาพพลันตกฮวบลงทันที

ยังมีสำนักฉิวซานและสำนักจวู้หลิง

สองสำนักนี้ แต่เดิมก็ถือเป็นหนึ่งในเก้าสำนักใหญ่

ตอนนั้นที่ยังไม่แบ่งแยกออกจากกัน ก็นับว่าเป็นหนึ่งในเก้าสำนักใหญ่ อีกทั้งยังเป็นสำนักที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งในบรรดาเก้าสำนัก

นอกจากนี้ วิชาของสำนักนี้เองก็ตรงไปตรงมาและเผด็จการเป็นอย่างมาก

เกณฑ์สำหรับพรสวรรค์ของผู้บำเพ็ญเซียนเองก็ไม่ได้สูงมาก

เน้นฝึกฝนมรรคาร่างกายเป็นหลัก

นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้สำนักอริยสัจเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น

เพราะสำนักนี้แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป

แต่ ณ เวลานั้น พวกเขาเองก็มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในเรื่องของหลักปรัชญาด้วยเช่นกัน

มีผู้แข็งแกร่งที่ต้องการลองมรรคาวิญญาณควบคู่ไปกับการฝึกมรรคาร่างกายในเวลาเดียวกัน

เพราะทั้งโลกคุนชางนี้ มรรคาร่างกายของพวกเขานั้นฉกาจแกร่งกล้ายิ่งกว่าใคร ไม่มีสำนักใดเทียบเคียงได้!

หากทวีความเก่งกาจของมรรคาวิญญาณเข้าไปอีก

งั้นพวกเขาก็จะยิ่งแข้งแกร่งมากขึ้น

ทว่านี่เป็นความย้อนแย้งที่ไม่อาจสมดุลกัน

เพราะวิชาฝึกฝนร่างกายนั้นแข็งแกร่งเกินไป ทำให้มรรคาวิญญาณนั้นแทบจะถูกละเลย

หากอยากเดินสายนี้ อุปสรรคนั้นใหญ่เกินไป

ณ ตอนนั้นเอง สำนักอริยสัจก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน ก็ถูกแบ่งออกเป็นสำนักจวู้หลิงและสำนักฉิวซาน

สำนักหนึ่งฝึกฝนมรรคาร่างกายต่อ ส่วนอีกสำนักก็เริ่มผนวกมรรคาวิญญาณเข้ามาใช้

เดิมทีในช่วงแรกที่เพิ่งแบ่งแยกออกจากกัน สองสำนักนี้ก็ยังอยู่ในเก้าสำนักใหญ่ แต่พอเวลาผ่านพ้นไป พวกเขาก็ตกขบวนออกจากเก้าสำนักใหญ่

อีกทั้งหลายปีมานี้ ก็ไม่อาจฟื้นฟูความรุ่งเรืองขึ้นมาได้อีก

สองสำนัก ไม่ว่าจะสำนักไหนก็ไม่อาจไปถึงระดับเดียวกับเมื่อครั้งยังเป็นหนึ่งเดียวกัน

สำนักนี้ก็นับว่าถูกชำแหละไปโดยปริยาย

ไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก

และไม่อาจเป็นภัยคุกคามต่อสำนักอริยสัจได้อย่างสิ้นเชิง

หากไม่มีเรื่องพวกนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์