สรุปเนื้อหา บทที่ 142 โดนดูถูกเข้าแล้ว – จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่
บท บทที่ 142 โดนดูถูกเข้าแล้ว ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จูผาซู่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 142 โดนดูถูกเข้าแล้ว
ระหว่างที่สาว ๆ คณะวรรณคดียังมาไม่ถึง ก็ถูกบรรดาหมาป่าจอมชั่วร้าย จัดสรรปันส่วนกันจนลงตัวแล้วเรียบร้อย
ผ่านไปอีกครึ่งชม. พวกสาว ๆ ก็ยังคงมาไม่ถึง
หลินหยุนพูดขึ้นว่า "ฉันไปห้องน้ำหน่อยนะ"
เพียงสองนาทีหลังจากที่หลินหยุนออกไป ก็มีคนมาเคาะประตู จากนั้นหญิงสาวสามสี่คนที่แต่งตัวอย่างพิถีพิถัน ก็ค่อยๆเดินทยอยเข้ามาทีละคนๆ
บรรดาชายหนุ่มต่างก็รีบลุกขึ้นยืน เพื่อเป็นการให้เกียรติพวกเธอ
พวกจางซือจู่ถือโอกาสมองสำรวจสาวๆที่เข้ามา นึกเสียดายที่ดวงตาของตัวเองไม่ใช่รังสีเอกซ์ จะได้มองแบบทะลุผ่านเข้าไปเห็นเรือนร่าง เอ๊ย...ไม่ใช่ ! เห็นหัวใจของบรรดาสาว ๆ เหล่านี้ได้
ฉินโส่วมองอย่างหวานหยดไปที่โหลวจิ้งโยว ฝ่ายโหลวจิ้งโยวเองก็ตอบรับกลับมาด้วยการแสดงออกที่แสนอ่อนโยน เป็นการพิสูจน์คำพูดของพวกจางซือจู่ได้ว่า คู่รักนักป้อนอาหารหมา (เป็นแสลงที่มีความหมายว่า คู่รักที่ชอบโชว์สวีทให้คนอื่นดู ) คู่นี้รักใคร่กันจนหวานเลี่ยนขนาดไหน พูดง่าย ๆ เลยก็คือ ทั้งคู่สามารถอยู่ด้วยกันทั้งวัน ชนิดที่ไม่มีเบื่อขี้หน้ากันเลยก็ว่าได้
ฉินโส่วยืนขึ้น แล้วกล่าวคำทักทายต่อทุกคน "คนสวยทั้งหลายครับ ตัวผมเองคงไม่จำเป็นต้องแนะนำอะไรมากแล้วเนอะ ยังไงๆ ก็วิ่งเข้าวิ่งออกหอพักพวกเธอเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว"
สาว ๆ ทั้งหลายต่างยกมือขึ้นมาปิดปาก แสร้งทำยิ้มเอียงอายคล้ายหญิงสาวที่ยังใสๆไร้ประสบการณ์ กระทั่งหญิงห้าวอย่างหลิงหยิงก็ยังเหมือนกัน
แน่นอนว่า จางเหมิงถือเป็นข้อยกเว้น ตั้งแต่เข้าประตูมา ท่าทางของเธอก็ไม่ได้กระตือรือร้นหรือเมินเฉย แค่คงท่าทีของหญิงสาวผู้มีชั้นเชิงระดับสูง เฝ้ามองเกมของเหล่าบรรดาคนที่มีชั้นเชิงต่ำกว่าอยู่เงียบๆ
"จางซือจู่ ฉายาไอ้หมอ"
จางซือจู่รีบลุกขึ้นยืน พยักหน้าแล้วโค้งคำนับ "สวัสดีครับทุกคน เพิ่งได้พบกันครั้งแรก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ!"
“ หยางเทียนโย่ว”
ฉินโส่วแนะนำพวกเขาทีละคน จางซือจู่กับหยางเทียนโย่วมีหน้าตาที่ดูธรรมดา ๆ เหลยเฉียงหน้าตาดูโง่ ๆ ทึ่ม ๆ ส่วนไอ้หิน แค่ได้เห็นหน้าสาว ๆ แวบเดียวก็หน้าแดงเถือกไปพักใหญ่แล้ว
นอกจากฉินโส่วแล้ว ทั้งหมดที่เหลือ ถือเป็นพวกธรรมดาหน้าตาจน ๆ ตามมาตรฐานเป๊ะ!
ในใจของสาว ๆ เปลี่ยนจากความกระตือรือร้น กลายเป็นความเฉยชาถอดใจไปซะแล้ว
ไม่ใช่ว่ามีผู้ชายหกคนหรอกเหรอ? ทำไมถึงมีแค่ห้าคนล่ะ! อีกคนอยู่ไหนกัน?
ไม่แน่ว่าคนนี้ อาจจะเป็นทายาทรุ่นสองของมหาเศรษฐีก็ได้นี่นะ?
สาวๆทั้งหลายต่างก็วาดฝัน จินตนาการไว้กับหลินหยุนผู้ซึ่งกำลังไปห้องน้ำ
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่โหลวจิ้งโยวแนะนำสาว ๆ ให้รู้จัก รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเธอจึงดูฝืดฝืนเต็มที
ส่วนจางเหมิงยิ่งแล้วใหญ่ เธอแสดงท่าทีว่าไม่สนใจชายหนุ่มเหล่านี้โดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่า ผู้ชายพวกนี้ก็แค่พวกหน้าธรรมดาๆ ท่าทางจน ๆ ด้วยแล้ว อารมณ์ของจางเหมิงก็ยิ่งหงุดหงิดสุดขีด
ใคร ๆ ต่างก็พูดกันว่า จางเหมิงเป็นคนที่หยิ่งมาก แต่ในความเป็นจริง เธอก็หวังว่าจะได้พบกับทายาทมหาเศรษฐีเหมือนกัน ท่าทางเย่อหยิ่งนี้ เธอก็แค่แสร้งทำให้คนอื่นเห็นเท่านั้น
แม้ว่าพื้นหลังของครอบครัวจางเหมิงจะนับว่าไม่เลว แต่ทรัพย์สินทั้งหมดที่ทั้งกวาดทั้งโกยรวมกันแล้ว ก็มีรวมๆสักแค่ร้อยล้านได้ เมื่อเอาไปเทียบกับบรรดาตระกูลใหญ่จริงๆ ก็เป็นได้แค่คนถือรองเท้าให้เขาก็เท่านั้นแหละ
ดังนั้น มาตรฐานที่จางเหมิงต้องการ จึงสูงกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ อยู่มาก
แต่เมื่อจางเหมิงพบว่า มีผู้ชายหายไปคนหนึ่งจากในกลุ่ม เธอจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่หลินหยุนเช่นกัน
หวังว่าผู้ชายคนสุดท้ายนั่น จะเป็นหนุ่มหล่อที่มาจากครอบครัวร่ำรวยนะ
ประจวบเหมาะกับที่หลินหยุนเอง ก็กลับมาจากห้องน้ำพอดี
สายตาของหญิงสาวทั้งหลาย พากันจดจ้องไปที่หลินหยุนทันที
อืม....นี่คือผู้ชายคนสุดท้าย
หน้าตาก็นับว่าใช้ได้ แต่การแต่งตัวนี่ดูง่ายๆ สบายๆเกินไปหน่อยแล้ว ยิ่งดูเรียบๆจนๆกว่าพวกคนก่อนหน้าซะอีก!
หญิงสาวทั้งหลายต่างผิดหวังกันอย่างสิ้นเชิง
จางเหมิงมองดูหลินหยุน เธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูคุ้นตา เหมือนว่าจะเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนสักแห่ง
"เป็นนายนี่เอง!" จางเหมิงนึกขึ้นมาได้ในที่สุด "นายทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในบาร์โล่เฉินไม่ใช่เหรอ?"
ทันทีที่ประโยคนี้ถูกพูดออกมา สาว ๆ ที่เหลือก็ยิ่งผิดหวังหนักขึ้นว่าเดิม สายตาที่จ้องมองไปที่หลินหยุนจึงแฝงเร้นความรู้สึกดูถูกไว้จนเต็มเปี่ยม
โดยปกติแล้ว นักเรียนที่เรียนอยู่ในสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์ หากว่ามีสภาพครอบครัวที่ยากจน ก็ไม่ได้ถึงกับยากจนข้นแค้นอะไรมากมายขนาดนั้น ต้องเป็นนักเรียนที่ลำบากสุดๆแล้วจริงๆ ถึงจะออกไปทำงานหาลำไพ่พิเศษกัน
เป็นการพิสูจน์ได้ว่า สถานะของผู้ชายคนนี้ ยิ่งยากจนข้นแค้นซะยิ่งกว่าพวกจางซือจู่นั่นซะอีก
พวกจางซือจู่รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาแล้ว เรื่องที่หลินหยุนทำงานอยู่ในบาร์โล่เฉินนั้น พวกเขาเองก็รู้ดี แต่คิดไม่ถึงว่าจางเหมิงจะบังเอิญเคยเจอกับหลินหยุนในบาร์ด้วย
นี่กลายเป็นเรื่องน่าอึดอัดสุดๆไปซะแล้ว คนเราต่างก็รักหน้าตาตัวเองกันทั้งนั้น แล้วเธอเล่นมาพูดต่อหน้าสาธารณชนว่า หลินหยุนทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในบาร์แบบนี้ ไม่เท่ากับว่า เป็นการลากกันออกมาตบหน้ากลางสี่แยกเลยหรอกเรอะ!
จางเหมิงรู้สึกผิดหวังสุดขีด อีกทั้งเธอจะไม่มีวันยอมนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับพนักงานในบาร์คนหนึ่งเป็นอันขาด
"ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวก่อนนะ!" จางเหมิงพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่คิดถึงมารยาทอะไรทั้งสิ้น เดินจากไปโดยไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นแม้แต่น้อย
หลินหยุนยังไม่ได้เดินไปไกลนัก ได้ยินเสียงเทพฟ้าผ่าเปิดประตู ก็หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่
"หลินหยุน ยัยจางเหมิงนั่นเกินไปแล้วจริงๆ พวกเราเตรียมจะกลับไปพร้อมกับแกด้วย!"
เทพฟ้าผ่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
เวลาปกติ เทพฟ้าผ่ามักจะชอบแกล้งหยอกหลินหยุนขำๆเป็นที่สุด แต่ถ้าหลินหยุนเกิดเรื่องเมื่อไหร่ เขาจะเป็นคนแรกที่ออกมายืนตรงหน้าทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นเช่นนั้น
หลินหยุนยิ้มพลางพูดว่า "ทำไมฉันจะต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงคนหนึ่งด้วยล่ะ แถมเดิมที ฉันก็ไม่ได้วางแผนว่าจะมาด้วยอยู่แล้ว แกรีบกลับไปเถอะน่า พวกเธอเป็นผู้หญิงจะเอาแต่ใจหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เราเป็นผู้ชาย จะเสียมารยาทไม่ได้นะ"
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนไม่ได้มีท่าทีโกรธเลยสักนิด เทพฟ้าผ่าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“มู่มู่ แกไม่เป็นไรจริงๆเหรอวะ?” เทพฟ้าผ่าถามตรง ๆ เขาเป็นคนที่ไม่อ้อมค้อม ไม่เจ้าเล่ห์มากแผนการ
"ไม่เป็นไรจริง ๆ แกกลับไปเถอะ!" หลินหยุนยิ้มน้อย ๆ แล้วตบไหล่เทพฟ้าผ่าเบา ๆ ใบหน้าเรียบเฉยสงบนิ่ง
จู่ๆเทพฟ้าผ่าก็พิจารณามองหลินหยุน แล้วพูดด้วยความสงสัยว่า "ทำไมชั้นรู้สึกว่าแกเปลี่ยนไปวะเนี่ย?"
หลินหยุนยิ้มน้อยๆ "อย่าคิดมากเลยน่า รีบกลับไปเหอะ"
"เออ ถ้างั้นขากลับแกก็ระวัง ๆ หน่อยล่ะ มีอะไรก็โทรมานะเว้ย" เทพฟ้าผ่ากำชับ
"รู้แล้วน่า" หลินหยุนตอบรับ
พอเทพฟ้าผ่ากลับไป หลินหยุนก็ออกจากโรงแรมเซียงหมั่นหยวน
หลินหยุนไม่ได้โกรธจริงๆ เขาบำเพ็ญวิชาเซียนมาแปดร้อยปี พวกคุณหนูใหญ่ผู้เย่อหยิ่งถือดีแบบนี้ เขาเห็นมานักต่อนัก ก็เหมือนกับพวกมนุษย์ขยะในโลกใบนี้นั่นแหละ อะไรนิดอะไรหน่อย ก็ด่าฟ้าด่าดินด่าอากาศ แต่ไม่เคยด่าตัวเอง
วิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับมนุษย์ขยะแบบนี้ นั่นก็คือการเพิกเฉยไม่ต้องไปสนใจ หากคุณไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้ พวกมันก็จะเข้ามายุ่งเกี่ยวตอแยกับคุณไม่เลิก ยังอาจถึงขั้นทำให้คุณเจอเรื่องเลวร้ายอย่างใหญ่หลวงตามมา
เช่นในข่าวที่เห็นกันทุกวันนี้ แค่เพราะความเห็นไม่ลงรอยกันนิดหน่อย ก็นำพามาซึ่งการฆ่ายกครัวอย่างโหดเหี้ยม ก็คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด
หากคุณทำเป็นเพิกเฉยไม่สนใจ จะไปเพิ่มความเย่อหยิ่งอวดดีให้พวกนี้ จากนั้นวันหนึ่งมนุษย์ขยะพวกนี้ ก็จะไปเจอกับพวกที่เป็นมนุษย์ขยะยิ่งกว่า และในช่วงเวลานั้นเอง ผลกรรมก็จะตามมาโดยอัตโนมัติ
แม้ว่าหลินหยุนจะกลับไปก่อนก็จริง แต่ต่างฝ่ายต่างก็มีตะกอนความขุ่นเคืองในใจกันทั้งคู่ เพียงไม่นานกลุ่มนี้ก็แยกย้ายกันไป
แต่ก่อนจะกลับ จางเหมิงก็ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งเกี้ยวพาเข้าซะก่อน
แต่ด้วยนิสัยที่พอหงุดหงิดขึ้นมา ก็ด่าฟ้า ด่าดิน ด่าได้หมดของจางเหมิง สุดท้ายก็เดินเข้าไปแล้วตบเขาไปหนึ่งฉาดเต็มๆ
ครั้งนี้ จึงเป็นอะไรที่มากเกินไปแล้วจริงๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...