ณ เวลานี้ สำนักหยุนเยว่ที่ดูคลอนแคลนอ่อนแอพลันดูยิ่งลึกลับและหยั่งแท้หยั่งถึงขึ้นมาในสายตาของพวกเขาทันที
นี่ยังไม่ทันได้บุกเข้าไปข้างในเลย ก็สูญเสียผู้แข็งแกร่งไปนับสิบแล้ว!
ผู้บำเพ็ญเซียนแดนยาทองระดับสาม ระดับสี่ ระดับห้า และระดับหกแบบนี้ นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งหรือไม่?
แน่นอนว่าก็ต้องนับอยู่แล้ว!
อย่าเห็นว่าเป็นแค่แดนยาทองระดับสาม หรือก็คือระดับพลังบำเพ็ญของเหล่าศิษย์อัจฉริยะของพวกสำนักใหญ่เชียว
ทว่าในบรรดาเก้าสำนักใหญ่ ศิษย์อัจฉริยะที่สามารถบรรลุแดนยาทองระดับสามได้ก็แทบจะมีนับนิ้ว!
หรือหากจะพูดในสำนักสิบแปดเต๋าที่ด้อยลงมาอีกหน่อย พลังบำเพ็ญแดนยาทองระดับสามหรือระดับสี่ก็มีแต่ระดับผู้อาวุโสหรือเจ้าสำนักเท่านั้นที่ทำได้
ผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านั้นกลับถึงแก่ความตายในพริบตา
จะมีใครอีกบ้างที่สามารถนิ่งเฉยต่อไปได้?
เจ้าสำนักอริยสัจและเจ้าสำนักเทียนหยุนต่างรู้สึกหนังตากระตุกรัวๆ
แววตาไหววูบเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าสำนักอริยสัจจะเอ่ยเสียงลั่นว่า “ยอดฝีมือแดนยาทองระดับเจ็ด ฆ่าบุกเข้าไปในสำนักหยุนเยว่กับฉันซะ!”
สิ้นเสียง มือของเขาก็พลันมีแสงวาบขึ้น ก่อนจะปรากฏไม้บรรทัดเหล็กสีดำเล่มหนึ่ง
แล้วโยนไปที่เหนือหุบเขา
ไม้บรรทัดเหล็กต้านลมขยายใหญ่ขึ้น เชื่อมปลายสองจุดของหุบเขาเข้าด้วยกัน ประหนึ่งสะพานลอยฟ้า
เจ้าสำนักอริยสัจและเจ้าสำนักเทียนหยุนก้าวเหยียบขึ้นไปทันที
บนไม้บรรทัดเหล็กมีลำแสงสีดำถูกปลอดปล่อยออกมา
สยบขุมพลังฉกาจในหุบเขาลึกไปจนสิ้น
ยอดฝีมือแดนยาทองระดับเจ็ดนับสิบและยอดฝีมือแดนยาทองระดับแปดไม่กี่คนต่างก้าวขึ้นไปตาม
มีไม้บรรทัดเหล็กสยบไว้ เงาสีเขียวเหล่านั้นก็ไม่อาจโผล่ขึ้นมาได้ ทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญเซียนผ่านหุบเขาไปได้อย่างรวดเร็ว
พวกสองเยว่พลันรีบถอยหลังไปอีกทันที
สองเยว่สูดหายใจลึก เธอเองก็รู้ว่าของดุร้ายในหุบเขาลึกไม่อาจสกัดกั้นอีกฝ่ายไว้ได้
ทำได้เพียงถอยทัพกลับเท่านั้น
เจ้าสำนักอริยสัจเก็บไม้บรรทัดเหล็ก สายตาจดจ้องไปยังพวกสองเยว่ ก่อนจะปริปากเอ่ยเสียงเย็นว่า “สหายสองเยว่ ยังคิดจะดึงดันต่อไปหรือไม่?”
สองเยว่กัดฟันแน่น เอ่ยว่า “ท่าไม้ตายของสำนักหยุนเยว่ถูกใช้ไปหมดสิ้นแล้ว จากนี้ไปก็อยู่ที่ว่าพวกท่านจะสามารถรอดชีวิตไปฆ่าท่านเจ้าพระคุณได้หรือไม่!”
พูดเสร็จ ตราประทับจิ๋วสีเงินบนมือเธอก็หลุดออกจากมือ
ฉับพลันนั้น
ณ หลังภูเขาหลักตำหนักหลัก
กลิ่นอายที่แข็งแกร่งพลันปะทุออกมา
จากนั้น ทุกคนก็เห็นเงาร่างมหึมาทะลุออกมาอย่างว่องไวปานสายฟ้าแลบ ก่อนจะหยุดที่กลางอากาศเหนือศีรษะของพวกสองเยว่
เมื่อเห็นเงาร่างมหึมานี้ ทุกคนก็พลันรู้สึกหนังตากระตุกขึ้นรัวๆอีกครั้ง
นี่คือหุ่นเชิด!
หุ่นเชิดที่สูงกว่าคนธรรมดากว่าห้าเท่า
เป็นหุ่นเชิดผู้หญิง
บัดนี้
กลิ่นอายสะพรึงบนตัวหุ่นเชิดที่ถูกปลดปล่อยออกมามีถึงขั้นแดนยาทองระดับเก้าแล้ว!
ทันทีที่เห็นหุ่นเชิด เจ้าสำนักอริยสัจและเจ้าสำนักเทียนหยุนพลันรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นอีกครั้ง เจ้าสำนักอริยสัจเอ่ยว่า “สหาย ดูเหมือนว่าคงต้องฝากนายแล้วล่ะ!ไม่จำเป็นต้องฆ่า แค่หยุดมันได้ก็พอ!”
วิชาค่ายกลของสำนักเทียนหยุนนั้นไม่มีผู้ใดในโลกคุนชางเทียบได้!
จุดนี้เขารู้ดี!
ดังนั้น ให้เจ้าสำนักเทียนหยุนมาต่อกรกับหุ่นเชิดนี่คือเหมาะสมที่สุดแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...