โม่เฉินพูดต่อว่า “หลงอ้าวนั้น แม้ว่าฉันจะไม่ได้ใกล้ชิดสัมผัสกับเขา แต่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เขาเป็นผู้ที่โลภมากอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อทำลายค่ายกลทะเลสาบเยว่หยาลงแล้วก็จะต้องกลับไปที่ทะเลตงไห่อีกครั้ง เพื่อที่จะเปิดเข้าไปในพระราชวังนั้น”
แน่นอนว่าที่เขาไม่ได้ใกล้ชิดกับหลงอ้าว เพราะเขาเองก็ไม่มีพลังความสามารถนั้นด้วย
โม่เฉินในเวลานี้ แม้ว่าพลังบำเพ็ญจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังคงถูกนายท่านหลินซื่อเฉิง ซูหนันและซูจื่อเหลียงทิ้งห่างไปไกลหลายช่วงตัว
ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงแอบมองหลงอ้าวอยู่ไกล ๆ ไม่กล้าให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้แม้แต่น้อย
เขาเห็นกับตาของตนเองจริง ๆ ว่าหลงอ้าวได้ทำลายค่ายกลฮู่ซานของทะเลสาบเยว่หยาลง แต่หลังจากนั้นได้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก เขาเองก็มองเห็นไม่ชัดเจน
ดังนั้นเขาจึงได้พักอยู่ที่ทะเลสาบเยว่หยา เพื่อรอหลินหยุนกลับมา
โดยเขาเองก็ไม่รู้ว่าหลินหยุนจะกลับมาเมื่อไหร่
แต่ถ้าจะพูดว่ายังมีผู้ใดที่สามารถจัดการหลงอ้าวให้อยู่หมัดได้แล้วล่ะก็ คงจะมีเพียงแค่หลินหยุนผู้เดียวแล้ว
ถูกต้อง เขาเองก็คิดแบบนี้เช่นกัน
ต่อให้เป็นคุณปู่ของหลินหยุน หรือลูกศิษย์ของหลินหยุน ที่จริงแล้วก็ยังไม่มั่นใจในตัวของหลินหยุน
แต่โม่เฉินกลับเชื่อมั่นในตัวหลินหยุนมาก เพราะว่าเขาเติบโตมาในสำนักโม่เหมิน ซึ่งในตัวของหลินหยุนนั้น เขามองเห็นถึงเงาของปรมาจารย์เฉินในอดีต
สำนักโม่เหมินมีประวัติมาอย่างยาวนาน และมีจดบันทึกอย่างละเอียด
เจ้าสำนักโม่เหมินคนแรกในอดีตนั้น ก็ติดตามปรมาจารย์เฉินมาโดยตลอด เห็นทุกอย่างด้วยตาของคนเอง
การสืบทอดของสำนักโม่เหมินในทุกยุคทุกสมัย มีกระทำการเรื่องใดบ้าง ล้วนมีจดบันทึกอยู่อย่างละเอียดทั้งหมด
สำหรับพวกเขานั้น แม้ว่าจะไม่เคยพบเห็นปรมาจารย์เฉินด้วยตาของตนเอง แต่จากข้อมูลที่บันทึกอย่างละเอียด ก็สามารถทำให้เข้าใจได้อย่างชัดเจน
ส่วนหลินหยุนนั้น โม่เฉินรู้สึกว่าเขามีความคล้ายคลึงกับปรมาจารย์เฉินในอดีตอย่างมากเลย
ขณะที่จิตใจของเขาเกิดความรู้สึกนี้ขึ้น โม่เฉินเองก็ตกใจมากกับความรู้สึกของตนเองนี้เช่นกัน
ปรมาจารย์เฉินดุจดั่งเทพ
คิดไม่ถึงว่าเขาจะนำหลินหยุนไปเปรียบเทียบกับปรมาจารย์เฉิน โดยถือว่าอยู่ในระดับชั้นเดียวกัน ซึ่งน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก แต่นี่ก็เป็นเพียงความรู้สึกที่แท้จริงของเขาเท่านั้น
หลินหยุนสีหน้าหม่นหมอง แล้วมองไปยังทิศตะวันออก “พระราชวังจากใต้ทะเลลึกเหรอ? ”
ขณะที่พูด เขาก็ย่ำก้าวออกมา กลายร่างเป็นลำแสงและมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก ด้วยความรวดเร็วอย่างมาก ถึงขั้นที่ไม่สามารถอธิบายได้เลย
โม่เฉินเห็นดังนั้นก็ถึงกับตกใจอย่างบอกไม่ถูกเลย
ครั้งนี้ที่พบเจอกับหลินหยุน ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงความกดดันอะไร พบเจอกับหลินหยุน ก็เหมือนกับพบเจอกับคนธรรมทั่วไปที่ไม่มีพลังบำเพ็ญอย่างไรอย่างนั้น
เขาเองก็ไม่รับรู้ว่า เวลานี้หลินหยุนมีพลังบำเพ็ญถึงขั้นแดนไหนแล้ว
แต่เขาเข้าใจว่า หลินหยุนคงจะทำการยับยั้งควบคุมลมหายใจทั้งหมดอย่างแน่นอน
เวลานี้ได้เห็นหลินหยุนแสดงวิชาความสามารถออกมา โม่เฉินก็ถึงกับตื่นตะลึงอย่างที่สุด
ช่างรวดเร็วเหลือเกิน!
หลินหยุนในตอนนี้ อยู่ในระดับขั้นที่มีความแตกต่างกับเขาโดยสิ้นเชิง
รู้ไหมว่าเมื่อไม่นานมานี้ เขายังสามารถต่อสู้กับหลินหยุนได้อยู่เลย
นี่เพิ่งจะผ่านไปนานเท่าไรเอง!
แต่ทันใดนั้นโม่เฉินก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาบ้าง ถ้าหากหลินหยุนแข็งแกร่งไม่เพียงพอ แล้วจะสามารถเอาชนะเทพปีศาจหลงอ้าวนั้นได้อย่างไรล่ะ
หลินหยุนกลับไม่ได้สนใจว่าโม่เฉินนั้นคิดอะไรอยู่ในใจ
กระโดดย่ำขึ้นไปในอากาศ และมุ่งหน้าตรงไปยังตงไห่ทันที
เห็นจากระยะไกลว่าบนท้องฟ้ามีแสงเงาที่เลือนรางปรากฏขึ้น
จากนั้นความรู้สึกที่คุ้นเคย ก็ผุดขึ้นมาในจิตใจ
หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย และยิ่งเพิ่มความรวดเร็วขึ้นอีก
ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้น ความคุ้นเคยในจิตใจของเขานั้นก็ยิ่งรู้สึกรุนแรงมากขึ้น อีกทั้ง เขาก็ยังรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่แข็งแกร่งนั้นแล้วด้วย
ในขณะนั้นเอง เสียงของเจียซินที่อยู่ในหลิไถก็ดังขึ้นในสมองของหลินหยุน
“ฉันเหมือนจะรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเผ่าโลหิต”
“ไม่ถูกต้อง หรือว่าโลกภายนอกยังมีเผ่าโลหิตดำรงอยู่อีกอย่างนั้นเหรอ? ”
เผ่าโลหิต เท่าที่เธอทราบนั้น บนโลกใบนี้ก็คงมีเหลือเพียงแค่เสวี้ยเหอผู้นั้นแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...