ขณะที่พูด พลังบำเพ็ญของเขาก็ขับเคลื่อนอย่างบ้าคลั่ง และแสดงท่าห้ามสิ่งวายชนม์ของสิบแปดท่าต้าเต๋าขึ้นอีกครั้ง
ทันใดนั้น เงาร่างของหลินหยุนก็กะพริบหายไป
โดยก่อนที่เขาจะออกมา ต้องนำลูกปัดจิตมรณะกับหญ้าหยินหยางมาไว้ในมือให้เรียบร้อย
แต่ในขณะนั้นเอง ชี่พิฆาตก็พุ่งทะยานขึ้น แล้วทำลายท่าห้ามสิ่งวายชนม์ของหลินหยุนลงในทันที
จากนั้นเสียงหัวเราะที่แก่ชราก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ไอ้พวกมดแมลงนี้ คิดไม่ถึงว่าจะมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์พลังต้าเต๋าระดับนี้ด้วย เหอะเหอะ ทำให้ฉันตกตะลึงเลยทีเดียว”
“ดูเหมือนว่า นายกับไท่ซานไอ้คนที่สมควรตายนั้น น่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากันเป็นแน่! ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากฉันจะจับตัวนาย ไท่ซานคงไม่มีทางที่จะทำเป็นไม่สนใจใช่ไหม? ”
เมื่อพูดจบลง ปราณพิฆาตก็เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งไม่มีที่สิ้นสุด ทันใดนั้นใบหน้าของคนคนหนึ่งก็ลอยขึ้นมา
นั่นคือชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
ตรงที่ระหว่างคิ้ว มีจุดสีดำราวกับว่าเป็นดวงตาอย่างไรอย่างนั้น
นี่คือสัญลักษณ์ของวิญญาณมรณะ
วิญญาณมรณะทุกตนจะต้องมีสิ่งนี้อยู่
หลินหยุนเคลื่อนสายตา และพูดขึ้นว่า “คิดที่จะจับตัวฉันเหรอ? แม้ว่านายจะเป็นวิญญาณมรณะขั้นแดนจิตปฐม แต่ก็เทียบเท่าได้กับวิญญาณมีชีวิตขั้นจิตปฐมตอนต้นเท่านั้น! ”
“ลำพังแค่นายในตอนนี้! คิดที่จะสังหารฉันอย่างนั้นเหรอ? ”
หลินหยุนหัวเราะเยาะ และขับเคลื่อนพลังบำเพ็ญอย่างสุดกำลัง เงาร่างก็พลันหายวับไป ทันใดนั้น พลังอันแข็งแกร่งที่สั่นสะเทือนไปทั้งชั้นฟ้าชั้นดิน ก็ตกหล่นทับลงมา
ตูม!
เสียงดังกึกก้อง สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งภูเขา
ปราณพิฆาตจำนวนนับไม่ถ้วน ต่างก็แหลกสลายกระจัดกระจายออกไปในทันที
ในขณะเดียวกัน อิทธิฤทธิ์ย่ำฟ้าเก้าทีของหลินหยุน ก็ได้แสดงถึงย่ำที่สองแล้ว
วิญญาณมรณะ คือผู้ฝึกอาฆาตอย่างแท้จริง
ดังนั้นย่ำที่สองและย่ำที่สามของอิทธิฤทธิ์ย่ำฟ้าเก้าที สำหรับผู้ฝึกอาฆาตแล้วนั้น ถือว่าเป็นแรงพลังกดทับที่ค่อนข้างแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว
ดังนั้นปราณพิฆาตทั้งหมด จึงได้แหลกสลายกระจัดกระจายไปอย่างบ้าคลั่ง
แต่เพียงพริบตาเดียว ลักษณะที่แท้จริงของหลุมศพคนนับหมื่นก็ได้ปรากฏขึ้นมาในทันที
นอกจากมีโครงกระดูกขาวโพลนแล้ว
ในส่วนที่ลึกที่สุด โครงกระดูกขาวร่างหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นที่ว่างที่ไม่มีโครงกระดูก
แต่ในตอนนี้กลับถูกอิทธิฤทธิ์ย่ำฟ้าของหลินหยุนกดทับอยู่อย่างหนักหน่วง
ขณะที่หลินหยุนย่ำที่สามออกไป โครงกระดูกก็พลันแหลกสลายไปในทันที
ในเวลาเดียวกัน ปราณพิฆาตก็เหมือนจะขาดการควบคุมลงไปโดยสิ้นเชิง
พลังที่มองไม่เห็น ได้สูญหายไปหมดสิ้นแล้ว
ในขณะนั้นเอง เงาร่างของหลินหยุนก็ปรากฏขึ้น จากนั้นก็สะบัดมือ นำหญ้าหยินหยางและลูกปัดจิตมรณะมาจัดเก็บไว้ด้านในแหวนเก็บของของตนเอง
แม้ว่าหลินหยุนจะเคยผ่านสถานการณ์ใหญ่มานับครั้งไม่ถ้วน
แต่เวลานี้ก็ยังคงมีความตื่นเต้นดีใจอยู่บ้าง
เพราะสมบัติล้ำค่าสองชิ้นนี้ล้วนเป็นสิ่งของที่หายากอย่างที่สุด
ลูกปัดจิตมรณะก็ดี หญ้าหยินหยางก็ดี ก็ล้วนแต่หายากทั้งนั้น
หลังจากที่จัดเก็บแล้ว หลินหยุนก็ลอยตัวลงมา มองไปที่จื่อหยุนและพูดขึ้นว่า “ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว ไปกันเถอะ พวกเราออกไปจากที่นี่กันได้แล้ว! ”
“เชื่อว่าพลังปิดกั้นบริเวณด้านนอกของคฤหาสน์ น่าจะสามารถทำลายลงได้แล้ว! ”
จื่อหยุนได้ยินดังนั้น ก็กลืนน้ำลาย พยักหน้า แล้วก็เหาะเหินตามหลินหยุนไป
เมื่อทั้งสองคนออกมาจากช่องทางเดินแล้ว ก็พลันพบเห็นจูหยู่กับลู่ซานทั้งสองคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...