ลำแสงกระบี่กระแทกเข้าใส่รัศมีของพลัง จนระเบิดสั่นสะเทือนเกิดเสียงดังตูมตามขึ้น
แต่ลำแสงกระบี่ที่ทรงพลังนั้น กลับไม่มีแม้แต่รอยคลื่นพลังสั่นไหวเหนือรัศมีของพลังนั้นเลย
เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนี้ ใบหน้าของกี่คนนั้นต่างก็หม่นหมองลงอย่างที่สุด
ลู่ซานสูดหายใจลึก และพูดขึ้นเสียงแข็งขึ้นว่า “ลำแสงกระบี่ของฉันนี้ แทบจะเทียบเท่าได้กับอานุภาพของฟ้าร้องในมือของคุณชายจินเอี้ยนเลย ถึงแม้ว่าขอบเขตพลังการทำลายล้างจะเทียบเท่าไม่ได้ แต่อานุภาพการโจมตี เหนือกว่าฟ้าร้องในมืออย่างเทียบกันไม่ได้เลย”
“เพียบพร้อมด้วยพลังการโจมตีระดับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นจิตปฐมตอนต้น”
“แต่รัศมีนี้กลับไม่กระทบกระเทือนอะไรเลย”
“ตอนนี้พวกเรา......ถูกกักขังอยู่ด้านในแล้ว! ”
เวลานี้ หลินหยุนเองก็ขมวดคิ้วขึ้น และสอบถามเจียซินในใจว่า “เสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่นี้มาจากที่ไหน เธอรับรู้สัมผัสได้บ้างไหม? ”
เจียซินพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ไม่รับรู้เลย เสียงดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ ซึ่งไม่ใช่จากตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง! อีกทั้งภายในคฤหาสน์แห่งนี้ ก็ยังไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่! ”
“นายจะต้องระมัดระวังตัวด้วย! ”
หลินหยุนพยักหน้า จากนั้นก็หันมองไปที่จูหยู่และคนอื่น ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “สหายทั้งหลาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราไปดูกันที่ด้านหลังของตำหนักแห่งนั้นกันเถอะ! ”
จูหยู่พนักหน้าและพูดว่า “ตกลง! ”
ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็พูดต่อว่า “จินเอี้ยน ตอนนี้พวกเราถูกกักขังอยู่ด้านในนี้ ดังนั้นนายอย่าได้ก่อเรื่องจะเป็นการดีที่สุด ไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่เกรงใจกับนายเป็นแน่! ”
พูดจบก็ไม่ได้มองไปที่จินเอี้ยนเลย โดยพยักหน้าให้กับหลินหยุน แล้วทั้งสี่คนก็กลับมายังตำหนักนั้นอีกครั้ง
ภายในตำหนัก พวกเขากี่คนนั้นต่างก็จ้องมองสบตาซึ่งกันและกัน
จูหยู่พูดขึ้นว่า “ที่นี่มีช่องทางเดินอยู่สองช่อง มองจากลักษณะแล้วเหมือนจะไม่ได้ไปที่ตำแหน่งเดียวกัน ด้านหลังของตำหนักนี้ไม่ใช่ขอบเขตพื้นที่ภายในของคฤหาสน์ ตกลงมันเป็นอย่างไรกันแน่ ซึ่งพวกเราเองก็ไม่รับรู้ไม่เข้าใจอะไรเลย! ”
“ทำอย่างไรดี? ”
“พวกเราจะเดินไปในเส้นทางไหนดี? ”
“ถ้าหากพวกเราแยกกันเดิน เมื่อประสบกับอันตรายแล้ว จะต้องพบกับความกดดันอย่างมาก เพราะพลังความสามารถถูกแบ่งแยกออกจากกัน”
“ถ้าหากเดินไปในเส้นทางเดียวกัน”
“ก็เป็นไปได้ที่จะเดินผิดทางกันทั้งหมด! ”
ได้ยินที่เขาพูด จื่อหยุนก็รีบพยักหน้า และพูดขึ้นว่า “สหายจูหยู่พูดได้ถูกต้อง ดังนั้นพวกเราจะต้องคิดให้รอบคอบว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปกันดี! ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า “ใครก็ไม่สามารถที่จะตัดสินใจแทนคนอื่นได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันว่าให้ทุกคนตัดสินใจเลือกตามที่ตนเองต้องการเถอะ! ”
ขณะที่พูด หลินหยุนก็ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะตกลงอย่างไร ส่วนตนเองนั้นเลือกเส้นทางด้านซ้ายมือ แล้วก็เดินตรงเข้าไปด้านในทันที
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมากันที่หลินหยุน
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเรารู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งนั้นก็คือ หลินหยุนที่เพิ่งจะก้าวเดินเข้าไปนั้น ยังไม่ทันจะเดินไปได้สักกี่ก้าว เงาร่างก็หายวับไปต่อหน้าต่อหน้าของพวกเขาแล้ว
“นี่มัน......”
เห็นเหตุการณ์ดังนี้ พวกจูหยู่ทั้งสามคนต่างก็พากันสูดหายใจลึกอีกครั้ง!
จื่อหยุนเคลื่อนสายตาไปมา จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันจะเดินในเส้นทางนี้กับสหายหลินหยุน! ”
ขณะที่พูด ก็ไม่ได้รอให้จูหยู่กับลู่ซานพูดอะไรขึ้นอีก แล้วก็เคลื่อนตัวเดินเข้าไปในเส้นทางนั้น พริบตาเดียวก็หายวับไปต่อหน้าต่อหน้าของจูหยู่กับลู่ซานเช่นกัน
เธอไม่ต้องการที่จะเดินไปพร้อมกันกับจูหยู่และลู่ซาน
แม้ว่าเธอจะค่อนข้างเข้าใจพวกเขาทั้งสองคน โดยก่อนหน้านี้ยังถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันอีกด้วย
แต่คนอย่างจูหยู่นี้ กระทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ถ้าหากเผชิญหน้ากับหนึ่งคนในนั้น ภายใต้สถานการณ์ที่เธอเตรียมพร้อมทั้งหมดแล้ว ยังพอที่จะรับมือได้บ้าง
แต่หากเผชิญหน้ากับทั้งสองคน เธอรู้ดีว่าตัวเองนั้นคงจะไม่มีโอกาสอะไรเป็นแน่!
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เธอเองนั้นไม่รู้จักและไม่เข้าใจหลินหยุนเลยแม้แต่น้อย
แต่ภายใต้สถานการณ์อันตรายที่คับขันก่อนหน้านี้ หลินหยุนยังได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือชีวิตของเธอเอาไว้ นี่ก็บ่งบอกให้เห็นถึงจุดสำคัญหลายเรื่อง
ซึ่งอย่างน้อยหลินหยุนก็คือผู้ที่ทำให้เธอวางใจได้
หลังจากที่ก้าวเดินออกไป สถานการณ์เบื้องหน้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...