จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1394

สรุปบท บทที่ 1394 ท่าไม้ตาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

บทที่ 1394 ท่าไม้ตาย – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอนนี้ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1394 ท่าไม้ตาย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ณ เวลานี้ สำนักหยุนเยว่ที่ดูคลอนแคลนอ่อนแอพลันดูยิ่งลึกลับและหยั่งแท้หยั่งถึงขึ้นมาในสายตาของพวกเขาทันที

นี่ยังไม่ทันได้บุกเข้าไปข้างในเลย ก็สูญเสียผู้แข็งแกร่งไปนับสิบแล้ว!

ผู้บำเพ็ญเซียนแดนยาทองระดับสาม ระดับสี่ ระดับห้า และระดับหกแบบนี้ นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งหรือไม่?

แน่นอนว่าก็ต้องนับอยู่แล้ว!

อย่าเห็นว่าเป็นแค่แดนยาทองระดับสาม หรือก็คือระดับพลังบำเพ็ญของเหล่าศิษย์อัจฉริยะของพวกสำนักใหญ่เชียว

ทว่าในบรรดาเก้าสำนักใหญ่ ศิษย์อัจฉริยะที่สามารถบรรลุแดนยาทองระดับสามได้ก็แทบจะมีนับนิ้ว!

หรือหากจะพูดในสำนักสิบแปดเต๋าที่ด้อยลงมาอีกหน่อย พลังบำเพ็ญแดนยาทองระดับสามหรือระดับสี่ก็มีแต่ระดับผู้อาวุโสหรือเจ้าสำนักเท่านั้นที่ทำได้

ผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านั้นกลับถึงแก่ความตายในพริบตา

จะมีใครอีกบ้างที่สามารถนิ่งเฉยต่อไปได้?

เจ้าสำนักอริยสัจและเจ้าสำนักเทียนหยุนต่างรู้สึกหนังตากระตุกรัวๆ

แววตาไหววูบเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าสำนักอริยสัจจะเอ่ยเสียงลั่นว่า “ยอดฝีมือแดนยาทองระดับเจ็ด ฆ่าบุกเข้าไปในสำนักหยุนเยว่กับฉันซะ!”

สิ้นเสียง มือของเขาก็พลันมีแสงวาบขึ้น ก่อนจะปรากฏไม้บรรทัดเหล็กสีดำเล่มหนึ่ง

แล้วโยนไปที่เหนือหุบเขา

ไม้บรรทัดเหล็กต้านลมขยายใหญ่ขึ้น เชื่อมปลายสองจุดของหุบเขาเข้าด้วยกัน ประหนึ่งสะพานลอยฟ้า

เจ้าสำนักอริยสัจและเจ้าสำนักเทียนหยุนก้าวเหยียบขึ้นไปทันที

บนไม้บรรทัดเหล็กมีลำแสงสีดำถูกปลอดปล่อยออกมา

สยบขุมพลังฉกาจในหุบเขาลึกไปจนสิ้น

ยอดฝีมือแดนยาทองระดับเจ็ดนับสิบและยอดฝีมือแดนยาทองระดับแปดไม่กี่คนต่างก้าวขึ้นไปตาม

มีไม้บรรทัดเหล็กสยบไว้ เงาสีเขียวเหล่านั้นก็ไม่อาจโผล่ขึ้นมาได้ ทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญเซียนผ่านหุบเขาไปได้อย่างรวดเร็ว

พวกสองเยว่พลันรีบถอยหลังไปอีกทันที

สองเยว่สูดหายใจลึก เธอเองก็รู้ว่าของดุร้ายในหุบเขาลึกไม่อาจสกัดกั้นอีกฝ่ายไว้ได้

ทำได้เพียงถอยทัพกลับเท่านั้น

เจ้าสำนักอริยสัจเก็บไม้บรรทัดเหล็ก สายตาจดจ้องไปยังพวกสองเยว่ ก่อนจะปริปากเอ่ยเสียงเย็นว่า “สหายสองเยว่ ยังคิดจะดึงดันต่อไปหรือไม่?”

สองเยว่กัดฟันแน่น เอ่ยว่า “ท่าไม้ตายของสำนักหยุนเยว่ถูกใช้ไปหมดสิ้นแล้ว จากนี้ไปก็อยู่ที่ว่าพวกท่านจะสามารถรอดชีวิตไปฆ่าท่านเจ้าพระคุณได้หรือไม่!”

พูดเสร็จ ตราประทับจิ๋วสีเงินบนมือเธอก็หลุดออกจากมือ

ฉับพลันนั้น

ณ หลังภูเขาหลักตำหนักหลัก

กลิ่นอายที่แข็งแกร่งพลันปะทุออกมา

จากนั้น ทุกคนก็เห็นเงาร่างมหึมาทะลุออกมาอย่างว่องไวปานสายฟ้าแลบ ก่อนจะหยุดที่กลางอากาศเหนือศีรษะของพวกสองเยว่

เมื่อเห็นเงาร่างมหึมานี้ ทุกคนก็พลันรู้สึกหนังตากระตุกขึ้นรัวๆอีกครั้ง

นี่คือหุ่นเชิด!

หุ่นเชิดที่สูงกว่าคนธรรมดากว่าห้าเท่า

เป็นหุ่นเชิดผู้หญิง

บัดนี้

กลิ่นอายสะพรึงบนตัวหุ่นเชิดที่ถูกปลดปล่อยออกมามีถึงขั้นแดนยาทองระดับเก้าแล้ว!

ทันทีที่เห็นหุ่นเชิด เจ้าสำนักอริยสัจและเจ้าสำนักเทียนหยุนพลันรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นอีกครั้ง เจ้าสำนักอริยสัจเอ่ยว่า “สหาย ดูเหมือนว่าคงต้องฝากนายแล้วล่ะ!ไม่จำเป็นต้องฆ่า แค่หยุดมันได้ก็พอ!”

วิชาค่ายกลของสำนักเทียนหยุนนั้นไม่มีผู้ใดในโลกคุนชางเทียบได้!

จุดนี้เขารู้ดี!

ดังนั้น ให้เจ้าสำนักเทียนหยุนมาต่อกรกับหุ่นเชิดนี่คือเหมาะสมที่สุดแล้ว!

พูดเสร็จ เขาก็ก้าวไปข้างหน้า ยื่นแขนออก ฝ่ามือล่องหนขนาดใหญ่พลันจับไปที่พวกสองเยว่อย่างว่องไวดุจสายฟ้าแลบ

พลังบำเพ็ญแดนยาทองระดับเก้าถูกปลดปล่อยออกมา ทว่ากลิ่นอายนั้นไม่ได้น่าเกรงขามแต่อย่างใด กลับให้ความรู้สึกดูน่าเข้าถึงอย่างบอกไม่ถูก

ประหนึ่งสายลมที่พัดผ่านใบหน้าอย่างอ่อนโยน คนส่วนใหญ่ไม่รู้สึกถึงความอันตรายมากมายเลยด้วยซ้ำ

ทว่านั่นไม่ได้แปลว่ามันไม่อันตรายแน่ๆ กลับกันยังน่าสยดสยองมากต่างหาก!

อย่าว่าแต่สภาพร่างกายสองเยว่ในตอนนี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ไม่ได้รับบาดเจ็บและร่างกายอยู่ในสภาพที่พร้อมสมบูรณ์ที่สุด ก็ไม่อาจต่อกรกับเจ้าสำนักอริยสัจได้แน่ ๆ

สองเยว่โยนจี้หยกในมือออกไป ทันใดนั้นจี้หยกก็แตกสลาย ขุมพลังอันแสนสงบก็พลันพรั่งพรูออกมา

พลังขุมนี้เหมือนว่าจะไม่มีอานุภาพการโจมตีที่แกร่งกล้ามากนัก

ทว่ามันกลับชำระล้างจิตใจของคนได้

ทำให้ความอาฆาตในแววตาของคน ดับสลายลงไปในพริบตา

ฝ่ามือล่องหนมหึมาของเจ้าสำนักอริยสัจเองก็ถูกพลังนี้ชำระล้างจนหมดจด

รวมถึงตัวเจ้าสำนักอริยสัจ และเหล่าผู้บำเพ็ญเซียนทุกคนเองก็ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยพลังนี้

เจ้าสำนักอริยสัจสีหน้าเปลี่ยนทันที พลันกระโดดตัวขึ้นเพื่อจะหลุดออกจากการห้อมล้อมของพลังนี้

ทว่ามันกลับเสมือนน้ำ เสมือนแสงศักดิ์สิทธิ์

ประหนึ่งว่าไม่ว่าเขาจะปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่อาจสำแดงอิทธิฤทธิ์ได้

ทำให้เขาเหมือนถูกกักขังอย่างสิ้นเชิง

พลังนี้เหมือนพลังแห่งธรรมของสำนักปฏิบัติธรรมมาก

ทว่าก็แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

ชั่ววินาทีที่ถูกพลังนี้ห้อมล้อม กลิ่นอายบนตัวเจ้าสำนักอริยสัจและเหล่าผู้บำเพ็ญเซียนก็พลันเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว

สองเยว่เผยแววตาไหววูบ ก่อนที่ผ้าขาวจะถูกปล่อยออกไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์