จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1420

สรุปบท บทที่ 1420 รนหาที่ตาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 1420 รนหาที่ตาย จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1420 รนหาที่ตาย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

โม่เฉินพูดต่อว่า “หลงอ้าวนั้น แม้ว่าฉันจะไม่ได้ใกล้ชิดสัมผัสกับเขา แต่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เขาเป็นผู้ที่โลภมากอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อทำลายค่ายกลทะเลสาบเยว่หยาลงแล้วก็จะต้องกลับไปที่ทะเลตงไห่อีกครั้ง เพื่อที่จะเปิดเข้าไปในพระราชวังนั้น”

แน่นอนว่าที่เขาไม่ได้ใกล้ชิดกับหลงอ้าว เพราะเขาเองก็ไม่มีพลังความสามารถนั้นด้วย

โม่เฉินในเวลานี้ แม้ว่าพลังบำเพ็ญจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังคงถูกนายท่านหลินซื่อเฉิง ซูหนันและซูจื่อเหลียงทิ้งห่างไปไกลหลายช่วงตัว

ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงแอบมองหลงอ้าวอยู่ไกล ๆ ไม่กล้าให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้แม้แต่น้อย

เขาเห็นกับตาของตนเองจริง ๆ ว่าหลงอ้าวได้ทำลายค่ายกลฮู่ซานของทะเลสาบเยว่หยาลง แต่หลังจากนั้นได้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก เขาเองก็มองเห็นไม่ชัดเจน

ดังนั้นเขาจึงได้พักอยู่ที่ทะเลสาบเยว่หยา เพื่อรอหลินหยุนกลับมา

โดยเขาเองก็ไม่รู้ว่าหลินหยุนจะกลับมาเมื่อไหร่

แต่ถ้าจะพูดว่ายังมีผู้ใดที่สามารถจัดการหลงอ้าวให้อยู่หมัดได้แล้วล่ะก็ คงจะมีเพียงแค่หลินหยุนผู้เดียวแล้ว

ถูกต้อง เขาเองก็คิดแบบนี้เช่นกัน

ต่อให้เป็นคุณปู่ของหลินหยุน หรือลูกศิษย์ของหลินหยุน ที่จริงแล้วก็ยังไม่มั่นใจในตัวของหลินหยุน

แต่โม่เฉินกลับเชื่อมั่นในตัวหลินหยุนมาก เพราะว่าเขาเติบโตมาในสำนักโม่เหมิน ซึ่งในตัวของหลินหยุนนั้น เขามองเห็นถึงเงาของปรมาจารย์เฉินในอดีต

สำนักโม่เหมินมีประวัติมาอย่างยาวนาน และมีจดบันทึกอย่างละเอียด

เจ้าสำนักโม่เหมินคนแรกในอดีตนั้น ก็ติดตามปรมาจารย์เฉินมาโดยตลอด เห็นทุกอย่างด้วยตาของคนเอง

การสืบทอดของสำนักโม่เหมินในทุกยุคทุกสมัย มีกระทำการเรื่องใดบ้าง ล้วนมีจดบันทึกอยู่อย่างละเอียดทั้งหมด

สำหรับพวกเขานั้น แม้ว่าจะไม่เคยพบเห็นปรมาจารย์เฉินด้วยตาของตนเอง แต่จากข้อมูลที่บันทึกอย่างละเอียด ก็สามารถทำให้เข้าใจได้อย่างชัดเจน

ส่วนหลินหยุนนั้น โม่เฉินรู้สึกว่าเขามีความคล้ายคลึงกับปรมาจารย์เฉินในอดีตอย่างมากเลย

ขณะที่จิตใจของเขาเกิดความรู้สึกนี้ขึ้น โม่เฉินเองก็ตกใจมากกับความรู้สึกของตนเองนี้เช่นกัน

ปรมาจารย์เฉินดุจดั่งเทพ

คิดไม่ถึงว่าเขาจะนำหลินหยุนไปเปรียบเทียบกับปรมาจารย์เฉิน โดยถือว่าอยู่ในระดับชั้นเดียวกัน ซึ่งน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก แต่นี่ก็เป็นเพียงความรู้สึกที่แท้จริงของเขาเท่านั้น

หลินหยุนสีหน้าหม่นหมอง แล้วมองไปยังทิศตะวันออก “พระราชวังจากใต้ทะเลลึกเหรอ? ”

ขณะที่พูด เขาก็ย่ำก้าวออกมา กลายร่างเป็นลำแสงและมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก ด้วยความรวดเร็วอย่างมาก ถึงขั้นที่ไม่สามารถอธิบายได้เลย

โม่เฉินเห็นดังนั้นก็ถึงกับตกใจอย่างบอกไม่ถูกเลย

ครั้งนี้ที่พบเจอกับหลินหยุน ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงความกดดันอะไร พบเจอกับหลินหยุน ก็เหมือนกับพบเจอกับคนธรรมทั่วไปที่ไม่มีพลังบำเพ็ญอย่างไรอย่างนั้น

เขาเองก็ไม่รับรู้ว่า เวลานี้หลินหยุนมีพลังบำเพ็ญถึงขั้นแดนไหนแล้ว

แต่เขาเข้าใจว่า หลินหยุนคงจะทำการยับยั้งควบคุมลมหายใจทั้งหมดอย่างแน่นอน

เวลานี้ได้เห็นหลินหยุนแสดงวิชาความสามารถออกมา โม่เฉินก็ถึงกับตื่นตะลึงอย่างที่สุด

ช่างรวดเร็วเหลือเกิน!

หลินหยุนในตอนนี้ อยู่ในระดับขั้นที่มีความแตกต่างกับเขาโดยสิ้นเชิง

รู้ไหมว่าเมื่อไม่นานมานี้ เขายังสามารถต่อสู้กับหลินหยุนได้อยู่เลย

นี่เพิ่งจะผ่านไปนานเท่าไรเอง!

แต่ทันใดนั้นโม่เฉินก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาบ้าง ถ้าหากหลินหยุนแข็งแกร่งไม่เพียงพอ แล้วจะสามารถเอาชนะเทพปีศาจหลงอ้าวนั้นได้อย่างไรล่ะ

หลินหยุนกลับไม่ได้สนใจว่าโม่เฉินนั้นคิดอะไรอยู่ในใจ

กระโดดย่ำขึ้นไปในอากาศ และมุ่งหน้าตรงไปยังตงไห่ทันที

เห็นจากระยะไกลว่าบนท้องฟ้ามีแสงเงาที่เลือนรางปรากฏขึ้น

จากนั้นความรู้สึกที่คุ้นเคย ก็ผุดขึ้นมาในจิตใจ

หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย และยิ่งเพิ่มความรวดเร็วขึ้นอีก

ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้น ความคุ้นเคยในจิตใจของเขานั้นก็ยิ่งรู้สึกรุนแรงมากขึ้น อีกทั้ง เขาก็ยังรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่แข็งแกร่งนั้นแล้วด้วย

ในขณะนั้นเอง เสียงของเจียซินที่อยู่ในหลิไถก็ดังขึ้นในสมองของหลินหยุน

“ฉันเหมือนจะรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเผ่าโลหิต”

“ไม่ถูกต้อง หรือว่าโลกภายนอกยังมีเผ่าโลหิตดำรงอยู่อีกอย่างนั้นเหรอ? ”

เผ่าโลหิต เท่าที่เธอทราบนั้น บนโลกใบนี้ก็คงมีเหลือเพียงแค่เสวี้ยเหอผู้นั้นแล้ว

ยอดฝีมือได้ออกมาจากการแอบซ่อนตัว นี่คือสัญญาณเตือนของความโกลาหลที่จะเกิดขึ้น

หลินหยุนลอยตัวอยู่ในอากาศ มองไปที่เงาโลหิตนั้น

เวลานี้เงาโลหิตที่อยู่ด้านข้างของพระราชวัง ก็พบเห็นหลินหยุนแล้วเช่นกัน

เมื่อเห็นหลินหยุน ดวงตาสามเหลี่ยมที่ชราภาพของฝ่ายตรงข้ามนั้นก็กะพริบเป็นประกายขึ้น จากนั้นก็แสดงท่าทางที่เหลือเชื่อ เหมือนจะคาดคิดไม่ถึงว่า ตะวันออกยังจะมียอดฝีมือที่เก่งกาจระดับนี้ด้วย

เงาร่างแวบหายไป มาอยู่ที่ด้านข้างของหลินหยุน

เงาโลหิตมองไปที่หลินหยุนแล้วก็หัวเราะฮิฮิ ยืนมือออกมาชี้ไปยังหลินหยุน แล้วพูดขึ้นอย่างองอาจว่า “คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าตะวันออกจะยังมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างนายนี้ด้วย นายไม่เลวทีเดียว มีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นอีกหนึ่งทาสโลหิตของฉันแล้ว! ”

“ฉันสามารถทำให้นายมีพลังชีวิตที่อมตะ”

“ไอ้หนุ่ม จะลองคิดพิจารณาดูไหมล่ะ? ”

“แน่นอนว่า หากนายไม่เต็มใจ ฉันก็จะสังหารนายทิ้งซะ! ”

“ฮิฮิฮิฮิฮิ......”

หลินหยุนพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “นายคือบรรพบุรุษโลหิตที่ต่อสู้กับหลงอ้าวใช่ไหม? ”

โม่เฉินเองก็ได้เล่าถึงการต่อสู้ระหว่างหลงอ้าวกับบรรพบุรุษโลหิตให้เขาฟังด้วยเช่นกัน

ดังนั้นหลินหยุนจึงคาดเดาว่า บรรพบุรุษโลหิตก็คงจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหน้านี้แล้ว

บรรพบุรุษโลหิตพูดขึ้นว่า “หลงอ้าว? ก็คือไอ้กระจอกที่ไร้ฝีมือนั่นใช่ไหม? ฮิฮิฮิ ก็แค่คนที่พ่ายแพ้ให้กับฉันคนหนึ่งก็เท่านั้น ไอ้หนุ่ม นายก็รู้จักไอ้กระจอกนั่นด้วยเหรอ หรือว่าเป็นพวกเดียวกัน? ”

หลินหยุนไม่ได้ตอบคำถามของบรรพบุรุษโลหิต ดวงตาเป็นประกาย และถามขึ้นว่า “นายทราบไหมว่า หลงอ้าวนั้นอยู่ที่ไหน? ”

เขาไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายลมหายใจของยอดฝีมือในบริเวณใกล้ ๆ นี้

อีกทั้งบรรพบุรุษโลหิตก็อยู่ที่นี่ หลงอ้าวคงไม่น่าจะมาพบกับความโชคร้ายหรอก

บรรพบุรุษโลหิตเห็นท่าทางของหลินหยุนแล้ว ก็หัวเราะเยาะขึ้น และพูดว่า “ที่จริงแล้วนายไม่ใช่พวกเดียวกับไอ้กระจอกนั่น แต่มีความแค้นกับไอ้กระจอกนั่น เรื่องนี้คุยกันได้ เพียงแค่นายยอมเป็นทาสโลหิตให้กับฉัน ฉันก็จะช่วยนายสังหารไอ้กระจอกนั่นซะ ว่าอย่างไรล่ะ? ”

หลินหยุนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ลำพังแค่นายน่ะเหรอ? ฉันขอถามนายอีกครั้งว่า นายทราบไหมว่าหลงอ้าวอยู่ที่ไหน ถ้าบอกออกมา ฉันก็จะไว้ชีวิตนาย! ”

บรรพบุรุษโลหิตได้ยินดังนั้นก็โมโหขึ้นอย่างมาก “บังอาจ ไอ้หนุ่ม นายเองนั่นแหละที่กำลังรนหาที่ตาย! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์