จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1390

สรุปบท บทที่ 1390 เลิกกั๊ก: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 1390 เลิกกั๊ก – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

ตอน บทที่ 1390 เลิกกั๊ก ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

มาเร็วกว่าที่คิดจริงๆ

จากที่เธอคาดการณ์ เสิ่นฉงและเฉินฉางเฟิงต่างได้รับบาดเจ็บไม่เบา

แม้ว่าสำนักอริยสัจจะอยากเคลื่อนไหวขนาดไหน ก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งอยู่ดี

แต่นี่กลับเป็นเวลาสั้นๆสองวันเท่านั้น

ค่อยยังชั่ว!

ที่เธอเตรียมการไว้นานแล้ว ให้สี่เยว่พาคนบางส่วนและของล้ำค่าไปจากที่นี่!

สำนักหยุนเยว่รู้ดีมาโดยตลอด ว่าตั้งแต่ต้นจนจบสำนักอริยสัจไม่เคยหยุดใจแคบกับพวกเธอเลย

เพียงแต่แค่ไม่เคยแสดงออกมาก็เท่านั้น

ทว่าก็เหมือนเรื่องราวก่อนหน้าที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้สำนักอริยสัจจะทำอย่างหลบซ่อนและระมัดระวังตัวขนาดไหน ก็ไม่อาจที่จะปิดบังทุกคนได้!

ดังนั้นเธอถึงได้ร้อนรนขนาดนี้

ทันทีที่กลับมาถึงสำนัก สิ่งแรกที่เธอทำก็คือเนรเทศสี่เยว่ออกไป

และให้เธอนำของล้ำค่าสามชิ้นที่สำคัญที่สุดของสำนักติดตัวไปด้วย

สีหน้าของสองเยว่หม่นหมองยิ่งกว่าสิ่งใด ผ่านไปเนิ่นนาน เธอจึงจะถอนหายใจยาวอย่างขุ่นเคือง พร้อมทั้งหันกลับไปมองหอว่างหยุนครู่หนึ่ง

ด้านในนั้นเงียบสงัด

เพราะมีค่ายกลอันแกร่งกล้า ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่อาจรับรู้ออกมาได้

สองเยว่ละสายตา ก่อนจะเอ่ยเสียงขรึมว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเราไปดูกันหน่อยเถอะ!”

พูดเสร็จ ก็ก้าวขาออกไปทันที

หมอกขาวที่ลอยอยู่เหนือหุบเขาแบ่งออกเป็นสองฟากในพริบตา

สองเยว่เดินออกมาเพียงผู้เดียว

ส่วนพวกสามเยว่และห้าเยว่ก็ไม่มีใครตามมา

เมื่อเห็นคนนับพันที่อยู่นอกหุบเขา และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในอากาศ สายตาของสองเยว่พลันจับจ้องไปยังเจ้าสำนักอริยสัจและเจ้าสำนักเทียนหยุน

จากนั้นก็มองไปยังเสิ่นฉงที่ยืนอยู่หน้าสุด

สองเยว่เอ่ยปากเสียงเย็นว่า “ทุกท่าน นี่คือต้องการจะทำลายล้างสำนักหยุนเยว่งั้นหรือ?”

แม้น้ำเสียงของเธอจะเยือกเย็นไปหน่อย ทว่าก็ฟังไม่ออกว่าแฝงอารมณ์ใด

ฟังไม่ออกว่าเกรี้ยวโกรธ และฟังไม่ออกว่าข่มขู่หรือไม่

ประหนึ่งเป็นเพียงประโยคคำถามที่เย็นชา

เสิ่นฉงแค่นยิ้มเสียงยิ้ม เอ่ยว่า “สหายสองเยว่ เหตุใดจึงต้องจงใจถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว? เรานั้นมาเพื่อหาหลินชางฉองนั่นต่างหาก!”

“หลินชางฉองรอดชีวิตจากในสุดหล้าทะเล”

“ทว่าหลังจากนั้นก็กลับมาที่สำนักหยุนเยว่พร้อมสหายสองเยว่!”

“จุดนี้ สหายสองเยว่คงไม่คิดจะปฏิเสธหรอกนะ?”

“หลินชางฉองนั่นคือใคร?”

“คือมารร้าย!”

“ฆ่าคนตาไม่กะพริบ!”

“มันฆ่าเหล่าศิษย์อัจฉริยะและผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุน ฆ่าศิษย์ของสำนักฉีซาน สำนักสิบแปดเต๋าเองก็มีคดีอำมหิตที่มันเคยก่อมาก่อน!”

“มันก็คือมารร้ายที่ทุกคนต้องฆ่า!”

“สหายสองเยว่ สำนักหยุนเยว่ของพวกท่าน ในวันนี้กลับมีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจบอกคนกับมารร้ายนั่น!”

“เธอไม่อยากให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับเหล่าสหายทั้งโลกคุนชางนี่เลยหรือ?”

ฝีปากของเสิ่นฉง นับว่าเก่งกาจเสียจริง

นิยามหลินหยุนเป็นมารร้ายอีกครั้ง พูดถึงเหตุฆาตกรรมที่หลินหยุนเคยก่อ

พร้อมทั้งเชื่อมโยงหลินหยุนกับสำนักหยุนเยว่ให้ดูมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น

สองเยว่แค่นยิ้มเสียงเย็น ก่อนจะปริปากเอ่ยเสียงเรียบว่า “ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก หลินชางฉองผู้นี้ คือเจ้าพระคุณแห่งสำนักหยุนเยว่ของเรา!”

“คือคนของสำนักหยุนเยว่!”

“ทุกท่าน วันนี้หากมีเรื่องอะไร ก็สามารถเอ่ยกับสำนักหยุนเยว่มาได้เลย!”

“ดูจากท่าทางของทุกท่านในวันนี้ เดาว่าก็คงไม่คิดจะจบง่ายๆด้วยเสินะ เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆอีก!”

สองเยว่พูดเสร็จ ก็มองไปยังเจ้าสำนักอริยสัจและเจ้าสำนักเทียนหยุนที่ลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า “ผู้อาวุโสทั้งสองท่าน หากจะลงมือจริงๆ ก็หวังว่าทั้งสองท่านจะตัดสินใจเสียสักที!”

“ไม่งั้นสุดท้ายแล้วคนที่เสียเปรียบอาจจะเป็นพวกท่านเอง!”

“หากเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ดีนัก!”

“สหายทุกท่าน พวกท่านว่า จริงหรือไม่จริง?”

สิ้นเสียงของเสิ่นฉง ผู้คนที่อยู่ด้านหลังก็ตะโกนเสียงลั่นตามทันที

“สำนักมาร!”

“สำนักมาร!”

“สำนักมาร!”

“......”

ชั่วขณะหนึ่ง เสียงตะโกนสนั่นสะเทือนฟ้าดิน

ทะลุหมอกเมฆ

ทว่า คนที่เหลืออยู่ที่นี่ สำหรับสำนักหยุนเยว่แล้ว ก็นับว่ายังมากเกินไปอยู่ดี

อย่างน้อยสุดก็น่าจะมีหนึ่งร้อยคนขึ้นไป

หลักๆแล้วก็จะเป็นสำนักอริยสัจ สำนักเทียนหยุน สำนักเต๋าเฉินเซียว สำนักฉีซาน สำนักสุริยัน และผู้บำเพ็ญเซียนของพวกสำนักใหญ่อื่นๆ

และยังมีผู้บำเพ็ญเซียนอิสระบางส่วน

ตัวอย่างเช่นเจ้าเมืองสองคนแห่งเมืองมี่หยุน ตอนนี้ก็อยู่ท่ามกลางร้อยกว่าคนนี่

ยังมีหลานเหอ ยังมีผู้เฒ่ายันต์......

แน่นอน ว่ารวมถึงผู้แข็งแกร่งสองคนของวิหารผนึกวิญญาณนั่นด้วย

นับร้อยคนนี้

มียอดฝีมือแดนยาทองระดับเก้าสองคน

ยอดฝีมือแดนยาทองระดับแปดห้าคน

และยอดฝีมือแดนยาทองระดับเจ็ดสิบเอ็ดคน

นอกเหนือจากนี้ ก็เป็นพวกแดนยาทองระดับหก ระดับห้า และระดับสี่

เพียงแต่ก็เป็นได้แค่กองกำลังเสริมระดับต่ำเท่านั้น

ทว่าผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ อย่าว่าแต่สำนักหยุนเยว่เลย ไม่ว่าจะสำนักไหนในโลกคุนชาง ก็เพียงพอที่จะถูกทำลายจนสิ้นซากทั้งนั้น

นั่นคือยอดฝีมือแดนยาทองระดับเก้าสองคนเชียวนะ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์