สรุปตอน บทที่ 1395 ขจัดให้สิ้นซาก – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่
ตอน บทที่ 1395 ขจัดให้สิ้นซาก ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บัดนี้ พลังบำเพ็ญของเจ้าสำนักอริยสัจ ถูกพลังชำระล้างที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากจี้หยุด ย่อหย่อนเหลือเพียงแดนยาทองระดับแปด
ส่วนพวกยอดฝีมือแดนยาทองระดับเจ็ด ก็ถูกย่อหย่อนเหลือแดนยาทองระดับหก
แน่นอน
ว่านี่ไม่ใช่การย่อหย่อนอะไร
ถ้าจะให้ใช้คำเปรียบเปรยที่ใกล้เคียงกว่านี้ นี่น่าจะเรียกว่า--การปราบปราม!
ไม่ผิด!
ก็คือการปราบปรามนั่นเอง!
บีบคั้นให้พลังบำเพ็ญของศัตรูถูกปราบปราม
พลังนี้เสมือนว่าได้สร้างอาณาเขตพิเศษขึ้นมา อาณาเขตที่ปราศจากพลังการโจมตีใดๆ
มีเพียงการปราบปรามเท่านั้น!
จี้หยกนี่คือสิ่งที่สำนักหยุนเยว่สืบทอดต่อกันมาเป็นเวลายาวนานนับไม่ถ้วน
คือของที่เย่เยว่เหลือไว้ให้
ดังนั้นในหอว่างหยุน ณ ตอนนี้ แม้จะเป็นหลินหยุนที่กำลังหล่อหลอมยาทอง หากแต่วินาทีที่พลังในจี้หยกถูกปลดปล่อยออกมา ก็พลันลืมตาขึ้นทันที
เขาคุ้นเคยกับพลังนื้ กลิ่นอายนี้เหนือกว่าสิ่งใด!
นั่นคือพลังของเย่เยว่ กลิ่นอายของเย่เยว่!
หลินหยุนเผยแววตาไหววูบ พลันตระหนักได้ในทันที
ข้างนอกเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!
พวกสองเยว่ต้องใช้ของล้ำค่าที่เย่เยว่ทิ้งไว้ให้แน่ ๆ
อิทธิฤทธิ์การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่เยว่ แท้จริงแล้วก็คือสำนักหยุนเยว่ที่เธอเหลือไว้ให้
ทว่าสิ่งเหล่านี้ ต่างไม่ใช่การฝึกฝนหลักคือเย่เยว่
ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่เธอถนัด
ชาติภพก่อนตอนที่อยู่กับหลินหยุน
เธอเองก็ใช่ว่าจะพอใจในตัวหลินหยุนมากนัก
เธอมักจะบ่นและพูดเตือนหลินหยุนอยู่บ่อยครั้ง
บอกว่าหลินหยุนมีกลิ่นอายสังหารรุนแรงเกินไป
จุดนี้เคยเกริ่นไปก่อนหน้านี้แล้ว
ทุกครั้งที่เย่เยว่พูดเรื่องเหล่านี้ หลินหยุนเองก็จะรับปากมาโดยตลอด
แต่ถ้ามีใครมาหาเรื่องเขา งั้นเขาก็จะยังคงลงมือฆ่าไม่เว้น!
ไม่มีทางที่จะออมมือโดยเด็ดขาด
ช่วยไม่ได้
เย่เยว่นั้นไร้เดียงสาและมีจิตใจเมตตาเกินไป
แต่หลินหยุนนั้นไม่ใช่!
เขารู้ดีว่าหมื่นจักรวาลนี้เป็นยังไง
ทว่าเขาเองก็ไม่อยากให้มุมมองและทัศนคติของตัวเองไปกระทบถึงความดีงามและความเมตตาในจิตใจของเย่เยว่
ดังนั้นเขาจึงทำตามใจตัวเองมาโดยตลอด
กระทั่งตอนที่เย่เยว่คาดโทษเขา เขาก็ยังคงเอ่ยขอโทษ ทว่ากลับไม่เคยคิดจะปรับปรุง
จนนี่แทบจะกลายเป็นกิจวัตรประจำของพวกเขาสองคนไปแล้ว
นี่เองก็คือแก่นแท้ของวิชาบำเพ็ญที่เย่เยว่ฝึกฝน
ไม่มีอานุภาพการโจมตีที่รุนแรง เป็นเพียงการปราบปรามพลังบำเพ็ญของศัตรูเท่านั้น
ให้อีกฝ่ายรู้ถึงความลำบากและยอมถอยไปเสียเอง
หลินหยุนเผยแววตาไหววูบเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลงหล่อหลอมยาทองต่ออีกครั้ง
เขาพอจะเดาได้ว่าตอนนี้สถานการณ์ข้างนอกนั้นเป็นยังไง
ทว่าบัดนี้เขาทำได้เพียงหล่อหลอมยาทองต่อเท่านั้น!
......
ข้างนอก ณ ตรงทางเข้าหุบเขา
ผ้าขาวของสองเยว่กวาดล้อมฟ้าดิน พลางใช้ประโยชน์จากพลังการปราบปรามที่แกร่งกล้านี้ ปลดปล่อยพลังบำเพ็ญออกมาทั้งหมด และลงมือโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
ส่วนพวกสามเหว่และห้าเยว่ที่อยู่ด้านหลังก็ทำแบบเดียวกัน
ทันใดนั้น
ผ้าขาวก็พันขดอยู่บนตัวเจ้าสำนักอริยสัจ
ทว่าแม้เจ้าสำนักอริยสัจจะถูกย่อหย่อนพลังบำเพ็ญเหลือแดนยาทองระดับแปด สองเยว่ที่ได้รับบาดเจ็บหนักก็ไม่อาจฆ่าอีกฝ่ายได้
เห็นเพียงไม้บรรทัดเหล็กในมือของเจ้าสำนักอริยสัจพลันขยายใหญ่ขึ้น ก่อนจะพุ่งโจมตีไปยังสองเยว่
ผ้าขาวพันขดไม้บรรทัดเหล็ก พลังแกร่งกล้าทั้งสองต่อต้านกันอย่างรุนแรง
แม้ในใจเจ้าอริยสัจจะรู้สึกพรั่นพรึงเพียงใด ทว่าพลังบำเพ็ญกลับถูกปลดปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะแผดเสียงขึ้นอย่างฉับพลัน แสงสีดำบนไม้บรรทัดเหล็กปะทุ ฉีกขย้ำผ้าขาวออกเป็นชิ้นๆในพริบตา
สองเยว่ได้ยินดังนั้น ก็ทำเสียงขึ้นจมูก เอ่ยว่า “มีหรือไม่มี ท่านเจ้าสำนักมาลองดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?”
เจ้าสำนักอริยสัจถอนหายใจ เอ่ยว่า “จี้หยกนั่นช่างน่าพิสดารเสียจริง แต่ฉันเองก็นับว่าเป็นถึงยอดฝีมือแดนยาทองระดับเก้า แม้จะถูกสกัดกั้นเล็กน้อย ก็ไม่อาจถูกพวกเธอสยบลงได้!”
“ในเมื่อสหายสองเยว่ยังคิดจะดึงดัน งั้นฉันเองไม่จำเป็นต้องตักเตือนอีก!”
“วันนี้เดิมทีฉันไม่ต้องการฆ่าใครทั้งนั้น!”
“ทว่าเรื่องราวกลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง!”
“เพื่อขจัดภัยร้ายออกไปจากโลกคุนชาง ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว!”
สิ้นเสียง ไม้บรรทัดเหล็กสีดำในมือเขาก็ปลดปล่อยลำแสงออกมาอีกครั้ง
ไม้บรรทัดเหล็กต้านลมขยายใหญ่ขึ้น เพียงพริบตา ก็ประหนึ่งภูผา พลันทุบลงไปยังศีรษะของพวกสองเยว่ทันที
ชั่ววินาทีนั้น ฟ้าดินเปลี่ยนสี ประหนึ่งว่าฟ้าจะกำลังถล่มลงมาก็ไม่ปาน
พวกสองเยว่และห้าเยว่ ต่างเผยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที หุ่นเชิดที่อยู่ด้านหลังพลันกระโดดลอยตัวขึ้น ก่อนจะยื่นฝ่ามือตบไปยังไม้บรรทัดเหล็กที่ดุจดั่งภูผา
ทันใดนั้น ปฐพีและภูเขาพลันสะเทือนสั่นไหว
ไม้บรรทัดเหล็กเองก็ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
ทว่าก็เพียงถูกทำให้ช้าลงเท่านั้น ยังคงทุบลงไปต่อเหมือนเดิม
กลิ่นอายบนตัวหุ่นเชิดพลันถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่ ขนาดตัวเองก็ขยายใหญ่ขึ้น
ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างยันไม้บรรทัดเหล็กที่ทุบลงมาดั่งภูผา
ขุมพลังอันน่าสะพรึงกลัวต่อต้านกันอย่างบ้าคลั่ง
จนในที่สุดไม้บรรทัดเหล็กก็หยุดชะงักลง
ทว่าร่างกายมหึมาของหุ่นเชิดเองก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ดูฝืนและลำบากเป็นอย่างมาก
ประหนึ่งว่าวินาทีต่อไปก็จะไม่อาจฝืนทนต่อได้อีก
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนต่างรู้สึกเสียวสันหลัง
ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
ในหัวของทุกคน ณ ตอนนี้ต่างโผล่คำนี้ขึ้นมา
นี่คือครั้งแรกที่เจ้าสำนักอริยสัจสำแดงอิทธิฤทธิ์ของพลังบำเพ็ญแดนยาทองระดับเก้าที่น่าสะพรึงกลัวของเขา!
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเพียงเจ้าสำนักอริยสัจเอ่ยเสียงเย็นว่า “สำนักหยุนเยว่ มีความเกี่ยวพันกับมารร้ายหลินชางฉอง ล้างบางผู้บำเพ็ญเซียนแห่งโลกคุนชาง วันนี้ จำต้องขจัดสำนักนี้ให้สิ้นซากซะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...