จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1392

สรุปบท บทที่ 1392 คนไร้ประโยชน์: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

อ่านสรุป บทที่ 1392 คนไร้ประโยชน์ จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บทที่ บทที่ 1392 คนไร้ประโยชน์ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จูผาซู่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

สองเยว่ได้ยินดังนั้นก็แค่นเสียงขำอีกครั้ง เธอหันไปมองเสิ่นฉง เอ่ยว่า “เสิ่นฉง ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอก็ยังคงโง่เขลา จองหอง และทะนงตนแบบนี้อยู่วันยังค่ำ ในหัวสมองมีแต่น้ำไม่มีเนื้อเลยสักนิด!”

“นิสัยอย่างเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในสำนักอริยสัจ ลองเปลี่ยนเป็นสำนักอื่นดูสิ เกรงว่าหญ้าบนหลุมศพเธอป่านนี้คงไม่ได้สูงแค่สามฉื่อแน่ ๆ!”

“อย่างเธอเนี่ยนะจะฆ่าฉันได้?”

“เสิ่นฉง เธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?”

“หรือจะเป็นเจ้าสำนักอริยสัจ ที่หลายปีมานี้ แม้จะถูกเธอปั่นหัวเล่นอยู่ในกำมือ แต่ก็ยังคงยืนอยู่หลังเธอมาโดยตลอดงั้นหรือ?”

“ไม่อาจไม่พูดได้เลยว่า สมองของเธอ แม้ในด้านอื่นๆแทบจะเรียกได้ว่าโง่เขลาเบาปัญญา ทว่าต่อหน้าศิษย์พี่ที่เห็นเธอสำคัญเยี่ยงชีวิตคนนี้ กลับฉลาดขึ้นมาทันตาอย่างไม่น่าเชื่อ!”

“เหอะๆ เรื่องราวบนโลกนี้ ก็มักจะน่าพิศวงแบบนี้แหละ!”

“เธออยากฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ?”

“งั้นดี ฉันจะให้โอกาสเธอสักครั้ง!”

“ฉันและเธอต่างมีพลังบำเพ็ญแดนยาทองระดับแปด ณ ตอนนี้เองก็ได้รับบาดเจ็บกันทั้งคู่!”

“ฉันให้เธอมาฆ่าฉัน ใครจะรอดหรือจะตายก็อยู่ที่ดวงชะตา!”

“เธอกล้าไหม?”

พูดเสร็จ สองเยว่ก็มองไปยังเจ้าสำนักอริยสัจ เอ่ยว่า “เจ้าสำนักอริยสัจ ท่านจะอนุญาตหรือไม่? หรือควรจะถามว่า ท่านจะทำใจยอมรับได้หรือเปล่า?”

เจ้าสำนักอริยสัจไม่เผยสีหน้าใดๆ เพียงปริปากเอ่ยเสียงเบาว่า “สหายสองเยว่ ศิษย์น้องฉันบาดเจ็บหนักกว่าเธอ เหตุใดจึงต้องทำถึงขนาดนี้?”

“ยิ่งไปกว่านั้น ที่เรามาในวันนี้ จุดประสงค์หลักคือเพื่อมารร้ายหลินชางฉอง”

“แม้ฉันจะไม่รู้ว่าทำไมหลินชางฉองนั่นถึงเป็นเจ้าพระคุณของสำนักเธอได้”

“ทว่าก็ยังรู้ ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานานนับไม่ถ้วน สำนักหยุนเยว่นั้น ไม่เคยมีผู้บำเพ็ญเซียนชายแม้เพียงคนเดียว!”

“แต่หลินชางฉองนี่กลับเป็นเจ้าพระคุณของสำนัก นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจยิ่งนัก”

“อีกอย่าง นอกจากช่วงที่ผ่านมา สำนักหยุนเยว่ก็ไม่เคยมีคนผู้นี้ปรากฏขึ้นมาก่อน”

“ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะไม่ได้เติบโตมากับสำนักหยุนเยว่สินะ!”

“ถ้าอย่างงั้น ก็ไม่น่าจะมีมีความเกี่ยวข้องกับสำนักหยุนเยว่ลึกซึ้งถึงขนาดนั้น!”

“สหายสองเยว่ ฉันว่า สำนักหยุนเยว่มอบตัวมารร้ายนั่นมาเสียเถอะ วันนี้ฉันไม่ได้จะมาลงมือกับสำนักหยุนเยว่ ก็หวังว่าสหายสองเยว่เองจะไม่บีบบังคับเราด้วยเช่นกัน”

สองเยว่ไม่มีเจตจำนงจะเอ่ยอะไรกับเจ้าสำนักอริยสัจ เธอละสายตากลับมามองเสิ่นฉงอีกครั้ง พลันเหยียดยิ้มเย้ยหยัน เอ่ยว่า “เป็นไง? ศิษย์พี่เธอคนนี้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจทำใจปล่อยเธอไปได้จริงๆ!”

เสิ่นฉงโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด ตวาดเสียงเหี้ยมว่า “ถ้าจะสู้ก็มาซะ ฉันจะคอยดู ว่าวันนี้ฉันกับเธอใครกันแน่ที่จะต้องตาย!”

พูดเสร็จ กระบี่ยาวในมือเธอก็พลันปลดปล่อยพลังออกมาทั้งหมด ก่อนจะฟาดฟันไปที่สองเยว่อย่างฉุนเฉียว ทันใดนั้น กลิ่นอายที่แสนเย็นเยือกก็สำแดงออกมา

ฟ้าดินเสมือนถูกแช่แข็งในพริบตา

นกฟินิกซ์น้ำแข็งปรากฏขึ้นกลางอากาศ กระบี่น้ำแข็งนับหมื่นเล่มพลันพุ่งตรงไปยังสองเยว่

สองเยว่ยืนอยู่เหนือหมอกขาว เห็นดังนั้นก็ทำเสียงเย็นขึ้นจมูก ก่อนที่ผ้าขาวบนแขนจะถูกปล่อยออกไปประหนึ่งงูสีเงิน

ผ้าขาวของสองเยว่กวาดล้อมทั่วทุกสารทิศ อุณหภูมิทั่วฟ้าดินลดต่ำลงอีกครั้ง

ทว่า กลิ่นอายยะเยือกทั้งสอง กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“โครม---“

ผ้าขาวพันขดอยู่บนตัวนกฟินิกซ์น้ำแข็งในทันที

แผดเสียงระเบิดลั่นฟ้าสะเทือนดิน

ชั่ววินาทีที่นกฟินิกซ์น้ำแข็งแหลกสลาย เสิ่นฉงก็ร้องเสียงเจ็บปวด ก่อนจะกระอักเลือดและเผยสีหน้าซีดเซียวลง ส่วนอีกด้านหนึ่ง เฉินฉางเฟิงก็มาที่ข้างกายเธอทันที พร้อมพาเสิ่นฉงออกไปจากที่เดิม

สองเยว่เองก็เก็บผ้าขาว ไม่ได้ตามไปโจมตีต่อ

เธอมองไปที่เสิ่นฉงอีกครั้ง เอ่ยว่า “พลังบำเพ็ญแค่นี้ ฉันเคยบอกไปแล้ว ว่าถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในสำนักอริยสัจ หญ้าบนหลุมศพเธอก็สูงเกินสามฉื่อไปนานแล้ว! เจ้าคนไร้ประโยชน์! อ่อนหัดไม่ได้เรื่อง!”

เธอทำใจไว้แล้ว มากสุดก็แค่ตาย ดังนั้นก็จึงไม่คิดจะเผื่อใจอะไรอีก

กระทั่งเอ่ยวาจาที่เดิมทีไม่ใช่สิ่งที่เธอจะพูดออกมาเลยไม่น้อยด้วยซ้ำ

“ทว่าสำนักหยุนเยว่กลับปกป้องมารร้ายนั่น!”

“ไม่ว่ายังไงก็ดึงดันจะเป็นปรปักษ์กับโลกคุนชางของเรา!”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ สหายทุกท่าน งั้นเราก็คงต้องลงมืออย่างเดียวแล้ว!”

“บุกโจมตีเข้าไปยังสำนักหยุนเยว่ เอาตัวหลินชางฉองมาฆ่าซะ!”

“สหายทุกท่าน ร่วมมือกันทลายค่ายกลฮู่ซานของสำนักหยุนเยว่ แล้วบุกเข้าไปฆ่ามารร้ายซะ!”

สิ้นเสียงของเจ้าสำนักอริยสัจ ก็พลันก้าวออกไปหนึ่งก้าวพร้อมกับเจ้าสำนักเทียนหยุน

จากนั้นก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ โจมตีไปยังท่ามกลางหมอกขาว

สองเยว่สะบัดแขน เงาร่างเองก็พลันหายวับเข้าไปในหมอกขาวทันที

ขณะเดียวกัน พลังแกร่งกล้าสองสายก็พุ่งโจมตีใส่หมอกขาว

เสียงทุ้มพลันดังขึ้นอย่างกึกก้อง

หมอกขาวสะเทือนสั่นไหวอย่างรุนแรง กระทั่งถูกสลายไปไม่น้อย

ทว่าท้ายที่สุดก็สงบลงดังเดิม

เจ้าสำนักอริยสัจและเจ้าสำนักเทียนหยุนเห็นดังนั้น ก็อดหันมาสบตากันไม่ได้ ก่อนที่เจ้าสำนักเทียนหยุนจะเอ่ยว่า “ไม่ธรรมดาเสียจริงๆด้วย สมกับเป็นค่ายกลเก่าแก่ที่สืบสานมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล อีกทั้งยังไม่เคยสิ้นอิทธิฤทธิ์มาก่อน ลำพังเพียงเราสองคน หากอยากจะทำลายค่ายกลนี้ คาดว่าคงต้องใช้เวลาไม่น้อย”

เจ้าสำนักอริยสัจพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย

เขาหันตัวไปมองเหล่าผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ เอ่ยว่า “ทุกท่าน มาร่วมลงมือพร้อมเราเถอะ!”

สิ้นเสียง ผู้แข็งแกร่งนับร้อยคนก็พร้อมใจกันสำแดงอิทธิฤทธิ์

พลังแกร่งกล้านับร้อย ทำให้ภาพตรงหน้านั้นดูพรั่นพรึง ทว่ายิ่งใหญ่

โดยเฉพาะยอดฝีมือแดนยาทองระดับเจ็ด ยอดฝีมือแดนยาทองระดับแปด รวมถึงสองเจ้าสำนักแห่งสำนักอริยสัจและสำนักเทียนหยุนที่เป็นยอดฝีมือแดนยาทองระดับเก้า ยิ่งดูแข็งแกร่งไร้เทียมทาน

พลังแห่งอิทธิฤทธิ์โจมตีใส่ค่ายกลฮู่ซาน อีกทั้งสลายหมอกขาวไปจนหมดสิ้นในพริบตา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์