ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็พบเจอกับบ่อน้ำพุทิพย์แห่งหนึ่ง ที่ตาน้ำพุใกล้จะเหือดแห้งแล้ว
ภายในนั้นมีน้ำพุทิพย์ที่มีกระแสน้ำรุนแรง พุ่งออกมาอย่างไม่หยุดและไหลลงไปสู่ลำธาร
เมื่อเห็นบ่อน้ำพุนี้แล้ว ทั้งสองคนต่างก็พากันตกตะลึง
โดยเฉพาะซิงเฟย ที่เบิกตาโพลงขึ้นโดยพลัน เป็นที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก เพราะว่าเธอไม่เคยพบเห็นน้ำพุที่มีพลังทิพย์ที่หนาแน่นมากขนาดนี้มาก่อน
อีกทั้งระดับของความหนาแน่นของพลังทิพย์นี้ เหมือนกับการรวบรวมน้ำชี่ทิพย์จำนวนมากเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น ถึงขนาดที่มีความบริสุทธิ์หนาแน่นที่มากกว่าน้ำชี่ทิพย์เสียอีก
แม้ว่าน้ำชี่ทิพย์จะกลั่นขึ้นโดยผู้บำเพ็ญเซียน แต่ภายในนั้นก็ยังคงมีสิ่งเจือปนอยู่อย่างแน่นอน
พูดได้เพียงว่าหากพลังบำเพ็ญยิ่งสูง น้ำชี่ทิพย์ที่กลั่นออกมานั้นก็ยิ่งจะบริสุทธิ์มากขึ้น
แต่ทั้งโลกคุนชางนั้น ก็ยังไม่มีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแดนจิตปฐมเลย
ต่อให้จะบริสุทธิ์มากขนาดไหน ก็ยังคงมีขีดจำกัด
หลินหยุนคาดคิดไม่ถึงว่า ที่จริงแล้วสำนักอริยสัจนี้ไม่ได้ครอบครองเทือกเขาทิพย์ แต่ครอบครองบ่อน้ำพุทิพย์
แต่น่าเสียดายที่น้ำพุทิพย์นี้ใกล้จะเหือดแห้งแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว
หลินหยุนแกว่งแขนขึ้น เพื่อเก็บรวบรวมน้ำพุทิพย์ที่ไหลออกมา
น้ำพุทิพย์เหล่านี้เทียบเท่าไม่ได้กับหินทิพย์ แต่ถึงอย่างไรก็ทรงพลังกว่าน้ำชี่ทิพย์มาก
หันหน้ามองไปที่ซิงเฟย และพูดขึ้นว่า “ลงไปกับฉันเถอะ ด้านล่างของตาน้ำพุนี้น่าจะมีหินทิพย์ถือกำเนิดขึ้น”
ซิงเฟยพยักหน้า แล้วก็ตามหลินหยุนไป โดยที่ทั้งสองคนได้ลงไปถึงด้านล่างของตาน้ำพุ แล้วก็มุดเข้าไปในชั้นใต้ดิน
หลินหยุนเองก็คิดไม่ถึงว่า ด้านล่างนี้จะมีชั้นใต้ดินด้วย ซึ่งใช้ดวงจิตสำรวจ และเดินตามเส้นทางชั้นใต้ดินเข้าไป
ในขณะนั้นเอง เจียซินที่อยู่ในหลิไถก็พูดขึ้นว่า “สุดปลายทางด้านหน้านั้นจะมีวิมานแห่งหนึ่ง ที่มีอายุยาวนานแล้ว น่าจะเป็นวิมานในยุคโบราณกาล อีกทั้งภายในยังมีคลื่นพลังที่แข็งแกร่ง ซึ่งต้องระมัดระวังตัวกันเอาไว้ด้วย! ”
หลินหยุนได้ยินดังนั้นก็ดวงตาเป็นประกายขึ้น
ความสามารถของดวงจิตของเขานั้นเทียบเท่าไม่ได้กับของเจียซิน ดังนั้นในหลายครั้งที่เจียซินสามารถรับรู้สัมผัสได้ถึงสิ่งต่าง ๆ แต่เขาเองไม่สามารถทำแบบนั้นได้
กล่าวในระดับหนึ่งได้ว่า เจียซินนั้นถือเป็นเป็นดวงตาของหลินหยุน
หลินหยุนพยักหน้า แล้วก็หันมองไปที่ซิงเฟย และพูดว่า “ระวังตัวด้วยนะ ติดตามอยู่ด้านหลังของฉันอย่าได้ห่าง บางทีด้านหน้าอาจจะมีอันตรายก็ได้! ”
ซิงเฟยพยักหน้า ทั้งสองคนมุ่งหน้าเดินกันต่อไป
ไม่นานนัก ที่สุดปลายทางของชั้นใต้ดิน ก็มีวิมานปรากฏขึ้นด้านหน้าของทั้งสองคน
ด้านบนประตูวิมาน เขียนอักษรโบราณเอาไว้ว่า----อริยสัจ
เมื่อมาถึงด้านหน้าของวิมาน ทุกอย่างก็ยังคงสงบเงียบ โดยที่หลินหยุนเองก็ยังไม่รู้สึกและสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอะไรเลย
แต่วิกฤตอันตรายที่รุนแรง กลับได้ผุดขึ้นมาในจิตใจของเขา
เจียซินพูดขึ้นว่า “ดวงจิตของคุณเมื่อเปรียบเทียบกับดวงจิตของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นยาทองทั่วไปแล้วนั้น มีความแข็งแกร่งเหนือกว่ามากอย่างแน่นอน แต่ยังคงไม่เพียงพอที่จะสามารถรับรู้สภาพภายในของวิมานแห่งนี้ได้”
หลินหยุนพยักหน้า และพูดขึ้นว่า “ฉันสัมผัสไม่ได้ถึงคลื่นพลัง แต่สัมผัสได้ถึงวิกฤตอันตรายอย่างรุนแรง โดยด้านหลังของประตูบานนี้ ภายในนั้นเหมือนจะมีสิ่งที่ทรงพลังอย่างที่สุดอยู่! ”
ในขณะนั้นเอง เจียซินก็พลันพูดขึ้นว่า “แย่แล้ว นี่คือกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญแดนจิตปฐม! ด้านในมีผู้บำเพ็ญแดนจิตปฐมอยู่! รีบหนีเร็ว! ”
หลินหยุนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที โดยเขายังไม่ทันที่จะเอ่ยปากพูด เจียซินก็พูดต่อว่า “ไม่ถูกต้อง มีคนกำลังบรรลุพลังบำเพ็ญขั้นแดนจิตปฐมอยู่ ซึ่งขาดอีกเพียงแค่ขั้นเดียวแล้ว! ”
ขณะที่พูด เจียซินก็เร่งพูดเร็วขึ้นอีก โดยพูดขึ้นอย่างรีบร้อนว่า “หลินหยุน ตอนนี้มีอยู่สองทางเลือก อย่างแรกคือคุณรีบทำลายประตูบานนี้ และบุกเข้าไปขัดขวางคนด้านในไม่ให้บรรลุสู่ขั้นแดนจิตปฐม! ”
“อีกทางเลือกหนึ่งก็คือ รีบหนีไปโดยเร็ว! ”
“ถ้าหากฉันคาดเดาไม่ผิด คนที่อยู่ภายในที่กำลังบรรลุขั้นพลังอยู่นั้น น่าจะเป็นเจ้าสำนักอริยสัจ! ”
“ถ้าหากคุณขัดขวางไว้ไม่ได้ ก็ต้องรีบหนีไปโดยเร็วที่สุด! ”
“เมื่อเขาบรรลุพลังโดยสมบูรณ์แล้ว ต่อให้คนอย่างนายสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างเด็ดขาด! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...