จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1391

สรุปบท บทที่ 1391 รู้ดีอยู่แก่ใจ: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 1391 รู้ดีอยู่แก่ใจ จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1391 รู้ดีอยู่แก่ใจ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ชั่วขณะหนึ่ง เสียงตะโกนคำว่าสำนักมารดังลั่นทะลุหมอกเมฆ

ภาพลักษณ์ของสำนักหยุนเยว่ที่อยู่ในใจของทุกคนเองก็พลันเปลี่ยนไป

ทว่าแววตาสีหน้าของสองเยว่กลับยังคงหนักแน่นดังเดิม

เธอมองไปยังฝูงคนที่อยู่ตรงหน้า พลางปริปากเอ่ยเสียงเรียบว่า “ทุกท่าน นอกจากคนที่มาดูเอาสนุก หรือพวกที่ต้องการจะฉวยโอกาส หากมีใครที่มีหนี้แค้นกับเจ้าพระคุณของสำนักเราจริงๆ ก็ให้ก้าวออกมาซะ!”

“แสดงตัวออกมาให้ฉันดูว่าพวกท่านคือใครกันแน่!”

“พวกท่านเองก็ลองมาอธิบายอย่างละเอียด ว่าเพราะเหตุผลอะไร ถึงได้มีหนี้แค้นกับเจ้าพระคุณของเรา!”

“ต่อหน้าสหายมากมายขนาดนี้ เรามาลองดูกันดีๆ ว่าตกลงใครถูกใครผิดกันแน่!”

พูดเสร็จ สายตาของเธอก็จับจ้องไปยังสำนักเทียนหยุน พลันเอ่ยเสียงเย็นว่า “ก่อนหน้านี้ ที่โลกภายนอกเล่าลือกันอย่างอื้ออึง ก็คือหนี้แค้นระหว่างเจ้าพระคุณสำนักเราและสำนักเทียนหยุน!”

“สหายของสำนักเทียนหยุนเล่ามาก่อนเถอะ!”

เธอไม่รีบ

ตอนนี้ ไม่ว่าจะสำนักหยุนเยว่ หรือหลินหยุน

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือเวลา

หลินหยุนเข้าไปในหอว่างหยุน ยังไงก็ต้องหล่อหลอมยาทองต่อเพื่อทวีพลังบำเพ็ญแน่ ๆ

ก่อนที่จะเข้าไปในหอว่างหยุน พลังบำเพ็ญของหลินหยุนก็พอที่จะสู้รบกับสี่เยว่ได้อย่างสูสี

แค่นี้ก็สามารถบ่งบอกถึงพลังที่แท้จริงของหลินหยุนได้แล้ว

หากหลินหยุนสามารถบรรลุไปอีกขั้นได้

งั้นก็ยังมีโอกาสแน่นอน!

โอกาสนี้ ไม่ใช่การพลิกผันสถานการณ์ แต่คือโอกาสรอดชีวิตไปจากที่นี่!

แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!

เพียงแค่ท่านเจ้าพระคุณมีชีวิตรอด สามารถหนีไปจากที่นี่ได้ งั้นเธอก็ไม่ใช่คนบาป!

สี่เยว่เองก็พาคนส่วนหนึ่งและของล้ำค่าสามสิ้นหนีไปแล้ว!

สำนักหยุนเยว่ก็จะยังไม่ถือว่าสูญสิ้น!

ดังนั้น แม้ว่าพวกเธอจะต้องตายที่นี่ แต่มันก็คุ้มค่าแล้ว

ดังนั้นในใจเธอตอนนี้มีเพียงความกังวลเล็กน้อยเท่านั้น

ทว่ากลับไม่ได้เกรงกลัว

ยืดเยื้อเวลาได้อีกนานเท่าไหร่ ก็ยืดเยื้อเวลาให้นานได้เท่านั้น

ได้ยินเธอกล่าวดังนั้น รองเจ้าสำนักเทียนหยุนก็ก้าวออกมาหนึ่งก้าว เอ่ยเสียงเย็นว่า “สหายสองเยว่ เรื่องพวกนี้ ยังต้องอธิบายละเอียดอีกงั้นเหรอ? หลินชางฉองนั่นมาที่เมืองเทียนหยุนของเรา เพียงแค่มีเรื่องผิดใจกับศิษย์ของสำนักเราเล็กน้อย เลยถือตัวว่าตนเป็นยอดอัจฉริยะ มีพลังบำเพ็ญอันแกร่งกล้า แล้วลงมือฆ่าเจียงเฉิง ศิษย์อัจฉริยะสำนักเรา!”

“เรื่องนี้ใครๆก็รู้!”

“จากนั้นผู้อาวุโสไม่กี่ท่านของสำนักเรา ก็หาคนผู้นี้จนพบเพื่อจะถามไถ่ต้นตอ ทว่ามันกลับคลุ้มคลั่ง จิตใจอำมหิต!”

“ใช้กลอุบายหลอกล่อผู้อาวุโสของสำนักเรา!”

“ทำให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นต้องถึงแก่ความตาย!”

“จากนั้นฉันก็ออกตามจับมันด้วยตัวเอง เพื่อจะถามไถ่ว่าสำนักเรามีเรื่องอาฆาตแค้นอะไรกับมันกันแน่!”

“ทว่าคนผู้นี้กลับร้ายกาจและเจ้าเล่ห์เป็นที่สุด ดันหนีไปเสียก่อน!”

“ตอนนั้น เรายังไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของเจ้าคนอมิตรนี่กับสำนักหยุนเยว่ และยิ่งไม่มีทางรู้ ว่ามันจะมีตำแหน่งสูงส่งในสำนักหยุนเยว่ถึงเพียงนี้!”

“ตอนนี้เป็นฉันเสียมากกว่าที่อยากถามสหายสองเยว่!”

“เจ้ามารร้ายหลินชางฉองนั่น ที่ลงมือกับสำนักเทียนหยุนของเราบ่อยครั้งขนาดนี้ ฆ่าศิษย์อัจฉริยะของเราไม่พอ ยังฆ่าเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเราอีก!”

“ตกลงนี่เป็นการกระทำส่วนตัวของหลินชางฉอง หรือเป็นความต้องการของสำนักหยุนเยว่กันแน่?”

“สำนักเทียนหยุน ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับสำนักหยุนเยว่มาก่อน แต่สำนักหยุนเยว่กลับลงมือกับสำนักเทียนหยุนของเรา!”

ไม่เพียงแค่ไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทว่ายังพูดดูมีเหตุมีผล

รองเจ้าสำนักเผยสีหน้าหม่นหมอง แววตาโกรธเคือง เอ่ยว่า “ดีๆๆ สหายสองเยว่ นี่คือไม่ว่ายังไงก็ไม่ต้องการจะให้คำอธิบายกับสำนักเทียนหยุนเราสินะ?”

“ดี!”

“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าที่แท้สำนักหยุนเยว่จะเป็นสำนักหยุนเยว่แบบนี้!”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก!”

เสิ่นฉงที่อยู่ข้างๆเองก็แค่นยิ้มเสียงเย็น “ช่างมีคารมคมคายเสียจริง! เจ้าพระคุณสำนักหยุนเยว่ทำเรื่องชั่วร้ายผิดศีลธรรมมามากมาย ทว่ายังจะมาพูดแก้ตัวอีก ช่างหน้าด้านเสียยิ่งนัก!”

สองเยว่ได้ยินดังนั้นก็หันไปมองเสิ่นฉง ก่อนจะแค่นยิ้มเสียงเย็น เอ่ยประชดว่า “พูดถึงคำว่าหน้าด้าน ฉันว่าทุกท่าน ณ ที่นี้ หากจะบอกว่าใครหน้าด้านที่สุด เกรงว่าถ้าสหายเสิ่นฉงนับตัวเองเป็นที่สอง งั้นก็คงไม่มีผู้ใดกล้านับตัวเองเป็นที่หนึ่งแล้วล่ะ!”

“เรื่องสกปรกที่สหายเสิ่นฉงเคยทำในตอนนั้น!”

“คิดว่าจะไม่มีผู้ใดรู้จริงๆงั้นเหรอ?”

พูดเสร็จ สองเยว่ก็มองไปยังเจ้าสำนักอริยสัจที่ลอยอยู่กลางอากาศ เอ่ยว่า “ท่านเจ้าสำนัก ท่านทนได้ยังไงกัน ที่คนรักของตัวเองท้อง......”

สองเยว่พูดมาถึงตรงนี้ เสิ่นฉงก็พลันโมโห รีบตวาดเสียงร้อนรนว่า “สองเยว่ อยากตายนักหรือไง!”

สองเยว่กลับแค่นยิ้มเสียงเย็นอีกครั้ง ก่อนจะละสายตามามองเสิ่นฉง เอ่ยว่า “ทำไม สหายเสิ่นไม่อยากให้ฉันพูดต่อแล้วงั้นเหรอ? กลัวว่าเรื่องสกปรกหน้าไม่อายที่เคยทำในตอนนั้นจะถูกเล่าลือไปทั่วโลกคุนชางหรือไง!”

เสิ่นฉงโกรธเกรี้ยวจนแทบคลุ้มคลั่ง กระบี่ยาวในมือออกจากฝัก ชี้ไปยังสองเยว่ พลันเอ่ยเสียงเหี้ยมว่า “เธอกำลังรนหาที่ตายจริงๆด้วย! เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันจะเป็นคนสนองให้เธอเอง! ไปตายซะเถอะ!”

สิ้นเสียง เสิ่นฉงก็ตวัดกระบี่ฟันไปที่สองเยว่

สองเยว่เหยียดยิ้มเย้ยหยัน ขยับมือเล็กน้อย หมอกขาวที่อยู่รอบตัวก็พลันพลิ้วไหวขึ้นมาในพริบตา

หมอกขาวขวางหน้าปราณกระบี่ฉกาจที่พุ่งเข้ามา ก่อนจะกลืนกินปราณกระบี่จนหมดสิ้น ไม่มีระลอกคลื่นใดๆเกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย

หมอกขาวสลาย เงาร่างของสองเยว่ก็พลันปรากฏขึ้นในสายตาของผู้คนอีกครั้ง “เหตุใดสหายเสิ่นจึงต้องร้อนรนขนาดนี้?”

เสิ่นฉงโกรธจัด กัดฟันกรอดจนฟันแทบแหลก กระทั่งสายตาที่จดจ้องไปยังสองเยว่ก็มีไฟโทสะลุกโชน “สองเยว่ วันนี้ ฉันต้องฆ่าเธอให้ได้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์