บัดนี้ พลังบำเพ็ญของเจ้าสำนักอริยสัจ ถูกพลังชำระล้างที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากจี้หยุด ย่อหย่อนเหลือเพียงแดนยาทองระดับแปด
ส่วนพวกยอดฝีมือแดนยาทองระดับเจ็ด ก็ถูกย่อหย่อนเหลือแดนยาทองระดับหก
แน่นอน
ว่านี่ไม่ใช่การย่อหย่อนอะไร
ถ้าจะให้ใช้คำเปรียบเปรยที่ใกล้เคียงกว่านี้ นี่น่าจะเรียกว่า--การปราบปราม!
ไม่ผิด!
ก็คือการปราบปรามนั่นเอง!
บีบคั้นให้พลังบำเพ็ญของศัตรูถูกปราบปราม
พลังนี้เสมือนว่าได้สร้างอาณาเขตพิเศษขึ้นมา อาณาเขตที่ปราศจากพลังการโจมตีใดๆ
มีเพียงการปราบปรามเท่านั้น!
จี้หยกนี่คือสิ่งที่สำนักหยุนเยว่สืบทอดต่อกันมาเป็นเวลายาวนานนับไม่ถ้วน
คือของที่เย่เยว่เหลือไว้ให้
ดังนั้นในหอว่างหยุน ณ ตอนนี้ แม้จะเป็นหลินหยุนที่กำลังหล่อหลอมยาทอง หากแต่วินาทีที่พลังในจี้หยกถูกปลดปล่อยออกมา ก็พลันลืมตาขึ้นทันที
เขาคุ้นเคยกับพลังนื้ กลิ่นอายนี้เหนือกว่าสิ่งใด!
นั่นคือพลังของเย่เยว่ กลิ่นอายของเย่เยว่!
หลินหยุนเผยแววตาไหววูบ พลันตระหนักได้ในทันที
ข้างนอกเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!
พวกสองเยว่ต้องใช้ของล้ำค่าที่เย่เยว่ทิ้งไว้ให้แน่ ๆ
อิทธิฤทธิ์การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่เยว่ แท้จริงแล้วก็คือสำนักหยุนเยว่ที่เธอเหลือไว้ให้
ทว่าสิ่งเหล่านี้ ต่างไม่ใช่การฝึกฝนหลักคือเย่เยว่
ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่เธอถนัด
ชาติภพก่อนตอนที่อยู่กับหลินหยุน
เธอเองก็ใช่ว่าจะพอใจในตัวหลินหยุนมากนัก
เธอมักจะบ่นและพูดเตือนหลินหยุนอยู่บ่อยครั้ง
บอกว่าหลินหยุนมีกลิ่นอายสังหารรุนแรงเกินไป
จุดนี้เคยเกริ่นไปก่อนหน้านี้แล้ว
ทุกครั้งที่เย่เยว่พูดเรื่องเหล่านี้ หลินหยุนเองก็จะรับปากมาโดยตลอด
แต่ถ้ามีใครมาหาเรื่องเขา งั้นเขาก็จะยังคงลงมือฆ่าไม่เว้น!
ไม่มีทางที่จะออมมือโดยเด็ดขาด
ช่วยไม่ได้
เย่เยว่นั้นไร้เดียงสาและมีจิตใจเมตตาเกินไป
แต่หลินหยุนนั้นไม่ใช่!
เขารู้ดีว่าหมื่นจักรวาลนี้เป็นยังไง
ทว่าเขาเองก็ไม่อยากให้มุมมองและทัศนคติของตัวเองไปกระทบถึงความดีงามและความเมตตาในจิตใจของเย่เยว่
ดังนั้นเขาจึงทำตามใจตัวเองมาโดยตลอด
กระทั่งตอนที่เย่เยว่คาดโทษเขา เขาก็ยังคงเอ่ยขอโทษ ทว่ากลับไม่เคยคิดจะปรับปรุง
จนนี่แทบจะกลายเป็นกิจวัตรประจำของพวกเขาสองคนไปแล้ว
นี่เองก็คือแก่นแท้ของวิชาบำเพ็ญที่เย่เยว่ฝึกฝน
ไม่มีอานุภาพการโจมตีที่รุนแรง เป็นเพียงการปราบปรามพลังบำเพ็ญของศัตรูเท่านั้น
ให้อีกฝ่ายรู้ถึงความลำบากและยอมถอยไปเสียเอง
หลินหยุนเผยแววตาไหววูบเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลงหล่อหลอมยาทองต่ออีกครั้ง
เขาพอจะเดาได้ว่าตอนนี้สถานการณ์ข้างนอกนั้นเป็นยังไง
ทว่าบัดนี้เขาทำได้เพียงหล่อหลอมยาทองต่อเท่านั้น!
......
ข้างนอก ณ ตรงทางเข้าหุบเขา
ผ้าขาวของสองเยว่กวาดล้อมฟ้าดิน พลางใช้ประโยชน์จากพลังการปราบปรามที่แกร่งกล้านี้ ปลดปล่อยพลังบำเพ็ญออกมาทั้งหมด และลงมือโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
ส่วนพวกสามเหว่และห้าเยว่ที่อยู่ด้านหลังก็ทำแบบเดียวกัน
ทันใดนั้น
ผ้าขาวก็พันขดอยู่บนตัวเจ้าสำนักอริยสัจ
ทว่าแม้เจ้าสำนักอริยสัจจะถูกย่อหย่อนพลังบำเพ็ญเหลือแดนยาทองระดับแปด สองเยว่ที่ได้รับบาดเจ็บหนักก็ไม่อาจฆ่าอีกฝ่ายได้
เห็นเพียงไม้บรรทัดเหล็กในมือของเจ้าสำนักอริยสัจพลันขยายใหญ่ขึ้น ก่อนจะพุ่งโจมตีไปยังสองเยว่
ผ้าขาวพันขดไม้บรรทัดเหล็ก พลังแกร่งกล้าทั้งสองต่อต้านกันอย่างรุนแรง
แม้ในใจเจ้าอริยสัจจะรู้สึกพรั่นพรึงเพียงใด ทว่าพลังบำเพ็ญกลับถูกปลดปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะแผดเสียงขึ้นอย่างฉับพลัน แสงสีดำบนไม้บรรทัดเหล็กปะทุ ฉีกขย้ำผ้าขาวออกเป็นชิ้นๆในพริบตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...